พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่837 ฉันกลัวว่าเขาจะตบพี่ตาย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่837 ฉันกลัวว่าเขาจะตบพี่ตาย
ทที่837 ฉันกลัวว่าเขาจะตบพี่ตาย
คลับโกเบริเวอร์
รพีพงษ์กับฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุหญิงสาวสองคนเข้าไปในผับ แล้วหาที่นั่ง นั่งลง
เพราะลักษณะของฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุโดดเด่นกว่าใคร ดังนั้นเมื่อทั้งสามเข้าไปในผับ ก็ดึงดูดสายตาของคนจำนวนไม่น้อย
คนจำนวนไม่น้อยเมื่อเห็นข้างๆรพีพงษ์เป็นหญิงสาวสวยมากทั้งสอง หนึ่งในนั้นสวยดั่งเทพธิดา ทำเอาผู้คนต่างอิจฉาไปตามๆกัน
แต่เมื่อพวกเขาเห็นรพีพงษ์เข้ามา หาที่นั่ง จากนั้นพนักงานก็หยิบเหล้าที่แพงที่สุดของที่นี่มา ทันใดนั้นก็ล้วนรู้กันว่ารพีพงษ์ต้องเป็นคนที่มีเงินมหาศาลอย่างแน่นอน
“แม่ง มีเงินมันดีแบบนี้นี่เอง พาสาวสวยระดับเทพทั้งสองมาผับในครั้งเดียวกันได้ น่าอิจฉาชะมัด”
“นี่ ดุๆแล้ว วันนี้ต้องมีมวยแน่นอน ไม่รู้ว่าสหายคนนี้จะต้านทานได้มั้ย ถ้าต้านทานไม่ไหวล่ะก็ ฉันยอมช่วยเขา”
“ตอนนี้ฮิตออกกำลังกายแบบหลายคนหรอ ฉันก็อยากลองบ้างนะ”
……
ความอิจฉาริษยาเกลียดจากคนรอบข้างรพีพงษ์ทั้งสามนั้นไม่มีทางได้ยินแน่นอน ตอนนี้ฝนสุดาตื่นเต้น เหล้าที่อยู่บนโต๊ะ เธอเป็นคนสั่งทั้งนั้น หนึ่งในนั้นเป็นเหล้าที่ดื่มแก้วเดียวก็ทำให้คนเมาได้
เธอไม่เกรงใจรพีพงษ์แต่อย่างใด เธอรู้ว่าวันนี้แม้จะซื้อผับไว้ รพีพงษ์ก็ไม่แคร์
“มามามา เพื่อฉลองพวกเราทั้งสามรวมตัวกัน ดื่ม” ฝนสุดายิ้มพลางรินเหล้าให้รพีพงษ์และฝนสุดา คิดว่าเพิ่งมาถึงยังไม่สามารถมอมเหล้าได้ ดังนั้นฝนสุดาจึงเอาเหล้าธรรมดามาเปิดงานก่อน
รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา ชนกับฝนสุดา จากนั้นก็รวดเดียวหมด
ปกติอุเอสึงิ ฮารุไม่ค่อยดื่มเหล้า ตอนนี้มาถึงปุ๊ปก็หมดแก้ว ตามเกมส์ไม่ทัน ตอนนี้บนใบหน้า เริ่มแดงก่ำ
แต่ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง เทียบร่างกายกับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว เหล้าแค่แก้วเดียว ไม่ทำให้เมาได้
ตามจังหวะของดนตรีในผับ ทั้งสามพลางพูดคุยพลางดื่ม ฝนสุดาผู้ซึ่งมีนิสัยเฟรนด์ลี่ แม้รพีพงษ์กับอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองไม่ค่อยชอบพูด แต่นี่ก็ไม่ทำให้เกิดความอึดอัดแต่อย่างใด
ฝนสุดาได้เล่าเรื่องอันเจ็บปวดที่ตัวเองได้เจอมาในช่วงนี้ให้กับรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุฟัง ต่อว่าพ่อแม่และพี่ชายที่ใช้ไม่ได้ของเธออย่างรุนแรง
ในขณะที่ฝนสุดากำลังระบายอยู่นั้น อุเอสึงิ ฮารุที่เมาเล็กน้อยก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในฟิลนั้นเช่นเดียวกัน เธอจึงฉวยโอกาสนี้พูด
หลังจากที่ฟังอุเอสึงิ ฮารุพูดจบ ฝนสุดาคิดว่าเรื่องเลวร้ายที่ตัวเองเจอมานั้นไม่ได้ครึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ ในขณะเดียวกันก็สงสารอุเอสึงิ ฮารุขึ้นมาทันใด
ในขณะที่ทั้งสามพูดคุยกันอย่างมีความสุข ฮารุฮิ กันตะพาคนของตระกูลฮารุฮิเข้ามาในผับจำนวนมาก
เขามองไปรอบๆผับ ไม่นานก็เจอฝนสุดาที่กำลังดื่มเหล้ากับรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุอยู่
เขาเดินไปยังที่นั่นที่ฝนสุดานั่งอยู่ คนของตระกูลฮารุฮิจัดการกับผู้คนที่ขวางทางไว้จนหมด ตอนเริ่มแรกคนพวกนั้นรู้สึกไม่พอใจ แต่ล่ะจากที่เห็นอันธพาลอันบึกบึนของตระกูลฮารุฮิแล้วนั้น ก็ไม่กล้าพูดอะไร
“ดูนั่น คุณชายใหญ่ของตระกูลฮารุฮิ ทุกคนหลบไปไกลๆหน่อย ไม่งั้นจะบาดเจ็บได้นะ”
