พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่930 ไม่เกี่ยวกับพ่อของเขา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่930 ไม่เกี่ยวกับพ่อของเขา
บทที่930 ไม่เกี่ยวกับพ่อของเขา
หลังจากที่พ่อของธิติสรณ์ได้ยินคำพูดของธิติสรณ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาคว้าคอเสื้อของธิติสรณ์ในทันที ถามอีกครั้งว่า: “แกว่าอะไรนะ? แกมีเรื่องกับนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์เหรอ?”
หลังจากพูดเสร็จ เขาหันหน้ามองไปที่รพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆธีรนุช เมื่อกี้นี้เขาคิดว่ารพีพงษ์เป็นเพียงแค่เพื่อนของธีรนุช ตอนนี้มองดูอย่างละเอียด ค่อนข้างเหมือนกับนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ที่ตัวเองเคยเห็นบนอินเทอร์เน็ต
“พ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ถ้าผมรู้ว่าเขาคือนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ฆ่าผมให้ตายก็ไม่กล้าที่จะมีเรื่องกับเขา”ธิติสรณ์เอ่ยปากพูด
เมธีราก็สงสัยเล็กน้อยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ จึงเอ่ยปากพูดกับธีรนุชว่า: “นุช เธอรีบบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ธีรนุชพยักหน้า เล่าเรื่องใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ข้างนอกเมื่อกี้นี้ให้หนึ่งรอบ จากนั้นมองไปทางรพีพงษ์ เอ่ยปากถามว่า: “คุณรพี ฉันพูดได้ไม่มีอะไรที่ขาดตกไปใช่มั้ย?”
“ก็ประมาณแบบนี้”รพีพงษ์ตอบ
เมธีราเหลือบมองธิติสรณ์ด้วยความโกรธ คาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้กลับกล้าไม่ให้ความเคารพกับรพีพงษ์ขนาดนี้ ถ้าหากพ่อของธิติสรณ์ไม่อยู่ในเหตุการณ์ เขาคงจะตบสั่งสอนเด็กคนนี้อย่างรุนแรง
หลังจากที่พ่อของธิติสรณ์ฟังจนจบ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินไปตรงหน้าธิติสรณ์ ยกมือขึ้นตบลงไปที่บนใบหน้าของธิติสรณ์ไม่กี่ครั้ง
“แกนี่มันสารเลว วันๆไม่รู้ทำอะไรที่มันดีๆ ก็รู้แต่สร้างปัญหาให้กับฉัน ตอนนี้แส่หาเรื่องถึงหัวนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันว่าแกไม่รู้ว่าไม่รู้จักสถานะตัวตนของตัวเองจริงๆ!”
หลังจากตบเสร็จ พ่อของธิติสรณ์ก็เตะไปที่บนร่างกายธิติสรณ์ไม่กี่ครั้ง เขารู้ว่าตอนนี้รพีพงษ์และเมธีรากำลังดูอยู่ ถ้าเขาออมมือแม้แต่น้อย ก็จะสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งสองคน ถึงเวลานั้นลูกชายของเขาก็ถือได้ว่าจบเห่จริงๆ
ธิติสรณ์ก็ไม่กล้าที่จะสู้กลับ ปล่อยให้พ่อของเขาสั่งสอนตัวเอง
ใช้เวลานานพอสมควร พ่อของธิติสรณ์ถึงได้หยุดมือ ในเวลานี้ธิติสรณ์ถูกทุบตีจนเป็นหัวหมู
