พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่848 กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่848 กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน
บทที่848 กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน
“แก……แกเป็นใครกันแน่? ทำไมมีพลังที่น่าเกรงขามได้ขนาดนี้?” ฮารุฮิ สินมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความเฝ้าระวัง ขณะนี้ เขาต้องให้เกียรติรพีพงษ์แล้ว
รพีพงษ์เก็บมุรามาสะ แล้วกล่าวอย่างช้าๆว่า “ผมชื่อลลินดา มาจากประเทศจีน หรือคุณจะเรียกผมว่า……นายน้อยเทือกเขากิสนา”
นายน้อยเทือกเขากิสนาออกมาจากปากเขา ฮารุฮิ กันตะและคนของตระกูลฮารุฮิก็ตะลึง แม้ตอนนี้มีหลายตระกูลหรือหลายบริษัทที่ไม่ค่อยรู้จักเทือกเขากิสนา พวกเขาคิดว่าเทือกเขากิสนาก็แค่สวนสนุกหรูหราเท่านั้น
แต่ตระกูลฮารุฮิรู้ถึงความน่าเกรงขามของเทือกเขากิสนา ที่นี่มีคอนเน็คชั่นมาก มากพอที่จะล้างบางตระกูลชั้นนำอย่างพวกเขาได้
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนั้นฝนสุดาถึงให้เกียรติเทือกเขากิสนา และต่อมาเรื่องการล้างบางของตระกูลวัชรากิจกุลก็ได้พิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้
ตอนนั้นฮารุฮิ สินเน้นย้ำฝนสุดาและฮารุฮ กันตะ ไม่ว่าจะหาเรื่องใคร ก็อย่าไปหาเรื่องคนของเทือกเขากิสนา ถ้ามีโอกาส ก็ให้สร้างสัมพันธไมตรีกับคนของเทือกเขากิสนาเสียเลย
ฮารุฮิ สินมองว่า เทือกเขากิสนาน่ากลัวกว่าตระกูลอุเอสึงิเสียอีก
พวกเขาก็ได้ยินมาว่า ตระกูลนิธิวรสกุลที่เมื่อก่อนถูกล้างบาง ก็เป็นฝีมือของนายน้อยเทือกเขากิสนา
แม้ฝนสุดาและนายน้อยเทือกเขากิสนามีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น แต่เพราะรู้ว่าไม่มีทางหลงเอยกับรพีพงษ์ได้ ดังนั้นฝนสุดาจึงไม่ได้บอกครอบครัวเรื่องนี้
ตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าคนที่ลูกสาวของตนเฝ้ารำพึงรำพันทุกวันนั้น ก็คือนายน้อยเทือกเขากิสนา แล้วจะไม่ตกใจได้ไงกัน
ฮารุฮิ กันตะมองรพีพงษ์อย่างสับสน เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์ถึงได้ใช้เงินร้อยห้าสิบล้านดอลล่าร์ซื้อดาบเล่มนี้โดยที่ไม่เสียดายใดๆ
ที่แท้ไอ้นี่คือนายน้อยเทือกเขากิสนา!
ด้วยทรัพย์สินของเทือกเขากิสนา ร้อยห้าสิบล้าน ก็เป็นแค่เงินค่าขนมของรพีพงษ์เท่านั้น
ฮารุฮิ สินและทาจิมะ ฮิซาโกะมีความคิดมากมาย ฮารุฮิ สินนึกถึงความสามารถของเทือกเขากิสนาว่าน่าเกรงขามได้ถึงขึ้นทำให้คนคาดไม่ถึง นายน้องของพวกเขามีฝีมือเหมือนเทพญดาแบบนี้ ถ้าคนของเทือกเขากิสนามีฝีมือแบบนี้ ทั้งโลก ก็ไม่มีใครเป็นศัตรูของเทือกเขากิสนาอีกแล้ว?
