พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่918ค่ายเก้ามังกรสังหาร
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่918ค่ายเก้ามังกรสังหาร
บทที่918ค่ายเก้ามังกรสังหาร
ผู้รับผิดชอบคนนั้นก็จ้องมองไปที่รพีพงษ์และหงส์ทั้งสองคนแวบหนึ่ง เอ่ยปากว่า: “ผู้นำ จำนวนคนที่ได้รับเชิญในงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ครั้งนี้มีจำนวนมาก ที่สำคัญไม่รับประกันว่าเจ้าตัวจะมาเอง มีไม่น้อยที่ให้คนรุ่นหลังในตระกูลมา สองคนนั้นอาจจะเป็นคนรุ่นหลังของในบางตระกูล”
นิธินาถพยักหน้า แต่ยังคงจับจ้องมองไปที่รพีพงษ์และหงส์อย่างสงสัย ในใจจับตามองทั้งสองคน
“กล้องวงจรปิดของร้านอาหารเจนนี่เป็นยังบ้างแล้ว?”นิธินาถถามอีกครั้ง
“เกือบจะซ่อมเสร็จแล้ว ฝั่งโน้นบอกว่าสามารถซ่อมเสร็จในวันนี้ หลังจากที่ซ่อมเสร็จ จะนำมาให้ผู้นำดูโดยเร็วที่สุด”ผู้รับผิดชอบตอบ
นิธินาถส่งเสียงเย็นชา เอ่ยปากว่า: “อย่าให้ฉันรู้ว่าใครฆ่าลูกชายของฉัน ถ้ารู้แล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันก็สับเขาให้เป็นหมื่นท่อน!”
หลังจากนั้นนิธินาถก็มุ่งความสนใจไปที่สมบัติ ต้องการดูว่ามีใครสามารถค้นพบความลับในนั้นได้หรือไม่
รพีพงษ์และหงส์ทั้งสองคนพุ่งตัวไปที่โต๊ะด้วยกัน ใบหน้าของหงส์เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเห็นได้ชัดว่าสนใจสมบัติของตระกูลกิติมหาคุณเป็นอย่างมาก
เมธีราและธีรนุชทั้งสองคนก็รีบเดินไป พวกเขามาร่วมงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ในครั้งนี้ เพื่อดูว่าสมบัติของตระกูลกิติมหาคุณนี้สามารถช่วยพี่สาวของธีรนุชได้หรือไม่ แน่นอนว่าต้องตรวจสอบดูระยะใกล้ๆ
มีคนไม่น้อยหยิบสิ่งของหกเหลี่ยมขึ้นตรวจสอบอย่างละเอียดทันที แต่ในที่สุดต่างก็ส่ายหัวด้วยท่าทางที่สงสัย เห็นได้ชัดต่างก็ไม่รู้ว่าสมบัตินี้ใช้ทำอะไร
บางคนคิดว่าสิ่งนี้น่าจะมีกลไกบางอย่าง เพียงแค่ค้นพบวิธีที่จะทำลายกลไก น่าจะสามารถรู้ว่าสมบัตินั้นมีไว้เพื่ออะไร
แต่นอกเหนือจากมีลวดลายที่ซับซ้อนอยู่ด้านบนของสิ่งนั้นแล้ว และไม่มีตรงไหนที่กลไก ที่สำคัญนิธินาถก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่รู้ว่าสิ่งของนี้ทำมาจากอะไร พวกเขาได้คิดวิธีต่างๆที่จะทุบของสิ่งนี้ให้แหลกสลาย ดูโครงสร้างข้างใน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ความแข็งของสิ่งของนี้ แข็งแกร่งกว่าเพชรหลายเท่า
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนที่อยู่รอบๆก็ถอนหายใจแล้ววางสมบัติของตระกูลกิติมหาคุณลง ให้คนที่อยู่หลังๆดูแล้ว ในที่สุดก็ถึงตาของรพีพงษ์พวกเขา
เมธีราเดินไป หยิบของสิ่งนั้นแล้วดูอย่างละเอียดแวบหนึ่ง จากนั้นพึมพำว่า: “ของสิ่งนี้ดูไปแล้วหลับเหมือนกับแผนผังค่ายกลวิเศษ ก็คือไม่รู้ว่าควรจะกระตุ้นแผนผังค่ายกลวิเศษอย่างไร”
“คุณปู่ แผนผังค่ายกลวิเศษคืออะไร?”ธีรนุชที่อยู่ข้างๆถาม