พ่อของธิติสรณ์หันหน้ามองไปที่เมธีราและรพีพงษ์ทั้งสองคน: “ท่านเมธี คุณรพี ลูกชายของผมถูกผมเอาใจมากเกินไป ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ผมขอโทษจริงๆ ไม่ว่าท่านเมธีและคุณรพีจะลงโทษพวกเราอย่างไร ผมก็จะไม่กล่าวโทษตำหนิอะไรทั้งนั้น”
เมธีราถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และเอ่ยปากพูดว่า: “นัทธิ์ นายทำงานอย่างขยันขันแข็งมีความรับผิดชอบให้ตระกูลของเรามาหลายปีแล้ว ฉันให้คฤหาสน์หลังนั้นและเงินบำนาญกับพวกนาย คือเห็นแก่ความทุ่มเทของนาย แต่ลูกชายของนายเป็นเพราะเหตุนี้จึงกลายเป็นคนหยิ่งยโสโอหัง ดูเหมือนว่า ฉันจะเป็นคนทำร้ายเขา”
พ่อของธิติสรณ์ก็ก้มหน้าลงในทันที บนใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“นุชบอกแล้วว่า จะให้คำอธิบายกับคุณรพี ตระกูลตรีศาสตร์ของพวกเราเรื่องขอความช่วยเหลือคุณรพี ดังนั้นครั้งนี้ฉันก็ช่วยพวกนายไม่ได้ คฤหาสน์หลังนั้น ฉันก็เก็บกลับยึดคืนมาก่อน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกนายก็อย่าอยู่ที่นี่อีกต่อไป และลูกชายของนายชนรถคุณรพีจนเสีย ก็เอารถแลนด์โรเวอร์คันนั้นของเขาชดใช้ให้กับคุณรพีเถอะ นายมีอะไรจะขัดข้องกับการจัดการของฉันมั้ย?”
สีหน้าพ่อจองธิติสรณ์ก็ว่าง่าย พูดกับเมธีราว่า: “คุณท่าน ผมไม่มีอะไรจะขัดข้อง นี่เป็นความผิดที่พวกเราเอง พวกเราต้องแบกรับผลที่ตามมา”
เมื่อธิติสรณ์ได้ยินการจัดการของเมธีรา บนใบหน้าก็ปรากฏความวิตกกังวล ถ้าหากเมธีรายึดคฤหาสน์คืนกลับไป แล้วเอารถของตัวเองชดใช้ให้กับรพีพงษ์ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่เหลืออะไรจริงๆ
“ท่านเมธี ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ผมขอโทษคุณรพีแล้ว ได้โปรดอย่าไล่พวกเราออกไปเลย ไม่มีคฤหาสน์หลังนี้ พวกเราก็จะไม่มีที่อยู่อาศัย”ธิติสรณ์ขอร้องเมธีรา
พ่อของธิติสรณ์เห็นว่าธิติสรณ์ในเวลาแบบนี้ยังคงเอาแต่คิดถึงคฤหาสน์ ก็เตะไปที่บนตัวของเขาอีกครั้ง ด่าว่า: “ถึงขนาดนี้แล้ว แกยังมาหน้ามาพูดจาแบบนี้อีกเหรอ? ทุกอย่างของพวกเราท่านเมธีเป็นคนให้ ตอนนี้แกมีเรื่องกับแขกของครอบครัวท่านเมธี คนอื่นเขายังเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ แกยังเพ้อฝันจะเอาคฤหาสน์อีก ฉันว่าช่วยอะไรแกไม่ได้แล้วจริงๆ!”
“ท่านเมธี พวกเรายอมรับการลงโทษนี้ เดี๋ยวพวกเราจะไปเก็บข้าวของ และออกจากคฤหาสน์ รถคันนั้นผมก็จะให้ไอ้ลูกอกตัญญูโอนรถให้คุณรพี”พ่อของธิติสรณ์หันหน้ามองไปที่เมธีรา ตั้งใจว่าจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย
เมธีราหันหน้าไปมองรพีพงษ์ เอ่ยปากถาม: “น้องรพีพงษ์ ไม่รู้ว่านายพอใจกับผลของการจัดการนี้มั้ย?”
