พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่922 พลังของกระบี่สยบเซียน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่922 พลังของกระบี่สยบเซียน
บทที่922 พลังของกระบี่สยบเซียน
เมื่อทุกคนเห็นกระบี่ยาวสีทองเล่มนั้นปรากฏขึ้น ก็ตกตะลึงจนเบ้าตาเกือบหลุดออกมา เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นว่าบนตัวของรพีพงษ์ยังพกกระบี่แบบนี้ด้วย กระบี่เล่มนี้อยู่ดีๆก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศ
“พระเจ้า กระบี่สีทองเล่มนั้นออกมาจากตรงไหน ดูเหมือนว่าจู่ๆก็ปรากฏขึ้นบนศีรษะของเด็กคนนั้น กลับยังเปล่งแสงสีทอง หรือว่านี่จะเป็นกระบี่สยบเซียนในตำนานเหรอ?”
“โอ้พระเจ้าช่วย วันนี้ถือได้ว่าเปิดประสบการณ์ใหม่ ตอนแรกคิดว่ากระบี่บินของผู้นำตระกูลกิติมหาคุณมีพลังมากพออยู่แล้ว คาดไม่ถึงเด็กคนนี้ก็กลับมีกระบี่บิน ที่สำคัญยังส่องแสงด้วย รู้สึกว่ากระบี่สีทองนี้จะทรงพลังกว่ากระบี่บินของผู้นำตระกูลกิติมหาคุณ”
“นี่ถึงจะเป็นวิชาเวทย์ที่แท้จริง พวกเราก็เป็นแค่ฝีมือที่ไม่เอาไหนเท่านั้น กระบี่ฆ่าคน แสงสีทองรุ่งโรจน์ นี่ถึงจะเป็นวิชาเวทย์ที่แท้จริง!”
……
หงส์ก็คาดไม่ถึงรพีพงษ์กลับยังมีกลยุทธ์แบบนี้ นึกถึงเมื่อกี้นี้ตัวเองรีบร้อนหาที่ตายขนาดนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนขึ้นมาในทันที
เมธีราและธีรนุชทั้งสองคนที่อยู่ไม่ไกลดวงตาก็เบิกตากว้างมองดูกระบี่ทองยาวที่ปรากฏบนศีรษะของรพีพงษ์ เกือบแทบจะวินาทีที่กระบี่ปรากฏ เมธีราก็เริ่มตะโกนว่า: “จิตวิญญาณเทพคุมกระบี่ คือจิตวิญญาณเทพคุมกระบี่ น้องชายคนนี้มีจิตวิญญาณเทพจริงๆด้วย ดูเหมือนว่าฉันอยู่บนเครื่องบินไม่ใช่ภาพลวงตา!”
เมื่อธีรนุชได้ยินคำพูดของเมธีรา ท่าทางที่ซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
หลังจากที่นิธินาถกระบี่ทองยาว ปรากฏขึ้นก็หรี่ตาลง จากนั้นส่งเสียงเย็นชาว่า: “แค่เสแสร้งทำเป็นเทพเท่านั้นเอง กระบี่บินเล่มนี้และเวทมนตร์ฉันเรียนมายี่สิบกว่าปีถึงได้ฝืนทนควบคุมได้ แกแค่เด็กอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่ง จะมีปัญญาแบบนี้ได้ยังไง แค่วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนเท่านั้นเอง”
อย่างไรก็ตามรพีพงษ์วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนหรือไม่ก็ใช่ว่าเขาพูดก็พอแล้ว เห็นเพียงกระบี่ทองยาวเล่มนั้นปะทะกันกับกระบี่บิน แสงของกระบี่สีทองก็เปล่งประกายออกมา เพียงแค่ฟันกระบี่หนึ่งครั้ง กระบี่บินของนิธินาถก็ตกลงสู่บนพื้น
หลังจากตกลงพื้น ก็แตกออกเป็นสองชิ้นทันที
เมื่อเห็นฉากนี้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง นิธินาถก็นิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม จ้องมองกระบี่บินที่ตกลงบนพื้นด้วยความงุนงง และไม่สามารถตอบสนองได้เป็นเวลานาน
“ถึง….ถึงกับหักเลยเหรอ?”ผู้คนไม่น้อยอุทานขึ้นมา
นิธินาถรีบวิ่งไปทางกระบี่บินอย่างรวดเร็ว และหยิบกระบี่บินทั้งสองที่ตกลงมาบนพื้น มองดูพวกมันด้วยความเหลือเชื่อ มือทั้งสองก็สั่นเล็กน้อย
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงได้หัก? นี่เป็นอาวุธวิเศษ ตระกูลนิธินาถของฉันสืบทอดมันมาหลายปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาก่อน กระบี่เล่มนี้มีอานุภาพเกรียงไกร ทำไมถึงหักได้?”