“แผนผังค่ายกลวิเศษคือรากฐานของรูปขบวนเชิงยุทธวิธี สิ่งนี้ฉันเห็นในหนังสือโบราณที่บ้าน ที่ผ่านมาผู้คนจัดค่ายกล ต้องเสียเวลาและความคิดมาก ถ้าในระหว่างการต่อสู้เริ่มจัดค่ายกล ค่ายกลยังไม่สำเร็จ คาดว่าจะถูกฆ่าแล้ว ดังนั้นอาจารย์ค่ายกลเพื่อที่ให้ตัวเองสามารถในการป้องกันตัวเอง ดังนั้นจึงคิดค้นแผนผังค่ายกลวิเศษที่สามารถกระตุ้นได้ทันเวลา”
“ที่เรียกแผนผังค่ายกลวิเศษ ความจริงแล้วเทียบเท่ากับการจัดวางค่ายกลให้สำเร็จ จากนั้นเก็บไว้ในสื่อกลางบางอย่าง การจัดเก็บค่ายกลไว้ในสื่อกลางแบบนี้ จึงถูกเรียกว่าแผนผังค่ายกลวิเศษ มีแผนผังค่ายกลวิเศษแล้ว อยู่ในการต่อสู้ เพียงแค่ใช้การกระตุ้นที่เจาะจงเฉพาะ ก็สามารถทำให้ค่ายกลในแผนผังค่ายกลวิเศษแสดงพลังที่เหมาะสมออกมาได้ ยิ่งสามารถทำให้คู่ต่อสู้รับมือไม่ทัน”
“เพียงแต่แผนผังค่ายกลวิเศษบันทึกไว้ในหนังสือโบราณเป็นสมบัติที่มนุษย์มีความสามารถอย่างล้ำเลิศในการสร้างสรรค์ และผู้ที่สามารถสร้างแผนผังค่ายกลวิเศษคืออาจารย์ที่มีพลังมหาศาลในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆที่เราไม่มีทางจินตนาการได้ ของสิ่งนี้มีอยู่จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ แม้ว่าของสิ่งนี้ของตระกูลกิติมหาคุณดูไปแล้วคล้ายกับที่บันทึกไว้ในหนังสือโบราณ แต่อาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”
เมธีราเอ่ยปากพูดอธิบาย
เมื่อได้ยินคำพูดของเมธีรา ธีรนุชก็พยักหน้า ดูเหมือนว่าจะเข้าใจ
รพีพงษ์ก็เพิ่งเคยได้ยินสิ่งของที่เรียกว่าแผนผังค่ายกลวิเศษแบบนี้ ฟังคำอธิบายของเมธีราแล้ว เป็นสิ่งวิเศษที่มีอยู่จริงๆ
เพราะกระบี่ทองเล็กในหัวสมองของเขา ตอนนี้รพีพงษ์ได้ยินเรื่องมหัศจรรย์น่าเหลือเชื่อแบบนี้ก็ไม่สงสัยเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
บางทีบนโลกใบนี้มีแผนผังค่ายกลวิเศษอย่างที่เมธีราพูดอยู่จริง
เมื่อคิดเช่นนี้ รพีพงษ์ใช้พลังจิตของตัวเองตรวจสอบไปที่สิ่งของหกเหลี่ยมนั้น ต้องการดูว่าสามารถหารายละเอียดบางอย่างที่คนธรรมดาไม่สามารถตรวจพบได้หรือไม่
ขณะที่เขาใช้พลังจิตห่อหุ้มแผนผังค่ายกลวิเศษนั้นในพริบตาเดียว ลวดลายบนพื้นผิวของสมบัติตระกูลกิติมหาคุณก็ฉายแสงออกมาทันที
ต่อจากนั้น ในหัวสมองของรพีพงษ์ก็มีข้อความเพิ่มออกมาหนึ่งข้อความ ซึ่งทำให้เขาตกใจจนเก็บพลังจิตกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ค่ายเก้ามังกรสังหาร เริ่มต้นด้วยพลังจิตวิญญาณเทพ พลังงานที่เก็บไว้สามารถเริ่มต้นจัดค่ายกลได้สามครั้ง เมื่อจัดค่ายกลสำเร็จ เก้ามังกร จะปรากฏขึ้นพร้อมกัน ฆ่าศัตรูได้ในพริบตา”
เมื่อเห็นข้อความนี้ปรากฏขึ้นในหัวสมองของตัวเอง รพีพงษ์ตกใจสุดขีด จากนั้นก็มองไปที่เมธีราที่อยู่ข้างๆอย่างเหลือเชื่อ คาดไม่ถึงว่าของสิ่งนี้กลับเป็นแผนผังค่ายกลวิเศษที่เขาบอกจริงๆ
เพียงแต่สิ่งที่รพีพงษ์ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมตอนที่ตัวเองใช้พลังจิตตรวจสอบแผนผังค่ายกลวิเศษ ถึงได้รับข้อความแบบนี้ หรือว่าพลังจิตของตัวเองก็คือสิ่งที่เรียกว่าพลังจิตวิญญาณเทพเหรอ?