ทาจิมะ ฮิซาโกะนึกถึงลูกสาวตัวเองที่ชอบผู้ชายจนๆคนหนึ่ง แต่ทว่ากลับมีตัวตนที่ใหญ่โตอย่างนายน้อยเทือกเขากิสนา เด็กนี่มันจริงๆ เรื่องแบบนี้ยังปกปิดพวกเขา ถ้าเธอบอกพวกเขาแต่แรกว่าชอบนายน้อยเทือกเขากิสนา พวกเขาจะบังคับให้เธอแต่งกับตระกูลอุเอสึงิได้ไงกัน แต่พูดจริงๆ นายน้อยเือกเขากิสนาดูๆไปเหมือนเทพจุติลงมา คู่ควรกับลูกสาวของเรา เป็นอย่างมาก
“ดังนั้นครั้งนี้ที่คุณมาประเทศญี่ปุ่น เพื่อขัดขวางงานแต่งของลูกสาวกับตระกูลอุเอสึงิ?” ทาจิมะ ฮิซาโกะถาม
รพีพงษืคิดแล้วคิดอีก เธอพูดไม่ผิด จึงได้พยักหน้า กล่าว “ถูกครับ”
ทาจิมะ ฮิซาโกะเห็นรพีพงษ์ยอมรับ ก็แสดงสายตาเหมือนได้เลือกลูกเขยไว้แล้ว แล้วกล่าว “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ถ้าแบบนี้ ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด ฝนสุดานี่จริงๆเลย มีตัวตนแบบนี้ก็ไม่บอกพวกเรา ทำเอาพวกเราต้องทะเลาะกันตั้งนาน”
“พวกเราอย่ายืนอยู่เลย ในเมื่อกำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว พวกเราก็นั่งคุยกันดีกว่านะ”
“ตัวตนของคุณยิ่งใหญ่ แล้วยังเหมือนเทพเซียนอีก ฝีมือยอดเยี่ยม เพื่อลูกสาว ก็พร้อมที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลอุเอสึงิ แล้วยังมาที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อขัดขวางงานแต่ง พวกเราดูออกถึงความจริงใจของคุณที่มีต่อลูกสาวเรา ดังนั้นถ้าอยากอยู่กับลูกสาวของเรา แม้จะต้องผิดคำสัญญากับตระกูลอุเอสึงิ พวกเราก็สนับสนุนพวกเรา”
ทุกคนได้ยินคำพูดของทาจิมะ ฮิซาโกะ ก็อ้าปากค้าง ไม่คาดคิดว่าจากที่หยิ่งผยอง แค่คำพูดกี่คำของทาจิมะ ฮิซาโกะ ก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
ฮารุฮิ สินหรือสึกว่าทาจิมะ ฮิซาโกะพุดถูก เพราะถ้าสามารถแต่งวงานกับเทือกเขากิสนาได้ ตระกูลฮารุฮิก็ไม่ต้องกลัวตระกูลอุเอสึงิแล้ว รพีพงษ์ทั้งวัยรุ่นทั้งมีความสามารถ ดีกว่าตระกูลอุเอสึงิอย่างมาก
ฝนสุดาหน้าแดง ไม่คิดว่าทาจิมะ ฮิซาโกะจะเข้าใจผิดคิดว่าที่รพีพงษ์มาประเทศญี่ปุ่นก็เพราะมาขอแต่งงาน อยากจะมุดหัวลงดินให้ได้ในตอนนี้
รพีพงษ์ก็รู้สึกงงๆ แล้วนับถือการปะติดปะต่อเรื่องของทาจิมะ ฮิซาโกะอย่างมาก
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมมาเพื่อขัดขวางงานแต่งลูกสาวคุณจริง แต่คนล่ะเหตุผลกับที่คุณคิดไว้ ผมจะช่วยเธอ เพราะเธอเคยช่วยชีวิตผมไว้ และตระกูลอุเอสึงิทำเรื่องร้ายๆไว้ ควรต้องกำจัด” รพีพงษ์อธิบาย
