พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่850 เลื่อนวันเลื่อนขั้น
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่850 เลื่อนวันเลื่อนขั้น
บทที่850 เลื่อนวันเลื่อนขั้น
“นี่ฉัน เนื้อเข้าปากเสือแล้วหรือนี่?” รพีพงษ์บ่นกับตัวเอง ฟังวิธีที่ทาจิมะ ฮซาโกะสอนฝนสุดาจบ ก็รู้สึกตัวเองติดกับดัก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาบังเอิญได้ยินทั้งสองคนคุยกัน ไม่แน่อาจจะหลงกลของทาจิมะ ฮิซาโกะจริงๆแล้วก็ได้
แม้ฝนสุดาจะพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รพีพงษ์มา แต่ผู้หญิงคนนี้ไร้เดียงสา แต่ทาจิมะ ฮิซาโกะหญิงที่ใช้ชีวิตมาครึ่งค่อนชีวิตแล้วไม่เหมือนกัน เธอรู้ดีว่าการที่จะจับผู้ชายนั้นต้องทำอย่างไร ถ้ารพีพงษ์ไม่ป้องกันไว้ก่อน บางทีอาจตกหลุมพรางจริงๆก็ได้
ในเวลาเดียวกันรพีพงษ์ก็เข้าใจว่าทำไมฝนสุดาถึงมีความคิดแปลกๆ มีแม่แบบนี้ แม้ฝนสุดาจะไร้เดียงสาก็ไม่ได้
“งั้นตอนนี้ฉันควรจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือไปอยู่ด้านนอกดี เทียบกับตระกูลอุเอสึงิ ผู้หญิงพวกนี้น่ากลัวยิ่งกล่าว” รพีพงษ์พึมพำ
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดว่าจะอยู่ที่นี่ต่อดีมั้ยนั้น ก็มีเสียงดังมาจากด้านใน
“แม่ แม้วิธีนี้จะทำให้รพีพงษ์ทิ้งหนูไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่หนูอยากได้ ตั้งแต่ไหนแต่ไร หนูอยากให้เขามีหนูแค่คนเดียว วิธีแบบนี้มีแต่จะทำให้เขาเกลียดหนูมากเข้าไปอีก หนูไม่อยากกลายเป็นคนที่เขาเกลียด แบบนั้นสู้หนูไม่เจอเขาเลยตลอดชีวิตจะดีกว่า” ฝนสุดากล่าว
จากนั้นเธอก็ดันยาที่อยู่ตรงหน้าเธอไป แสดงจุดยืนของตัวเอง
ทาจิมะ ฮิซาโกะเห็นฝนสุดาปฏิเสธวิธีการของเธอ ก็รู้สึกงงงวย ได้อ้อนวอนต่อว่า “ลูกสาว นี่น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของลูกแล้ว ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป ต่อไปไม่ว่าลูกจะทำยังไง ก็ยากแล้ว”
“แม่ไม่ต้องพูดแล้ว หนูไม่มีทางใช้วิธีนี้กับรพีพงษ์แน่นอน หนูไม่ได้ใจเขามา ก็หมายถึงหนูยังไม่ดีพอ หนูไม่อยากให้เขามองหนูว่าเป็นหญิงเลวที่เล่ห์เหลี่ยมจัด”
พูดจบ ฝนสุดาก็ยืนขึ้น สูดหายใจเข้าลึกๆ กับความรู้สึกที่ผ่อนคลาย
รพีพงษืที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่คิดว่าฝนสุดาจะเลือกวิธีนี้ นี่ทำให้รพีพงษ์มองเธอในมุมมองใหม่
แต่ในความคิดเขา ฝนสุดาไม่ใช่ไม่ดีพอ แต่เขามีอารียาแล้ว ดังนั้นเขาไม่สามารถรักใครได้อีก
ถ้าจะโทษก็โทษได้เพียงที่ฝนสุดาเจอเขาช้าไป
ได้ยินเหมือนฝนสุดาจะออกมา รพีพงษ์ก็รีบหยิบมุรามาสะลงด้านล่างไป
หลังจากที่ฝนสุดาออกมาจากห้องแล้ว รู้สึกแปลกๆ แล้วได้พึมพำกับตัวเองว่า “แปลกจัง ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนแอบฟังพวกเราคุยกันนะ หรือฉันรู้สึกไปเอง?”
……
ตระกูลอุเอสึงิ
ในห้องของอุเอสุงิ ทาคิโนะ
แสงไฟสลัวในห้อง มีเทียนจุดอยู่หลายอัน ข้างๆเป็นกระถางธูป ด้านในปักธูปหอมไว้
ตรงกลางของห้อง มีโต๊ะวางอยู่ บนโต๊ะ วางของบูชาไว้หลายชนิด เหมือนกับกำลังบวงศรวงอะไรอยู่
อุเอสึงิ ทาคิโนะกำลังคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของโต๊ะ หลับตา ท่องบทสวด เหมือนกับกำลังทำพิธีอะไรอยู่
ผ่านไปนาน อุเอสึงิ ทาคิโนะเปิดตาขึ้น เป่าลมออกมา แล้วกล่าวอย่างช้าๆว่า “มีเรื่องอะไร พูดมา”
ในมุมของห้อง เงาๆหนึ่งที่ไม่รู้ว่าปรากฏกายที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังจากได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ทาคิโนะแล้ว เงานั้นก็ได้โค้งคำนับให้กับอุเอสึงิ ทาคิโนะ แล้วกล่าว “คนของเราพบคุณหนูอุเอสึงิ ฮารุที่งานประมูลและโรงแรมซากุระ เธออยู่กับคุรหนูตระกูลฮารุฮิ แล้วยังมีวัยรุ่นยี่สิบกว่าปีอีกคน”
“ถ้าพวกเราทายไม่ผิดล่ะก็ คุณหนูอุเอสึงิ ฮารุได้แปรพักตร์แล้ว”
อุเอสึงิ ทาคิโนะได้ยินคำพูดนี้ ก็กล่าว “ทำไม เธอบอกเรื่องของตระกูลอุเอสึงิ ให้กับคนของตระกูลฮารุฮิฟังหรอ?”