นิธินาถเงยหน้าขึ้นมองไปที่กระบี่ทองยาว กลางอากาศ แววตาเผยให้เห็นความหวาดกลัว ถึงได้เข้าใจว่าตัวเองประเมินรพีพงษ์ต่ำไป
รพีพงษ์ไม่ลังเลมากนัก หลังจากฟันกระบี่บินของนิธินาถหัก กระบี่สยบเซียนในอากาศก็บินตรงไปหานิธินาถ
สีหน้านิธินาถถอดสี จีบมือร่ายมนต์ในมือทันที จากนั้นโยนยันต์สีเหลืองใบหนึ่งไปยังกระบี่สยบเซียน ตะโกนเสียงดัง ยันต์สีเหลืองเหล่านั้นก็ระเบิดออก
อย่างไรก็ตามการโจมตีระดับนี้สำหรับกระบี่สยบเซียนแล้ว ไม่มีผลอะไร มันกลายเป็นแสงสีทอง ในพริบตาเดียว ก็มาถึงตรงหน้านิธินาถ
“แกยอมรับความพ่ายแพ้ได้หรือยัง?”รพีพงษ์จ้องมองไปที่นิธินาถแล้วถาม
ดวงตาของนิธินาถเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม จากนั้นยื่นมือออกไปกัดนิ้วมือของตัวเอง และนำเลือดถูกลงบนเสื้อเกราะสะท้านกลับของตัวเอง
“เสื้อเกราะสะท้อนกลับของฉันสามารถใช้ได้สองครั้งในเวลาอันสั้น แม้ว่าจะทำให้อายุการใช้งานของเสื้อเกราะสะท้อนหมดไป แต่ใช้มาจัดการกับแก ก็คุ้มค่าแล้ว แกก็น่าจะได้เห็นพลังของเสื้อเกราะสะท้อนกลับแล้ว ตราบใดที่แกใช้กระบี่นี้โจมตีฉัน การโจมตีทั้งหมดของแกก็จะสะท้อนกลับไป และท้ายที่สุดจะผู้โชคร้ายก็ยังคงเป็นแก”นิธินาถพูดอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินคำพูดของนิธินาถ รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นพูดว่า: “โง่”
จากนั้นกระบี่สยบเซียนก็เจาะทะลุร่างของนิธินาถไปโดยตรง เสื้อเกราะสะท้อนกลับชุดนี้ของนิธินาถไม่ได้ปลดปล่อยส่องแสงสีทองเหมือนก่อนหน้า เรียกได้ว่าความเร็วของกระบี่สยบเซียนนั้นเร็วเกินไป ดังนั้นเสื้อเกราะสะท้อนกลับของตัวเองยังไม่ได้ทันตอบสนองกลับมา ก็ถูกกระบี่สยบเซียนแทงทะลุผ่านไปแล้ว
หลังจากทำแบบนี้เสร็จ รพีพงษ์รีบเก็บกระบี่สยบเซียนกลับมา ตอนที่กระบี่ทองยาวเล่มนั้นมาถึงตรงหน้ารพีพงษ์ ทันใดนั้นมันก็หายไปอย่างไรร่องรอย กลับสู่ในหัวสมองของรพีพงษ์อีกครั้ง
เมื่อวานนี้ รพีพงษ์พบว่ากระบี่ทองยาวเล่มนี้ปรากฏอยู่ในสมองหัวของตัวเอง รู้สึกถึงระหว่างตัวเองกับมันมีความเชื่อมโยงกัน เขารู้ว่าตัวเองสามารถสั่งกระบี่นี้ได้
แม้ว่าในตอนนี้กระบี่เล็กนี้ยังหักอยู่ แต่พลังของมันก็เป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถจินตนาการได้ รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่ามันจะสามารถฟันกระบี่บินของนิธินาถหักได้