รพีพงษ์มองไปที่พ่อของธิติสรณ์ เห็นว่าชายคนนี้เป็นคนขยันขันแข็งมีความรับผิดชอบ เพียงแต่ถูกลูกชายทำลายเท่านั้นเอง จึงเอ่ยปากพูดว่า: “นี้เป็นเรื่องระหว่างของฉันกับเขา ไม่เกี่ยวกับพ่อของเขา เพียงแค่ให้เขาย้ายออกไปก็พอแล้ว รถคันนั้นก็เอาไว้ให้ฉัน ต่อจากนี้ไปตระกูลตรีศาสตร์ของพวกคุณก็ห้ามให้ความช่วยเหลืออะไรกับเขาทั้งนั้น เรื่องนี้ฉันก็จะไม่ถือสา”
“น้องรพีพงษ์ถูกผิดแยกแยะได้ชัดเจนจริงๆ คู่ควรสามารถที่จะเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ได้ในวัยนี้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่นายบอก ลงโทษเพียงธิติสรณ์เพียงคนเดียว”เมธีราเอ่ยปากพูด
ธิติสรณ์ตกตะลึงในทันที ยังไงเขาก็คาดไม่ถึง ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงเขาที่ถูกขับไล่ออกจากคฤหาสน์ในชุมชนนี้ คนที่ไม่เหลืออะไรก็คือตัวเขาเอง ไม่ใช่ทั้งครอบครัวของพวกเขา
“พ่อ พ่อช่วยผมขอความเมตตาด้วย ผมไม่ได้ทำงานมานานขนาดนี้แล้ว ผมทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ถ้าหากถูกไล่ออกไป ผมก็ต้องไปขอทานที่ข้างถนนจริงๆ”ธิติสรณ์อ้อนวอนพ่อของเขา
พ่อของเขามองเขาอย่างหมดหนทาง และเอ่ยปากพูดว่า: “นี่เป็นผลกรรมของตัวแกเอง ฉันก็ช่วยแกไม่ได้ แกต้องผ่านประสบการณ์ฝึกฝนถึงจะเติบโตขึ้นได้ นี่อาจเป็นการทดสอบที่พระเจ้าประทานให้กับแก”
ธิติสรณ์ไม่สามารถฟังคำพูดดังกล่าวไม่เข้าหูเป็นธรรมดา และยังคงขอร้องให้พ่อของเขาเมตตา
เมธีรารู้สึกรำคาญธิติสรณ์ จึงเอ่ยปากพูดว่า: “พอได้แล้ว พาตัวเขาออกไป น้องรพีพงษ์ไม่โกรธเขาก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไม่อย่างนั้น อย่าว่าแต่ขับไล่ออกไป แม้แต่ชีวิตของเขาก็ไม่อาจรักษาไว้ได้”
หลังจากที่พ่อของธิติสรณ์ฟังจบสีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็ไม่ชักช้า รีบพยักหน้าให้เมธีรา และลากธิติสรณ์ออกไปข้างนอก
หลังจากสองคนพ่อลูกตระกูลจนกวีจากไป ห้องรับแขกในคฤหาสน์ก็เงียบสงบลงมา
เมธีราและธีรนุชมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความรู้สึกผิด เมธีราเอ่ยปากพูดว่า: “ขอโทษด้วยจริงๆ ทำให้นายเดือดร้อนแล้ว”
รพีพงษ์ยักไหล่ บ่งบอกว่าไม่เป็นไร เอ่ยปากพูดว่า: “ไหนบอกว่าให้ฉันมาถอนพิษไม่ใช่เหรอ? คนอยู่ที่ไหน?”
เมธีราและธีรนุชทั้งสองคนสบตากัน รู้ว่านี่ถึงเป็นเรื่องที่สำคัญของวันนี้ ดังนั้นก็ไม่คิดเรื่องของธิติสรณ์แล้ว
เมธีราลุกขึ้นจากโซฟา และเอ่ยปากพูดกับรพีพงษ์ว่า: “ตามฉันมาเถอะ”
จากนั้นก็หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน