พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่932 โลกของจิตวิญญาณ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่932 โลกของจิตวิญญาณ
บทที่932 โลกของจิตวิญญาณ
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของธีรนุชแล้วนั้นก็เอือมระอา หันหน้าไปหาเมธีรา แล้วกล่าว “ให้เธอออกไป”
เมธีราก็ถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก แม้เขาจะรู้ว่าธีรนุชกังวลปัญหาของพี่สาว หวังจะให้รพีพงษ์ช่วยอย่างสุดความสามารถ ดังนั้นจึงได้พูดแบบนี้ออกมา แต่เธอก็ยังคงแผนสูง และเธอก็ไม่รู้นิสัยรพีพงษ์เลยแม้แต่น้อย
“นุช คุณออกไปก่อนนะ อย่ามาวุ่นวายตรงนี้เลย” เมธีราพูดกับธีรนุช
ธีรนุชมองรพีพงษ์อย่างประหลาดใจ ท่าทีของรพีพงษ์ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเธอเป็นพวกที่ไม่มีใครต้องการ แล้วอยากยังจะถวายตัวให้คนอื่นอย่างไม่ลังเลอีก
แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร ก้มหน้าอย่างผิดหวัง แล้วกล่าว “รู้แล้ว”
พูดจบ เธอก็เดินไปข้างนอก
หลังจากรอให้ธีรนุชออกไปแล้ว รพีพงษ์ก็พูดกับเมธีราว่า “ผมจะลองเดี๋ยวนี้ หวังว่าจะไม่มีใครมารบกวนผม”
เมธีราพยักหน้าจริงจัง แล้วกล่าว “สบายใจได้ ผมอยู่นี่ จะไม่มีใครสามารถมารบกวนคุณได้”
รพีพงษ์ไม่พูดต่อ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างๆเตียง หลังจากที่ขยับตัวให้นั่งถนัดแล้ว ก็ได้ปล่อยพลังจิตวิญญาณเทพของตัวเองออกมา ทำตามวิธีทุกอย่างที่เขียนไว้บนหนังสือโบราณของตระกูลตรีศาสตร์ เข้าไปในจิตวิญญาณของนลินี
ความรู้สึกแบบนี้ค่อนข้างแปลกๆ เหมือนกับเปิดในหัวของ แล้วเข้าไปในจินตนาการของคนๆหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอน การซึมเข้าไปด้านในสามารถเข้าไปได้ถึงแค่จิตวิญญาณของคนเท่านั้น เหมือนกับรพีพงษ์ดูภายในของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ข้างในมองเห็นเพียงแค่ดวงจิตและกระบี่เล็กสีทองเท่านั้น
วิธีแบบนี้ ยังไม่สามารถสำรวจเข้าไปในระดับหน่วยความทรงจำของคนได้
หลังจากที่เข้าไปในโลกของจิตวิญญาณของนลินีแล้วนั้น รพีพงษ์เห็นเพียงความมืดและความว่างเปล่า ไม่นาน ก็ได้พบว่าที่ศูนย์กลางของโลกจิตวิญญาณนั้น มีดวงจิตเล็กๆสวมชุดซีทรูสีขาว กำลังมองไปรอบๆอย่างระแวง
ลักษณะของดวงจิตนั้น ไม่ต่างจากนลินี
รพีพงษ์สังเกตดวงจิตนั่น เหมือนกับกำลังป้องกันอะไรสักอย่าง เทียบกับดวงจิตในหัวตัวเองนั้น ดวงจิตนี้อ่อนแอกว่าของตัวเองอย่างมาก
ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์เห็นดวงสีดำกะพริบ จากนั้นก็เป็นผู้เฒ่าสวมชุดฉางผาวสีดำ ผมขาวยาว หน้าตาน่าเกรงขามปรากฏตัวอยู่ต่อหน้านลินี
รพีพงษ์เห็นหมอกผู้เฒ่านี้ปรากฏออกมา ก็ประหลาดใจ ในหัวของเธอทำไมถึงได้มีสองคน? หรือได้แยกบุคลิกแล้ว?