รพีพงษ์รู้สึกได้ว่า พลังที่กระบี่สยบเซียนสามารถปลดปล่อยออกมาได้ อาศัยเพียงดูดซับพลังจิตของเขามาฟื้นฟูพลัง
เพียงแบบนี้ ก็มีพลังที่น่ากลัวอยู่แล้ว ไม่รู้จริงๆว่าระดับชั้นสูงสุดของกระบี่สยบเซียนนี้ สามารถแสดงพลังที่ทรงพลังขนาดไหนออกมา
แม้ว่าจะสั่งกระบี่สยบเซียนนี้ได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นไม่กี่นาที แต่พลังจิตของรพีพงษ์ในตอนนี้ถูกดูดไปแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่เร่งรีบเก็บกระบี่สยบเซียนกลับคืนมา
แม้ว่าของสิ่งนี้จะทรงพลัง แต่ด้วยในระดับตอนนี้ของรพีพงษ์ ใช้ได้ไม่นานมากนัก อย่างมากก็สามารถใช้เป็นไพ่ตาย ใช้จู่โจมอย่างฉับพลันเมื่อฝ่ายตรงข้ามเผลอ
ใบหน้าของนิธินาถเปลี่ยนเป็นซีดเซียวมากขึ้น ดวงตาเบิกกว้างจนกลม เขาก้มหน้ามองลงไปตรงที่นั่นของหน้าอกตัวเอง พบว่าที่ตรงนั้น มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
“ทำ…..ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเสื้อสะท้อนกลับไม่แสดงผลล่ะ?”
“หรือว่ากระบี่บินของเด็กคนนี้ แข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้วเหรอ?”
หลังจากที่พึมพำสองประโยคนี้จบ นิธินาถก็ล้มลงตรงไปด้านหลัง หลังจากล้มลงบนพื้น บิดคอสองครั้ง จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นผลเช่นนี้ ผู้นำตระกูลกิติมหาคุณผู้มีชื่อเสียงมากมาย กลับเสียชีวิตด้วยน้ำมือของรพีพงษ์แบบนี้
“นี่ นี่มันก็น่ากลัวเกินไปแล้ว ผู้นำตระกูลกิติมหาคุณกลับเสียชีวิตในเงื้อมมือของเขา พระเจ้า ใครจะคิดว่า ผู้นำตระกูลกิติมหาคุณ จะเสียชีวิตลงในงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ที่ตัวเองจัดขึ้นมา!”ผู้คนไม่น้อยเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
รพีพงษ์เดินไปทางนิธินาถ ถึงตรงหน้าเขา พบว่าเขาดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ไม่มีความสดใสในรูม่านตา จากนั้นเขาก็ก้มตัวลง จับร่างกายของนิธินาถ หาแผนผังค่ายกลวิเศษออกมา ใส่ไว้ในเสื้อผ้าของตัวเอง
“เดิมที่แกมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป แต่แกไม่แยกถูกแยกผิดบุ่มบ่ามวู่วาม ยืนกรานที่จะฆ่าฉัน แบบนี้ก็ทำได้เพียงโทษตัวของแกเอง”
“แผนผังค่ายกลวิเศษนี้ฉันจะรับไว้ ถือว่าเป็นการขอโทษจากตระกูลกิติมหาคุณของแกให้กับฉันแล้วกัน”