“ไอ้บ้าไหนที่ถูกคุณชายของตระกูลฮารุฮิเพ่งไว้อีกล่ะ ดูๆแล้ววันนี้ต้องสนุกแน่เลย”
ทุกคนสังเกตไปที่ฮารุฮิ กันตะ บรรยากาศในผับเปลี่ยนไปเพราะฮารุฮิ กันตะ
รพีพงษ์และทั้งสามก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนไปของผับ สายตาของพวกเขามองไปยังที่ที่ห่างออกไปไม่ไกล
หลังจากที่ฝนสุดาเห็นฮารุฮะ กันตะแล้ว ก็ขมวดคิ้วทันใด จากนั้นก็หลบหลังรพีพงษ์ แล้วกล่าวเบาๆว่า “นั่นคือพี่ชายของฉัน เขาจะต้องมาจับฉันกลับไปแน่ๆเลย คุณต้องปกป้องฉันนะ ถ้าเขาพาฉันกลับไป ฉันต้องแย่แน่ๆ”
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “สบายใจเถอะ ผมอยู่ ไม่ว่าใครก็เอาคุณไปไม่ได้”
แม้ที่รพีพงษ์พูดนี้ก็เพราะกำลังโอ้อวด แต่หลังจากที่ฝนสุดาได้ยินแล้วก็รู้สึกอุ่นใจขึ้น
เมื่อเทียบกับพ่อและพี่ชายแล้ว ชายคนนี้สามารถให้ความปลอดภัยกับเธอได้
หลังจากที่ฮารุฮิ กันตะเดินไปถึงที่นั่งแล้ว ก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งลงบนโซฟาโดยตรง แล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มไปกึบนึง
อันธพาลเหล่านั้นของตระกูลฮารุฮิล้อมรอบที่นั่งไว้ เสียงเพลงในผับก็หยุดลง ทุกคนล้วนมองมายังเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“น้องสาว ถ้าดื่มพอแล้ว ก็กลับไปกับพี่ อย่าอยู่กบัหมาจรจัดพวกนี้ แกใกล้แต่งงานแล้วนะ หาเพื่อนก็หาที่มันระดับเดียวกันหน่อย อยู่กับพวกขยะแบบนี้ จะพาเธอตกต่ำได้นะ” ฮารุฮิ กันตะกล่าวอย่างไม่เกรงใจ
หลังจากที่ฝนสุดาได้ยินคำพูดของฮารุฮิ กันตะแล้วนั้น ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา แล้วกล่าว “ฮารุฮิ กันตะ พูดให้มันดีๆหน่อย อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง ถ้าไม่มีครอบครัวเป็นแบ็ค อวดเก่งแบบนี้ ระวังตายนะ”
“เสียดายที่ฉันมีแบ็คเป็นตระกูลฮารุฮินะสิ น้องสาว อย่าบอกนะ ว่าตั้งแต่เด็กแกไม่ได้เติบโตจากการปกป้องของตระกูลฮารุฮิ” ฮารุฮิ กันตะกล่าวอย่างไม่แคร์
“ชิ แต่ฉันก็ไม่เคยหยิ่งยโสแบบนี้ แกนะกำลังทำให้ตระกูลฮารุฮิเสียหน้าอยู่!” ฝนสุดาตะคอก
ฮารุฮิ กันตะ เหยียดหยาม กล่าว “ฉันหยิ่งยโส ก็เพราะฉันมีสิทธิ์หยิ่งยโสได้ ไม่เหมือนกับไอ้ขยะพวกนี้ คิดหาวิธีสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลฮารุฮิของฉัน ไม่คาดคิดว่าจะเข้าทางน้องสาวฉันแล้ว คนแบบนี้ ต้องสั่งสอนมันบ้าง แกว่าจริงไหม?”
พูดพลาง ฮารุฮิ กันตะก็มองไปที่รพีพงษ์ ด้วยสายตาไม่พอใจ
เขามองรพีพงษ์ว่าเป็นชายร้อยเล่มเกวียนที่จะเข้าทางฝนสุดาเพื่อเกาะตระกูลฮารุฮิ
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของฮารุฮะ กันตะแล้วนั้น ก็ยิ้มออกมา “คนที่ชอบทำตัวเหนือกว่าอย่างแก ฉันก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกนี่แหละ ทำไมแกถึงคิดว่าแบ็คของฉัน ไม่เก่งเท่าตระกูลฮารุฮิล่ะ?”
ฮารุฮิ กันตะบึนปาก แล้วกล่าว “ถ้าแบ็คของแกดีกว่าฉันล่ะก็ ฉันจะต้องรู้ว่าแกเป็นใคร แต่ในสายตาฉัน แกก็เป็นแค่ไอ้สวะที่พึ่งผู้หญิงแหละวะ”
พูดจบ เขาก็ยืนขึ้น จากนั้นก็กำหมัด มองไปที่รพีพงษ์เหมือนจะลงมือ
“น้องสาวฉันกำลังจะแต่งงาน แต่แกกลับหลอกเธอมานี่ แค่จุดนี้ ก็พอที่จะให้ฉันสั่งสอนแกได้แล้วล่ะ”
ฝนสุดารีบยืนขึ้น แล้วห้ามฮารุฮิ กันตะไว้
“น้องสาว แกห้ามฉันก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนไอ้คนที่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงให้ได้” ฮารุฮิ กันตะกล่าว
ฝนสุดาเบื่อหน่าย แล้วกล่าว “พี่เข้าใจผิดล่ะ ที่ฉันห้ามน่ะ เพราะกลัวว่าพี่จะโดนตบตาย พี่รีบออกไปเหอะ พี่ไม่ชนะเขาหรอก