พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่942 มาถึงเปร์คิง
สนามบินทหารเกียวโต
ชนสรณ์และทัตดาทั้งสองกำลังขับรถจิ๊บพารพีพงษ์มาที่นี่ ทั้งสามขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อไปเปร์คิง
เพราะก่อนหน้านี้มีปัญหา ทัตดาและชนสรณ์ทั้งคู่ไม่ค่อยอยากสนรพีพงษ์มากนัก ดังนั้นบนเฮลิคอปเตอร์จึงเงียบสงัด ทัตดาแว็บๆก็มองรพีพงษ์ด้วยความแค้น และกำลังโทษรพีพงษ์ที่ไม่รักหยกถนอมบุปผา
เพราะในกองทัพทุกคนทำกับทัตดาเหมือนเป็นดอกไม้ ในกองทัพเดิมทีก็ผู้หญิงน้อย ความสวยของทัตดาก็โดดเด่น แทบจะทุกคนที่มองว่าเธอเป็นดอกไม้ จะมีคนทำโทษเธอให้เธอวิดพื้นได้ไงกัน
ตอนนี้ครูฝึกคนใหม่มาถึงก็ทำโทษเธอ ราวกับไม่ได้มองว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
รพีพงษ์ดูออกว่าถึงความโกรธของทัตดา เห็นเธอนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา จึงได้ตั้งใจถามเธอ
แม้ในใจทัตดาก็โมโหหนักมาก แต่เธอก็เป็นผู้แนะนำของรพีพงษ์ ดังนั้นเธอไม่ตอบคำถามของรพีพงษ์ไม่ได้ ทำได้เพียงอดกลั้นแล้วตอบคำถามรพีพงษ์อย่างสงบ
รพีพงษ์ไม่ถือสาท่าทีของทัตดาที่มีต่อตัวเอง ท่าทีของพวกผู้หญิงที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้ รพีพงษ์กลับชอบใจที่จะให้ทัตดามีท่าทีรังเกียจต่อเขาหนักกว่านี้อีก
ไม่ใช่ว่ารพีพงษ์หลงตัวเอง แต่ด้วยความสำเร็จในวัยนี้ของเขา จะดึงดูดความสนใจผู้หญิงได้ง่ายกว่าจริง สำหรับผู้ที่ความสามารถโดดเด่นในกลุ่มมนุษย์เราจะให้การนับถือด้วยปกติอยู่แล้ว รพีพงษ์ก็เข้าใจในจุดนี้
จากการถามคำถามบางคำถาม รพีพงษ์ก็ได้เข้าใจสถานการณ์บางส่วนของเปร์คิง เข้าใจในสถานที่ที่ตัวเองจะไปพอคร่าวๆแล้ว
เปร์คิงประเทศจีนที่ติดกับชายแดนประเทศรัสเซีย อากาศเลวร้าย ภูมิประเทศอันตราย แม้คนน้อย แต่เรื่องการทหารของประเทศจีนนั้นสำคัญ เพียงแค่ป้องกันพรมแดนที่นี่ไว้ ประชากรในประเทศจีนก็จะมีชีวิตที่สงบสุข
แม้ช่วงหลายปีมานี้ในประเทศจีนจะสงบ ประชากรเจริญรุ่งเรือง แต่ตามตะเข็บชายแดนกลับไม่ได้สงบสุขอย่างที่ผู้คนคิดไว้
ช่วงหลายปีมานี้ระหว่างประเทศจีนและรัสเซียมีการกระทบกระทั่งกันไม่หยุด แม้จะไม่มีความขัดแย้งมากนัก แต่ก็มีการตบตีว่ากล่าวกันบ่อยครั้ง ดีที่ความสามารถของประเทศจีนเก่งขึ้นทุกวัน ประเทศรัสเซียไม่ได้เป็นคู่ต่อกรมานานแล้ว และที่เปร์คิงก็ยังมีทหารที่เก่งกาจอย่างทหารมังกร ประเทศรัสเซียทำได้เพียงระวังเนื้อระวังตัวเท่านั้น ไม่กล้าทำอะไรประเทศจีน
