พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่898 ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่898 ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์
บทที่898 ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์
ธัชธรรมจ้องไปที่คนพูด แล้วกล่าว “คลิปที่รพีพงษ์ส่งมาได้อัพโหลดลงบนเว็บไซต์ของกลุ่มสิงโตแล้ว ถ้าพวกคุณมีใครสงสัยอะไร สามารถไปดูที่เว็บไซต์ได้”
สีหน้าของตปธนดูไม่ดี เขาเพิ่งพูดว่ารพีพงษ์มีพรสวรรค์ จากแดนปรมาจารย์ไปแดนดั่งเทพไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ สุดท้ายรพีพงษ์ได้ใช้ฝีมือแดนครึ่งดั่งเทพฆ่าผู้ร้ายคนหนึ่งที่ทุกคนของกลุ่มสิงโตกำลังปวดหัวอยู่ นี่มันตบหน้ากันชัดๆ
ใคร่ครวญสักพัก ตปธนมองไปที่ธัชธรรม แล้วกล่าว “ก็แค่ฆ่าแดนดั่งเทพขั้นต้นคนเดียวแล้วไง อยากจะเป็นผู้นำกลุ่มสิงโต ต้องมีฝีมือที่มากพอให้คนอื่นเชื่อมั่นได้ รพีพงษ์ยังห่างจากระดับนี้ อยู่มาก”
ธัชธรรมยิ้ม กล่าว “เมื่อกี้ผมพูดแล้ว ตอนนี้ก็แค่กำหนดผู้ที่ถูกเลือกไว้เท่านั้น ผมคิดว่าผมยังไม่น่าจะตายเร็วขนาดนั้น รพีพงษ์จะใช้เวลานี้ เป็นผู้แข็งแกร่งที่รับผิดชอบด้านนี้ได้”
คำพูดนี้ของเขาทำให้ตปธนไร้ซึ่งการต่อต้าน ทำได้แค่หน้าบึ้งแล้วกล่าวอย่างดูแคลนว่า “‘งั้นก็ขอให้ผู้ที่ถูกเลือกโดยเจ้าสำนักสามารถเป็นระดับที่ทุกคนต้องการได้อย่างราบรื่นนะ หวังว่าระหว่างกลางจะไม่มีอะไรมาขวางเขาได้”
พูดจบ ตปธนก็หันหลังแล้วเดินออกไป
ธัชธรรมเพียงแค่ยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ
คนที่เหลือก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมา ดูออกชัดเจน ว่าเรื่องในครั้งนี้ที่ธัชธรรมประกาศออกมา มีผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตต่อกลุ่มสิงโต ไม่มีใครรู้ว่ารพีพงษ์จะเป็นเจ้าสำนักตำแหน่งนี้ได้หรือไม่ บางคนสนับสนุนตปธน บางคนรู้สึกว่ารพีพงษ์มีความกล้าหาญอย่างมาก มีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวเลือกจริงๆ และมีบางพวกที่กำลังสังเกตการณ์ ไม่เสนอใดๆ
มังกรสามพี่น้อยกำลังมองผู้คนถกเถียงกัน ก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
“คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะเข้าร่วมกลุ่มสิงโตได้เพียงแค่สองวัน ก็ได้ฆ่าปรินทรแล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าฝีมือเขาจะหยุดอยู่แค่แดนปรมาจารย์เสียอีก ครั้งที่แล้วที่ช่วยน้องสาว ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ดีที่ครั้งนั้นเราไม่ได้ไปหาเรื่องเขา” มังกรกล่าว
พยัคฆ์และเต่าล้วนพยักหน้า ได้รู้จักรพีพงษ์ในอีกมติ
“น้องสาวไปเกียวโตแล้วหรือเปล่า?” มังกรถามอีก
“ใช่ ไปทำภารกิจที่เกียวโต” พยัคฆ์กล่าว
“งั้นรีบให้น้องสาวไปสร้างสัมพันธไมตรีกับรพีพงษ์เร็วๆสิ เด็กนี่มันเป็นตัวเลือกที่เจ้าสำนักกำหนดไว้แล้วนะ นี่มันคนสำคัญ ต้องเกาะแน่นๆนะ” สายตามังกรลุกวาว
“ถูกถูกถูก รีบโทรหาน้องสาว” เต่าพูดตาม
“โทรหาได้ แต่ห้ามให้น้องสาวรู้เรื่องที่รพีพงษ์ถูกกำหนดให้เป็นตัวเลือกเรื่องนี้นะ นี่เป็นความลับเฉพาะของกลุ่มสิงโต ห้ามป่าวประกาศออกไป แค่พูดว่าพวกเรารู้สึกว่ารพีพงษ์ก็ไม่เลวนะ ให้น้องสาวพยายามหน่อย ถ้าพวกเขาเกิดสปาร์คกันล่ะ” มังกรยิ้มอย่างล้อเล่น
……
เกียวโต คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
ณ ห้องที่รพีพงษ์เอาไว้ทำสมาธิโดยเฉพาะ