“แม้จะยังไม่แน่ใจ แต่น่าจะเป็นไปได้สูง มิเช่นนั้นหลังจากที่เธอกลับเข้ามาในประเทศแล้ว ก็น่าจะกลับมาเป็นที่แรกจึงจะถูก” เงาดำกล่าว
อุเอสึงิ ทาคิโนะเยาะเย้ย กล่าว “คิดไม่ถึงว่าหญิงคนนี้จะทรยศตระกูลอุเอสึงิได้ เธอมันแย่ยิ่งกว่าหมาจริงๆ หมาอย่างน้อยมันจะไม่ทรยศต่อเจ้าของ”
“ถ้าก่อนหน้านี้รู้เรื่องนี้ ฉันจะได้จับมันมา แต่ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นอะไรแล้ว แม้มันจะเล่าเรื่องของฉันให้ตระกูลฮารุฮิฟังก็แล้วไง ฉันไม่ต้องการคุณหนูของตระกูลฮารุฮินั่นแล้ว”
พูดจบ เขาหยิบหยกออกมาจากเสื้อผ้า เอามาดูอย่างละเอียด หยกนี้คือเหตุผลที่รพีพงษ์มาญี่ปุ่น หยกโยงจิต
“ฉันก็คิดไม่ถึงว่าหยกนี่ที่มาจากประเทศจีนก็ลี้ลับขนาดนี้ ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น แล้วยังกำจัดความชั่วร้ายออกไปอีก มีหยกนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นหลังจากเลื่อนขั้นต้องมีอะไรกับผู้ที่ยังมีพรหมจรรย์แล้ว”
“ดังนั้นหญิงสาวคนนั้นจะบอกเรื่องของฉันกับตระกูลฮารุฮิหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว”
เงาดำเมื่อได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ทาคิโนะ ก็กล่าว “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”
อุเอสึงิ ทาคิโนะยืนขึ้นมาจากพื้น จ้องไปที่ของดำที่อยู่บนโต๊ะนั้น แล้วกล่าว “วันนี้ทุกคนได้เตรียมตัวพร้อมแล้ว แล้วยังมีหยกนี้อีก ฉันก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป”
“เดี๋ยวฉันจะเริ่มการเลื่อนขั้น การเลื่อนขั้นครั้งนี้ต้องใช้เวลา ถ้าฉันเดาไม่ผิด น่าจะเสร็จทันวันงานแต่ง”
“เรื่องเลื่อนขั้นของฉันอย่าให้ใครรู้เป็นอันขาด งานแต่งของตระกูลฮารุฮิก็ยังคงดำเนินต่อไป ถ้าตระกูลฮารุฮิมีปัญหาอะไร ให้พวกมันได้ลิ้มลองความร้ายกาจของตระกูลอุเอสึงิ ไม่ว่าคนของตระกูลฮารุฮิคิดอะไรอยู่ งานแต่งจะต้องดำเนินต่อไป”
“อีกอย่าง หลังจากที่ฉันเลื่อนขั้นสำเร็จ ความสามารถจะแตกต่างจากเมื่อก่อน ปรมาจารย์ทั้งหลายในประเทศญี่ปุ่น จะไม่เป็นคู่ต่อสู้กับฉันอีก ฉันต้องการจะให้ทุกคนในประเทศญี่ปุ่นรู้ถึงความสามารถของฉัน ดังนั้นช่วยฉันจัดการ เชิญปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงสักกี่คนมาร่วมงานแต่งในครั้งนี้ ถึงเวลานั้นฉันจะต่อสู้กับพวกมันในงานแต่ง”
“ถึงตอนนั้น ปรมาจารย์ทั้งหลายตายด้วยน้ำมือของฉัน ก็จะไม่มีใครก็ท้าทายตระกูลอุเอสึงิอีก!”
ชายชุดดำโค้งคำนับ แล้วตอบ “รับทราบ!”
หลังจากจัดการเสร็จแล้ว อุเอสึงิ ทาคิโนะยื่นมือไปหยิบของสิ่งนั้น กลิ่นเหม็นครุ้งไปทั่ว อุเอสึงิ ทาคิโนะไม่สนใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้น ดื่มของที่อยู่ในถ้วยจนหมด
หลังจากดื่มเสร็จ อุเอสึงิ ทาคิโนะรีบลุกขึ้นจากพื้น ควันดำอยู่รอบๆตัวเขา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดดำ มองไปแล้วชั่งน่าเกรงขามยิ่งนัก