เพราะมีเสียสละของเหล่าทหารเปร์คิงเหล่านี้ ผู้คนในประเทศจีนจึงมีชีวิตอย่างมั่นคงและมีความสุข
แต่ต่อให้ประเทศอื่นไม่มารังแก ประเทศจีนก็จะอ่อนข้อลงไม่ได้ เพราะสถานการณ์ของโลกนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยจนคาดเดาไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
จารุวิทย์ให้รพีพงษ์มาเป็นหัวหน้าครูฝึกทหารมังกร ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้
เนื้อที่เปร์คิงกว้างใหญ่ จำนวนทหารเปร์คิงนับไม่ถ้วน ทหารมังกรเป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มที่เก่งกาจที่สุดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น นอกจากทหารมังกร เปร์คิงยังมีกองทัพอีกมากมาย ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน จะเป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุดให้กับประเทศจีน
……
เปร์คิง ฐานทัพที่ทหารมังกรอยู่
ผู้คนที่สวมชุดลายพรางหลายคนกำลังยืนอยู่ที่หน้าผา ด้านล่างหน้าผา เป็นฐานทัพของทหารมังกร มองจากตรงนี้ไป จะมองเห็นฐานทัพทหารมังกรได้อย่างชัดเจน
ผู้คนเหล่านั้นที่สวมชุดลายพรางกำลังลากเชือกเส้นหนึ่งอยู่ เชือกนั้นมัดคนๆหนึ่งไว้ พวกเขาปล่อยคนนั้นลงไปในหน้าผา หลังจากที่ลงไปแล้วประมาณสิบเมตร คนนั้นเอาธงรบที่อยู่ในมือ ปักไว้ที่หน้าผา
“ธีรนัย เสร็จหรือยัง?” ผู้ที่ลากเชือกคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยเสียงแข็ง
“ลากฉันขึ้นไป” เสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้คนเหล่านั้นก็รีบลากเชือกขึ้นทันใด
คนที่ลงไปปักธงรบคือธีรนัยแห่งทหารมังกร คนนี้มีชื่อว่าธีรนัย หน้าเหลี่ยม หุ่นบึกบึน ตาลึก เมื่อมองแล้วจะให้ความรู้สึกสงบ
และผู้คนที่มาปักธงรบพร้อมกับธีรนัยนั้น เป็นหัวหน้าของแต่ล่ะกองของทหารมังกร พวกเขาเป็นผู้นำในทหารมังกร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็เป็นราชาทหาร
“ธีรนัย เดี๋ยวหัวหน้าครูฝึกคนใหม่จะมารับตำแหน่ง ต้องส่งมอบธงรบ แกว่าชนสรณ์ให้พวกเราเอาธงรบปักไว้ที่นี่ นี่มันไม่ใช่ว่าหาเรื่องหัวหน้าครูฝึกคนใหม่หรอกหรอ ถ้าเขาโมโหขึ้นมาล่ะจะทำไง?” ชายผิวดำกล่าว ชายผู้นี้มีฉายาว่าเฮียดำ เป็นหัวหน้าของกลุ่มที่หนึ่งของทหารมังกร
“แกไม่เข้าใจหรอ ชนสรณ์มันทำเพื่อจะหาเรื่องหัวหน้าครูฝึกคนนี้ ฉันได้ยินมาว่าครูฝึกใหม่คนนี้เป็นนายใหญ่ของตระกูลใหญ่ที่เกียวโต คนแบบนี้ใช้ชีวิตที่มั่งคั่งและร่ำรวย ไม่เคยลำบากแน่นอน ที่ระดับสูงให้เขามาเป็นหัวหน้าครูฝึกด้วยเหตุอันใดนั้นพวกเราไม่รู้ แต่ถ้าคนที่มาเป็นพวกอ่อนแอ จะต้องไม่มีคนเชื่อฟังเขาอย่างแน่นอน ที่ชนสรณ์ให้พวกเราเอาธงรบปักไว้ที่นี่ ก็เพื่อทดสอบหัวหน้าครูฝึกคนใหม่” หัวหน้ากลุ่มที่สองเฮียเบิดกล่าวอย่างมีเหตุมีผล
“ใช่ ไม่เข้าใจจริงๆว่าเบื้องบนคิดอะไรอยู่ ให้คนของตระกูลใหญ่เกียวโตมาเป็นหัวหน้าครูฝึกของพวกเรา ถ้าหัวหน้าครูฝึกไร้น้ำยา ก็มีแต่จะถูกพวกเรารังแกแล้วล่ะ”
“ฮ่าฮ่า พูดถูก ให้หัวหน้าครูฝึกคนใหม่รู้ว่าโลกนี้มันโหดร้าย ทุกวันพวกเราฝึกฝนอย่างน่าเบื่อแบบนี้ ไม่แน่ครูฝึกใหม่คนนี้อาจจะเป็นเบื้องบนส่งมาให้สร้างความสนุกให้เราก็ได้นะ”
……
คนที่เหลือก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมา
ธีรนัยจ้องไปที่ผู้คน แล้วกล่าว “พอล่ะ ครูฝึกคนใหม่ยังไม่มา พวกแกก็คิดที่จะหาเรื่องเขาแล้ว ถ้าเขาเป็นคนที่มีฝีมือล่ะ ถึงเวลานั้นคนที่โชคร้ายจะเป็นพวกแกนะ”
“ไอ้หยา ธีรนัย แกคิดมากไป แกคิดดูนะคนที่ร่ำรวยอยู่ในกองเงินกองทอง แม้จะมีฝีมือ ก็น่าจะเป็นฝีมือในการหาเงิน และจีบสาวเก่ง แต่ในที่นี้พวกเราให้ความสำคัญกับพลัง ต่อสู้แพ้ ทุกอย่างก็จบ โชคร้ายก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่โชคร้าย” ดูออกชัดเจนว่าเฮียเบิดไม่ค่อยชอบหัวหน้าครูฝึกคนใหม่
“ไม่แน่ครูฝึกใหม่คนนี้แม้แต่ฉันก็อาจจะแพ้นะ ถึงเวลานั้นถ้ามีโอกาส ฉันจะต้องท้าทายเขาสักหน่อย ถ้าชนะเขา งั้นฉันก็มีชื่อเสียงแล้วล่ะ” เฮียดำพูดอย่างมีความหวัง
ธีรนัยไม่ต่อต้านคำพูดของพวกเขา ดูออกชัดเจนว่าไม่ชอบหัวหน้าครูฝึกคนใหม่นี้เช่นกัน แต่ว่าเขาเป็นคนที่อดกลั้น จะไม่พูดความรู้สึกในใจของตัวเองออกมา
ในขณะที่ผู้คนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น มีคนหนึ่งชี้ไปที่ไกลๆ แล้วกล่าว “รีบดูนั่น เฮลิคอปเตอร์ น่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ของหัวหน้าครูฝึกคนใหม่”
ทุกคนล้วนมองไปทางนั้น จากนั้นธีรนัยรีบกล่าว “รีบไป จากที่นี่ลงไปต้องใช้เวลา ต้องรีบกลับไปให้ถึงก่อนพวกเขาแลนด์ดิ้ง”
ทุกคนพยักหน้า จากนั้นก็รีบลงตามทางลาดชันนั้นไป
ตอนนี้ธงรบได้ถูกปักไว้ที่หน้าผา ถ้ารพีพงษ์ต้องการเอาธงรบให้ได้นั้น มีสองทางให้เลือก หนึ่งอ้อมมา ขึ้นทางลาดชันนี้ไป แล้วค่อยให้คนเอาธงลงมา
อีกทางคือปีนขึ้นไปบนหน้าผา แต่หน้าผานี้มีความสูงเป็นร้อยเมตร ต่อให้เป็นนักรบที่ผ่านการฝึกฝนมา ก็ล้วนไม่คิดว่าหัวหน้าครูฝึกคนใหม่จะปีนหน้าผาสูงขนาดนี้ได้
ดังนั้นการส่งมอบของรพีพงษ์ จะต้องหน้าแตกอย่างแน่นอน