ดูออกชัดเจนว่านลินีร้อนใจอย่างมาก แล้วกล่าวต่อผู้เฒ่าว่า “ฉันไม่มีทางเอาอำนาจในการควบคุมร่างกายให้แก ถ้าแกยังดึงดัน ฉันจะทำให้แกพินาศไปด้วยกัน ไม่ว่าใครก็อย่าหวังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย!”
หมอกผู้เฒ่ายิ้ม แล้วกล่าว “อย่าเพิ่งใจร้อน ฉันไม่ได้มาแย่งร่างของแก คนที่ฉันรอมาถึงแล้ว คนนี้เป็นคนที่ตื่นภวังค์จิตวิญญาณเทพ มีค่ากว่าแกเยอะ อย่างแก ไร้ประโยชน์ไปแล้ว”
พูดจบ หมอกผู้เฒ่าแล้วมุทรา จากนั้นก็กล่าว “คนที่ปรากฏกายตอนนี้นี่แหละ!”
จากนั้นรพีพงษ์ก็รับรู้ได้ถึงแรงดูดที่แรงกล้า พลังจิตวิญญาณเทพของเขาถึงลากไปอยู่ต่อหน้าของหมอกผู้เฒ่าและนลินี จากนั้นในโลกจิตวิญญาณของนลินี ก็ได้จิตวิญญาณของพลังจิตวิญญาณเทพได้รวมตัวกัน
รพีพงษ์มองเหตุการณ์นี้อย่างงงวย ดูออกชัดเจนว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นลินีก็ประหลาดใจ แล้วถาม “เขาเป็นใครกัน? ทำไมในโลกจิตวิญญาณของฉัน จึงมีคนอื่นปรากฏกายขึ้นมาได้?”
ผู้เฒ่ายิ้ม แล้วกล่าว “ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ เขาน่าจะเป็นคนที่ตระกูลตรีศาสตร์พามาถอนพิษให้แกยังไงล่ะ”
“ถอนพิษ?” นลินียังคงไม่ค่อยเข้าใจ
รพีพงษ์ไม่เข้าใจยิ่งกว่า กำลังมองไปที่สองคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วถาม “คุณคือนลินี แล้วเขาเป็นใครอีก? หรือนี่เป็นอีกบุคลิกของคุณ? ผมเป็นคนที่ตระกูลตรีศาสตร์พามาถอนพิษให้คุณ บอกผมหน่อยได้มั้ยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ผู้เฒ่าหัวเราะ แล้วกล่าว “ถอนพิษ? นั่นมันก็เป็นแค่สิ่งจอมปลอมที่ฉันทิ้งไว้ก็เท่านั้น ความจริงแล้วหญิงคนนี้ไม่ได้โดนพิษแต่อย่างใด เธอก็แค่ถูกฉันล่วงล้ำเข้ามาในโลกจิตวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่มีทางตื่นได้ก็เท่านั้น”
“ล่วงล้ำเข้ามาในโลกจิตวิญญาณ? คุณเป็นใคร?” รพีพงษ์จ้องไปที่ผู้เฒ่าแล้วถาม ด้วยความเฝ้าระวัง
ผู้เฒ่าไม่ปกปิด แล้วกล่าว “ฉันเป็นบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ แกเรียกฉันว่าชัยโรจน์ก็ได้”
สีหน้ารพีพงษ์ถอดสี ไม่คาดคิดว่าคนนี้จะบอกว่าตัวเองคือบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ ตอนนั้นเขารู้มาจากในหนังสือโบราณของตระกูลตรีศาสตร์ ว่าตระกูลตรีศาสตร์มาอายุเกือบห้าร้อยปี หรือคนที่อยู่ตรงหน้านี้ เป็นคนในยุคห้าร้อยปีก่อน?
