พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่846 เดินทางไปตระกูลฮารุฮิ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่846 เดินทางไปตระกูลฮารุฮิ
บทที่846 เดินทางไปตระกูลฮารุฮิ
หลังจากที่เอาเงินประมูลให้กับคณะผู้จัดงานแล้วนั้น รพีพงษ์ก็ได้รับดาบมารที่ถูกขนานนามว่าดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่นมาอย่างราบรื่น มุรามาสะ
ดาบนี้เมื่ออยู่ในมือจะให้ความรู้สึกเยือกเย็น รพีพงษ์รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมา เขารู้สึกตัวเองเริ่มมีความอยากฆ่าคนขึ้นมา อยากที่จะถือดาบแล้วฆ่าคนรอบข้าง
ความเข้าใจในที่มาและมนุษยชาติบางครั้งก็สามารถบ่งบอกถึงพลังอำนาจของสิ่งนั้นได้ อายุอันยาวนานของดาบนี้ ได้ผ่านมือมาหลายคน และมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นตอนที่ผู้คนถือดาบนี้ไว้นั้น จะรู้สึกเหมือนกับที่ผู้คนเหล่านั้นได้พูดถึงไว้เกี่ยวกับดาบนี้
นี่ถือเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง พอดีกับที่รพีพงษ์ได้ยินมาว่าผู้ที่ถือดาบนี้จะเปลี่ยนเป็นนักฆ่า ดังนั้นตอนนี้จึงได้มีความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้น
แน่นอน ถ้าดาบนี้ส่งต่อไปอีกคนได้จริง รพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายมันอย่างไร นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับปรัชญา
หลังจากที่มือหนึ่งได้ลูบลงไปบนดาบแล้วนั้น รพีพงษ์ก็รับรู้ได้ถึงผิวดาบ ดูจากการทำ ดาบนี้มีน้อยมากบนโลก
เขาไหลเวียนพลังวิเศษเสน ให้พลังวิเศษเสนไหลเวียนมาที่มือ ส่งไปยังดาบ ดาบนั้นมีเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย ดูๆไปเหมือนจะลี้ลับ
ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองที่อยู่ข้างๆล้วนมองเหตุการณ์นี้ด้วยความตะลึง ไม่คาดคิดว่าดาบในตำนานจะมีจุดที่ทำให้คนไม่เห็นมาก่อนด้วย
พนักงานของงานประมูลก็ตกใจกับเสียงของดาบ แม้พวกเขาจะรู้ถึงตำนานของมุรามาสะ แต่ดาบนี้วางไว้ที่พวกเขาตั้งนานแต่กลับไม่มีเหตุการณ์อะไรลี้ลับเกิดขึ้นเลย เมื่ออยู่ในมือของรพีพงษ์ กลับมีเสียงดังขึ้น
แค่มีเสียงดังขึ้นมา ก็พอที่จะทำให้คนกลัวได้แล้ว
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ นี่เป็นผลลัพธ์ที่ได้จากพลังวิเศษเสนของรพีพงษ์ โดยตัวของดาบมุรามาสะเองนั้นทำไม่ได้
“เป็นดาบที่ดีจริงๆ ก่อนที่ผมจะเขาไปในโลกของดาบ ขอให้คุณเป็นตัวกลางในการแสดงพลังของผม ของคุณอย่าทำให้ผมผิดหวังเลยนะ”
รพีพงษ์ยิ้มพลางเอามุรามุสะใส่เข้าไปในดาบ
เขาไม่ได้ทดลองในขณะที่มีมุรามาสะจะแสดงพลังออกมาได้มากเท่าไหร่ เพราะถ้าทำลายงานประมูลนี้ ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
ทั้งสามเดินออกไปนอกงานประมูล ได้ของที่ต้องการแล้ว พวกเขาไม่สนใจสิ่งของที่เหลือในงานประมูลแล้ว
ตอนเพิ่งถึงหน้าประตูงานประมูล รพีพงษ์เห็นฮารุฮิ กันตะที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ฮารุฮิ กันตะรออยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เพื่อความแน่ใจ ว่ารพีพงษ์ได้จ่ายเงินร้อยห้าสิบล้านดอลล่าร์จริง
ตอนที่เห็นในมือของรพีพงษ์ถือดาบมุรามาสะนี้อยู่นั้น ฮารุฮิ กันตะก็หน้าบึ้งทันที
รพีพงษ์ยิ้มให้เขา แล้วกล่าว “คุณชายฮารุฮิ กันตะรออะไรอยู่ที่นี่หรอ? หรืออยากลิ้มลองพลังของมุรามาสะของฉัน?”
ฮารุฮิ กันตะดูแคลน กล่าว “มึงมั่นหน้าให้น้อยๆหน่อย น้องสาวกูจะแต่งงานกับคนของตระกูลอุเอสึงิอยู่แล้ว มึงแย่งเธอไป ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับตระกูลอุเอสึงิ กูไม่เชื่อว่าที่ประเทศญี่ปุ่นนี้ มึงจะชนะตระกูลอถเอสึงิได้ กูจะไปตระกูลอุเอสึงิเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาจัดการมึง!”