ขณะนี้รพีพงษ์กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง ด้านหน้าของเขามีโต๊ะวางอยู่ บนโต๊ะมีของหลายสิ่งวางไว้ อันหนึ่งคือไม้เทพแดงที่ถือว่าใหญ่ ข้างๆเป็นเทียนหนึ่งเล่ม และมีดสั้น
และในมือของรพีพงษ์กำลังถือของที่คล้ายๆการ์ดเชิญอยู่ขณะนี้ เขาจ้องไปที่เนื้อหาด้านบน แล้วขมวดคิ้ว
การ์ดเชิญนี้เจอที่บนตัวของปรินทร ด้านบนเขียนว่า“ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์”ใหญ่ๆ ดูเป็นทางการ ด้านในเขียนที่อยู่และเวลาจัดของประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ และดำเนินการสรรเสริญปรินทร จากน้ำเสียง ผู้เชิญ น่าจะเอาความสามารถแดนดั่งเทพของปรินทรเป็นวิชาเวทย์ประเภทหนึ่ง
เกี่ยวกับวิชาเวทย์ รพีพงษ์ได้ทำความเข้าใจในเว็บไซต์ของกลุ่มสิงโตมาแล้วบ้าง บนโลกนี้มีของแบบนี้อยู่จริง แต่วิชาเวทย์พอได้ยินเหมือนกับจะลี้ลับ ความจริงก็การใช้พลังชนิดหนึ่งเท่านั้น
สิ่งที่ไม่เหมือนกับพลังของการบู๊คือ วิชาเวทย์ที่ว่านี้ ส่วนมากจะพลังพลังภายนอก มาเพื่อไหลเวียน แต่วงการบู๊จะใช้การไหลเวียนของพลังภายใน
กลุ่มสิงโตมักจะเอาคนที่มีพลังวิเศษเหล่านั้นรวมกันเป็นสาขาของวิชาเวทย์
เพราะพลังไม่ได้ไหลเวียนกันง่ายๆ ดังนั้นบนโลกนี้ถึงแม้จะมีคนพิเศษที่สามารถใช้วิชาเวทย์ได้ แต่จำนวนก็ค่อนข้างน้อย และที่มีความสามารถได้นั้น ต้องมีผู้สืบทอดต่อๆกันมา เพราะถ้าใช้พลังของตัวเองไหลเวียน ก็เป็นแค่ไอ้งั่งที่ฝันกลางวันเท่านั้น
และจากการตรวจสอบของกลุ่มสิงโต แม้จะมีการสืบทอดวิชาเวทย์เต็มรูปแบบ ระดับที่ยอดฝีมือเหล่านั้นของวิชาเวทย์เป็น มากสุดก็แค่เทียบได้กับแดนดั่งเทพขั้นต้นเท่านั้น
และผู้สืบทอดของพวกเขามีหลายคนที่ระดับสูง แต่ไม่มีใครไปถึง เหตุผลเพราะอะไรนั้น ไม่มีใครรู้ได้
วิชาเวทย์กับวิธีเมื่อก่อนที่มนุษย์ใช้ในการฝึกฝนเป็นเซียนคล้ายๆกัน บางทีเมื่อนานมาแล้วอาจมีคนที่ใช้วิชาเวทย์ฝึกฝนจนเป็นแดนเซียนก็เป็นได้ แต่นี่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะยอดฝีมือของวิชาเวทย์ที่ระดับสูงสุด ก็แค่เทียบได้กับแดนดั่งเทพขั้นต้นเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ทำให้รพีพงษ์สงสัยก็คือ ประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ค่อนข้างเป็นทางการ แต่พวกเขาก็เชิญปรินทรคนเลวแบบนี้ไป ทำให้รพีพงษ์อดสงสัยไม่ได้
อีกช่วงเวลาหนึ่งจึงจะถึงวันประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ รพีพงษ์ก็แปลกใจในวิชาเวทย์เช่นกัน ถ้าถึงเวลานั้นมีโอกาสล่ะก็ เขาก็อยากไปดูสักหน่อย
แน่นอน ความสนุกนั้นเป็นเรื่องรอง ถ้าประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์มีอะไรแปลกๆล่ะก็ ไม่แน่รพีพงษ์ก็อาจจะสามารถสะสมผลงานได้อีก เพราะถ้าเกี่ยวโยงกับวิชาเวทย์ จะต้องไม่ใช่คนทั่วไปจัดการได้แน่นอน เวลาแบบนี้จะต้องให้กลุ่มสิงโตออกโรง
พวเขาได้เชิญปรินทร อาจจะได้เชิญแดนดั่งเทพคนอื่นๆอีกด้วย ถ้ามีคนที่กลุ่มสิงโตตามจับ สำหรับรพีพงษ์แล้วถือเป็นโอกาสทองเลยทีเดียว
“ด้วยความสามารถที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ยิ่งลี้ลับเข้าทุกที ถ้าฉันมีโอกาสได้เป็นแดนเทพนั่นจริงๆ ไม่รู้ว่าจะได้เจอเซียนจริงๆมั้ยนะ” รพีพงษ์พูดเองหัวเราะเอง แล้วไม่ได้คิดต่อ
ถ้าธัชธรรมเห็นไม้เทพแดงใหญ่ขนาดนี้ จะต้องตกใจจนอ้าปากค้างแน่นอน
“จากคำพูดของเจ้าสำนัก ไม้เทพแดงนี้ต้องทำให้เป็นชิ้นๆ แล้วรมควัน จึงจะใช้ได้ ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์อะไรต่อฉันบ้างนะ ลองใช้สักหน่อยดูก่อนล่ะกัน”
พึมพำไป รพีพงษ์ก็หยิบมีดสั้นบนโต๊ะมา แล้วเริ่มตัดไม้เทพแดง ให้เป็นขี้เลื่อย