สักพัก ในใจรพีพงษ์เกิดความสงสัยมากมาย เขาหันหน้ามองไปที่เมธีรา เมื่อกี้นี้เมธีราบอกว่าตัวเองเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับแผนผังค่ายกลวิเศษในหนังสือโบราณที่บ้าน ไม่รู้ว่าในหนังสือโบราณของเขา มีบันทึกเกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณเทพหรือไม่
ถ้าพลังจิตของรพีพงษ์ก็สิ่งที่เรียกว่าพลังจิตวิญญาณเทพ ถ้าสามารถได้แผนผังค่ายกลวิเศษของตระกูลกิติมหาคุณมาอยู่ในกำมือ ของสิ่งนี้ก็คงจะกลายเป็นไม้ตายที่ใหญ่ที่สุดของเขา
เนื่องจากในข้อความนี้กล่าวไว้ว่ามังกรเก้าตัวปรากฏขึ้นพร้อมกัน ฆ่าศัตรูได้ในพริบตา คงจะไม่ใช่จัดค่ายกลธรรมดาที่สามารถมีคำอธิบายได้
รพีพงษ์มองไปทางเมธีรา เอ่ยปากถามว่า: “ผู้อาวุโส คุณรู้เรื่องพลังจิตวิญญาณเทพมั้ย?”
เมธีราที่กำลังศึกษาแผนผังค่ายกลวิเศษอย่างละเอียดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน รีบมองไปทางรพีพงษ์อย่างรวด เอ่ยปากถามว่า: “นายได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณเทพมาจากไหน? นายรู้ว่าใครมีจิตวิญญาณเทพเหรอ?”
รพีพงษ์เห็นท่าทางการตอบสนองที่ใหญ่แบบนี้ของเมธีรา ก็รู้สึกประหลาดใจ เอ่ยปากพูดว่า: “เอ่อ ฉันเพียงแค่อยากถามดูเท่านั้น”
ธีรนุชมองไปทางรพีพงษ์แวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “คุณปู่ มีคนน้อยมากที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับจิตวิญญาณ เขาก็น่าจะได้ยินจากคำบอกเล่าเท่านั้น”
ในขณะที่หลายคนกำลังคุยกัน สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลกิติมหาคุณรีบวิ่งมาถึงตรงหน้านิธินาถอย่างรวดเร็ว ยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปให้
“นายใหญ่ กล้องวงจรปิดของร้านอาหารเจนนี่ซ่อมเสร็จแล้ว”
เมื่อนิธินาถได้ยินดำพูดนี้ ก็รับโทรศัพท์มาทันที จ้องมองไปที่วิดีโอ ในวิดีโอ เป็นฉากที่รพีพงษ์โกรธและเตะเรวัตบิน
เมื่อเห็นฉากนี้ นิธินาถก็กัดฟันในทันที และความโกรธในใจก็พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดในทันที
ต่อจากนั้น สายตาของเขาก็ตวัดไปที่รพีพงษ์ รัศมีแห่งความอาฆาตก็เผยออกมา น่ากลัวจนคนที่อยู่ใกล้ๆก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“ไอ้สารเลว ฆ่าลูกชายของฉัน กลับยังกล้าเดินกร่างมาร่วมงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ ถ้าฉันไม่ฆ่าแกในวันนี้ คงจะละอายต่อบรรพบุรุษของตระกูลกิติมหาคุณ!”