พูดจบ ฮารุฮิ กันตะก็หันหลังแล้วจากไป
รพีพงษ์หลับตาลง แล้วไปอยู่ตรงหน้าของฮารุฮิ กันตะ จากนั้นก็ยื่นมือออก จับไปที่คอของเขา ยิ้มพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นกูก็จะไม่ให้มึงไป”
“มึงจะทำอะไร! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!” ฮารุฮิ กันตะผวาขึ้นมา ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะลงมือกับเขา
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวพวกเรากินข้าวด้วยกันก่อน แล้วกูจะส่งมึงกลับตระกูลฮารุฮิ” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ
พูดจบ ก็ลากเขาไปอยู่ต่อหน้าฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุ
นักเลงพวกนั้นของฮารุฮิ กันตะได้รู้ถึงฝีมืออันเก่งกาจของรพีพงษ์แล้วเมื่อคืน ดังนั้นจึงไม่กล้าเข้ามา
ฝนสุดาเห็นรพีพงษ์จับฮารุฮิ กันตะไว้ ก็แปลกใจ แล้วถาม “คุณจับเขาทำไม?”
“มันจะไปรายงานข่าวตระกูลอุเอสึงิ ถ้าตระกูลอุเอสึงิรู้ว่าคุณอยู่กับผม งั้นแผนที่วางไว้ก็จบเห่สิ” รพีพงษ์อธิบาย
“พวกเราจับเขาไว้ตลอดไม่ได้ป่ะ แบบนี้ยิ่งทำให้พ่อของฉันรู้สึกไม่ชอบมาพากลนะ” ฝนสุดากล่าว
“ดังนั้น เดี่ญวพวกเรากินข้าวเสร็จ ก็จะไปที่บ้านคุณ ผมจะพูดกับพ่อคุณเอง”
พูดจบ รพีพงษ์ก็พาฮาระฮิ กันตะเดินนำหน้าไป
ฮารุฮิ กันตะก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีทางต่อต้านรพีพงษ์ได้
ผู้คนทั้งหลายไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ฮารุฮิ กันตะพยายามหาเรื่องรพีพงษ์ตลอดทาง แล้วยังทะเลาะไม่หยุด รพีพงษ์แค่แสดงพลังออกมานิดหน่อย ฮารุฮิ กันตะก็สงบลง
“มึงจับกูก็ไร้ประโยชน์ นายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิจะเอาน้องสาวกูเป็นเมีย มึงทำแบบนี้ก็เหมือนกำลังเป็นต่อต้านตระกูลอุเอสึงิอยู่
“ไอ้หยา กินของยังหุบปากพี่ไม่ได้ ถ้าพี่ยังพูดอีก ฉันจะเทก๋วยเตี๋ยวของพี่ทิ้งแล้วนะ” ฝนสุดาชักตาใส่ฮารุฮิ กันตะ
ฮารุฮิ กันตะรีบคว้าถ้วยก๋วยเตี๋ยวของตัวเองไว้ มองไปที่ฝนสุดาแล้วกล่าว “เสียดายที่ฉันอุตส่าห์จะช่วยแกให้ออกมาจากน้ำมือของไอ้นี่ แต่แกกลับเห็นพ้องกับมัน ฉันมีน้องสาวเลวร้ายแบบนี้ได้ไงกัน”
ฝนสุดาบึนปาก กล่าว “พี่ไม่ใช่ว่ากลัวถ้าฉันไม่แต่งกับคนของตระกูลอุเอสึงิแล้วความโมโหของตระกูลอุเอสึงิโมก็จะกระทบทรัพย์สินของพี่ไม่ใช่หรอ แล้วยังมีหน้ามาว่าฉันเลวอีก หน้าด้านจจริงๆ”
รพีพงษ์ดูพี่ชายน้องสาวทะเลาะกัน ก็วางตะเกียบในมือลง กล่าว “พอแล้ว รีบกินซะ ถึงบ้านคุณ ผมจะอธิบายให้ชัดเจน”
ฝนสุดาเชอะใส่ฮารุฮ กันตะ ก้มหน้าแล้วกินก๋วยเตี๋ยวต่อ
ฮารุฮิ กันตะไม่พอใจ รู้สึกว่าฝนสุดาพูดเกินไป แต่ตอนนี้ฝนสุดามีรพีพงษ์คอยให้ท้าย ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
อุเอสึงิ ฮารุเห็นดังนี้ ก็ยิ้มออกมา เธอรับรู้ได้ถึงความเป็นพี่น้องของฮารุฮิ กันตะและฝนสุดา เพียงแค่ทั้งคู่ไม่ชอบขี้หน้ากันตั้งแต่เล็ก นี่เรื่องปกติระหว่างพี่ชายน้องสาว
แต่อุเอสึงิ ฮารุไม่เคยพูดแบบนี้กับพี่ชายของตน เพราะเหล่าพี่ชายพวกนั้นของเธอ มองเธอเป็นคนนอก
ดังนั้นอุเอสึงิ ฮารุจึงค่อนข้างอิจฉาฝนสุดา
หลังจากกินข้าวแล้ว ผู้คนทั้งหลายก็พากันไปยังตระกูลฮารุฮิ
ฮารุฮิ กันตะและฝนสุดานำทางไป รพีพงษ์ก็ได้พบกับพ่อของฝนสุดา
ณ ห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลฮารุฮิ
ฮารุฮิ สินมองไปยังฝนสุดาที่หายตัวไปสองวัน ทำเอาแก้วที่อยู่ในมือตกลงกับพื้น
“แกยังมีหน้ากลับมาอีก! ไสหัวไปซะ ฉันฮารุฮิ สิน ไม่มีลูกสาวอย่างแก!”