ทาจิมะ ฮิซาโกะและฮารุฮิ สินได้ยินแล้วนั้น ก็ตกใจ ไม่ว่าจะยังไง ลูกสาวเขาก็ชอบรพีพงษ์อย่างมาก แต่ถ้าตามที่รพีพงษ์พูดออกมานี้ เขาไม่ได้มาเพื่อฝนสุดา แต่มาเพื่อทดแทนพระคุณก็เท่านั้น
หลังจากที่ฝนสุดาได้ฟังรพีพงษ์อธิบายแล้วนั้น ก็สิ้นหวัง แม้เธอรู้ดีถึงนิสัยของรพีพงษ์ ไม่มีทางยอมรับกับความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาได้ เธอรู้สึกเศร้าโศก
ในใจของเขา ไม่มีตัวเองอยู่เลยแม้แต่ครึ่งเดียว
“ดูคุณพูดเข้าสิ สุดาของเราก็ไม่แย่นะ ถ้าคุณชอบเธอ พวกเราไม่ขัดขวาง” ทาจิมะ ฮิซาโกะไม่อยากพลาดโอกาสดองกับเทือกเขากิสนา
“ขอโทษครับ ผมแต่งงานแล้ว มีลูกสาวแล้วด้วย ดังนั้นจะไม่มีทางชอบใครได้ีอก ขอคุณอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย” รพีพงษ์กล่าว
ทาจิมะ ฮิซาโกะอับอาย ไม่คิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนี้
ฮารุฮิ สินเห็นบรรยากาศอึดอัด จึงรีบเปลี่ยนหัวเรื่อง แล้วถาม “ที่คุณพูดว่าตระกูลอุเอสึงิทำเรื่องไม่ดีไว้ คือมีปัญหากับตระกูลอุเอสึงิ หรือมีเหตุผลอื่น”
รพีพงษืไม่ลังเลที่จะเล่าเรื่องความชั่วร้ายของตระกูลอุเอสึงิให้ฟังในทันที จากนั้นก็ได้พูดเหตุผลที่ตระกูลอุเอสึงิต้องการฝนสุดาเพื่อะไร
พูดจบ เขาก็ให้อุเอสึงิ ฮารุผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นพยานพิสูจน์ว่าเรื่องที่เขาพูดมานั้นคือความจริง
เมื่อคนของตระกูลฮารุฮิฟังจบ ก็ตะลึง ไม่คิดว่าเบื้องหลังของตระกูลอุเอสึงิจะเป็นแบบนี้
แต่เรื่องที่นายใหญ่ของตระกูลอุเอสึงิกำลังฝึกฝนวิธีพัฒนาความสามารถนั้นฮารุฮิ สินรู้อยู่แล้ว แต่พิธีของตระกูลอุเอสึงินี้ เขาไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายได้ขนาดนั้น
เขาหันไปมองฝนสุดา ด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่คิดว่าการที่เขาทำเพื่ออนาคตของตระกูลฮารุฮินั้น เหมือนกับกำลังส่งฝนสุดาลงกองไฟอย่างไรอย่างนั้น
ทาจิมะ ฮิซาโกะก็โทษตัวเอง ทั้งคู่เดินไปที่ฝนสุดา แล้วขอโทษเธอ
ฝนสุดาไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยใดๆ เพราะยังไงก็เป็นพ่อแม่ของตน บวกกับเรื่องแต่งงานเป็นสถานการณ์บังคับ แม้เธอจะโทษทั้งสอง ก็ไม่มีความหมายใดๆ
“หนูยกโทษให้ แต่อนาคตถ้าแบ่งสมบัติ หนูขอครึ่งนึง ไม่งั้นฮารุฮิ กันตะรังแกหนู หนูจะไม่ทนแบบนี้อีกแล้ว” ฝนสุดาเกรี้ยวกราด
กำลังคิดว่าจะขอโทษรพีพงษ์อย่างไร ฮารุฮิ กันตะที่กำลังจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาได้ยินคำพูดนี้ของฝนสุดา ก็งงขึ้นมา