เขาหันไปมองนลินีที่อยู่ข้างๆ ด้วยคำถาม
นลินีเดาออกจากคำพูดของชัยโรจน์ ว่าคนที่ปรากฏอย่างกะทันหันนี้ น่าจะเป็นคนที่ตระกูลตรีศาสตร์พามาช่วยเธอ ดังนั้นจึงพยักหน้าให้รพีพงษ์ กล่าว “เขาพูดถูก เขาเป็นบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ของฉันจริง”
รพีพงษ์ประหลาดใจขึ้นไปใหญ่ แล้วถาม “คุณโดนพิษของจิตวิญญาณเทพไม่ใช่หรอ? หรือคนนี้จะเป็นลักษณะของคุณหลังจากที่โดนพิษ?”
ชัยโรจน์หัวเราะฮ่าฮ่า แล้วกล่าว “เมื่อกี้ฉันพูดแล้วหนิ ว่าเธอไม่ได้โดนพิษอะไร”
“หยกนั่น เป็นสิ่งที่ฉันไว้เก็ยจิตวิญยาณเทพก็เท่านั้น ตอนนั้นร่างของฉันบุบสลาย เพื่อจะได้มีชีวิตต่อไป ฉันจึงใช้วิธีแยกจิตวิญญาณเทพ เอาจิตวิญญาณเทพของตัวเองซ่อนไว้ในหยกแดงเลือด เตรียมไว้เพื่อการฟื้นคืนชีพของตัวเอง”
“หนังสือโบราณพวกนั้นฉันเป็นคนทิ้งเอาไว้เอง เพื่อให้คนตระกูลตรีศาสตร์ฝึกฝนผู้ตื่นภวังค์จิตวิญญาณเทพ ที่ฉันทิ้งคนที่จิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ไว้ในคำสั่งสอนก่อนหน้าที่ฉันจะเสียชีวิตก็เพื่อควบคุมกฎของหยกแดงเลือด เพราะมีแค่ผู้ที่ตื่นภวังค์วิญญาณเทพเท่านั้น ฉันจึงจะสามารถอาศัยร่างได้”
“แต่ที่ทำให้ฉันไม่คิดถึงก็คือ หญิงสาวคนนี้ยังห่างจากจิตวิญญาณเทพหนึ่งขั้น แล้วยังมามั่วกับหยกแดงเลือดอีก ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองจะได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้งแล้วเชียว ไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้”
“จิตวิญญาณเทพของเธอยังไม่ตื่นภวังค์ ถ้าฉันเข้าไปในร่างของเธอ สุดท้ายคือพวกเราทั้งคู่ต้องตายไปพร้อมๆกัน ดังนั้นฉันจึงทำได้เพียงหลบอยู่ในโลกจิตวิญญาณของเธอเท่านั้น จึงทำให้เธอตื่นขึ้นมาไม่ได้”
“แต่โชคดีที่ตอนนั้นฉันได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นจึงได้คิดอีกวิธี ในหนังสือโบราณที่ทิ้งไว้ เขียนสถานการณ์แบบนี้ไว้ว่าเป็นการโดนพิษ ต้องหาผู้ที่มีจิตวิญญาณเทพมาถอนพิษ”
“และเมื่อมีคนมาช่วยเธอแก้พิษ ก็ต้องใช้พลังจิตวิญญาณเทพซึมเข้ามาในโลกจิตวิญญาณของเธอ และตอนนั้น ฉันก็สามารถใช้จิตวิญญาณเทพที่ได้สะสมมาเป็นระยะเวลาหลายปี เอาจิตวิญญาณเทพของผู้นี้……ทำลายทิ้งซะ แล้วใช้ร่างมันซะ!”
เมื่อพูดจบ รพีพงษ์ก็รู้สึกถึงจิตวิญญาณเทพที่ทรงพลานุภาพ