พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่954 ยอมแพ้เถอะ
บทที่954 ยอมแพ้เถอะ
ปรวีร์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็ยืนขึ้นจากด้านหลังของพรภวิษย์ ด้วยความอยากต่อสู้แล้ว
“คุยโวโอ้อวดไม่ละอายแก่ใจ ไม่เห็นความสามารถอื่นของแก นอกจากคุยโวโอ้อวด ไม่มีใครสู้ได้จริงๆ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็หัวเราะขึ้นมา ล้วนมองรพีพงษ์ด้วยความเหยียดหยาม ดูออกชัดเจนว่ารพีพงษ์ไม่ได้มีความร้ายกาจขนาดนั้น
“เป็นเด็กที่หลงระเริงจริงๆ แม้ปรวีร์จะเป็นแค่แดนครึ่งปรมาจารย์ แต่สามารถเป็นแดนปรมาจารย์ได้ นั่นหมายถึงฝีมือที่ยอดเยี่ยม แม้ทหารมังกรจะยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาเก่งในการทำสงคราม ที่เคยกำรงดำแหน่งหัวหน้าครูฝึกทหารมังกร น้อยนักที่จะเป็นเน่ยจิ้ง ไอ้เด็กนี้กล้าบ้าระห่ำต่อยกับปรวีร์สิบคน ตลกจริงๆ” เมธชนันดูแคลน
พรภวิษย์มองรพีพงษ์อย่างเหยียมหยาม เห็นอายุของรพีพงษ์ แก่กว่าปรวีร์ไม่กี่ปี แม้รพีพงษ์จะเป็นอัจฉริยะเหมือนกัน มากสุดก็ฝีมือเท่าๆกับปรวีร์ เขายังไม่เคยเห็นใครมีพรสวรรค์ที่มากกว่าปรวีร์มาก่อน ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้าในการพูดแบบนี้มาจากไหน
หน้างานที่เชื่อว่ารพีพงษ์จะชนะปรวีร์ได้ก็คงมีเพียงทัตดา แต่เธอก็คิดว่ารพีพงษ์พูดเว่อร์ไป เพราะการที่เมธชนันจะชอบคนสักคนนั้น ความสามารถของคนนั้นจะไม่ธรรมดา
“ที่นี่พื้นที่เล็ก พวกเราไปต่อสู้กันด้านนอกดีกว่ามั้ย?” ปรวีร์มองรพีพงษ์แล้วถาม
“ได้หมด” รพีพงษ์กล่าว
จากนั้นทุกคนก็เดินออกจากคฤหาสน์ ในสนามหญ้าด้านหน้าของคฤหาสน์ เนื้อที่ของสนามหญ้านี้ไม่เล็ก ตอนกลางมีพื้นที่โล่งที่สะอาดอยู่ สามารถทำเป็นสนามประลองได้
ทุกคนล้วนยืนอยู่รอบๆพื้นที่โล่ง รพีพงษ์และปรวีร์สองคนมาถึงตรงกลางของพื้นที่โล่ง ประจันหน้ากัน
“วันนี้ถ้าฉันชนะแก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกห้ามปรากฏตัวต่อหน้าทัตดาอีก ตกลงมั้ย?” ปรวีร์ถามอย่างเป็นทางการ
รพีพงษ์บึนปาก แล้วกล่าว “เพียงแค่แกสามารถชนะฉันได้ แกว่ายังไงฉันก็ว่างั้น”
ปรวีร์เห็นท่าทีของรพีพงษ์เหยียดหยามเขา เหมือนกับว่ายังไงตัวเองก็ไม่มีทางชนะเขาได้ ก็โมโหขึ้นมา
แต่รพีพงษ์ก็พูดถูก เพียงแค่ตัวเองชนะเขาได้ เขาจะโอ้อวดยังไง ก็เป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้น
“เริ่ม!”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ปรวีร์พุ่งไปด้านหน้าทันใด ในร่างกายไหลเวียนเน่ยจิ้ง พลังในร่างกายถึงขีดสุด
นานแล้วที่รพีพงษ์ไม่ได้ประลองกับคนที่ระดับต่ำกว่าแดนปรมาจารย์ ตอนนี้เห็นปรวีร์ ก็หมดอาลัยตายอยากออกมา แล้วยังรู้สึกเหมือนกำลังรังแกคนอยู่อีกด้วย
เพราะนานมาแล้วก่อนหน้านี้ เขาคนเดียวสู้กับแดนปรมาจารย์สิบคนมาแล้ว ตอนนี้แดนครึ่งปรมาจารย์อยู่ต่อหน้าเขา ฝีมืออ่อนไปจริงๆ
เขาก็ไม่อยากเสียเวลา ตัดสินใจจบให้เร็วที่สุด ให้ปรวีร์รู้ถึงฝีมือของตัวเอง แบบนี้ทุกคนก็จะได้ไม่ต้องมาพัวพันกันอยู่อีก
ปรวีร์ได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ ในหัวของเขาปรากฏท่าต่างๆเชื่อมกันไว้มากมาย ราวกับได้เห็นฉากที่รพีพงษ์ถูกตัวเองต่อยอยู่ในอากาศ โต้ตอบอะไรไม่ได้
เขาพุ่งไปด้านหน้าของรพีพงษ์ ใช้ท่าที่ตัวเองได้คิดไว้ปล่อยไปที่รพีพงษ์
เพียงแค่รพีพงษ์รับหมัด เขาก็มีตัวเลือกอีกเป็นสิบท่า จนรพีพงษ์ไม่สามารถโต้ตอบได้
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดก็คือ รพีพงษ์ไม่สนการจู่โจมของเขา ก่อนหน้าที่หมัดของเขาจะไปหารพีพงษ์ รพีพงษ์ได้ยกเท้าขึ้นมา แล้วถีบไปที่ท้องของปรวีร์
ด้วยความเร็ว มีเพียงพรภวิษย์ที่รับรู้ทัน
ร่างของปรวีร์ถอยหลังไปทันที ล้มลงกับพื้นอย่างแรง
เมื่อนึกถึงว่านี่คือการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ดังนั้นรพีพงษ์จึงไม่ได้ใช้แรงมาก
ทั้งสนามเกิดความเงียบขึ้นมาทันใด
คนพวกนั้นที่เดิมทีเยาะเย้ยรพีพงษ์ก็นิ่งสงบลง มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตาโตขึ้นมา
เมธชนันก็ยากที่จะเชื่อได้ ไม่คิดว่าท่าเดียวปรวีร์จะถูกรพีพงษ์ถีบลอยไปไกลขนาดนั้น
นี่ดูออกได้ว่า ความแตกต่างของฝีมือของทั้งสองคน แตกต่างกันมากเหลือเกิน
ใบหน้าเหยียดหยามของพรภวิษย์หายไปอย่างรวดเร็ว มองไปที่รพีพงษ์อย่างเคร่งขรึม
การถีบเมื่อกี้ของรพีพงษ์เหมือนจะดูง่าย และไม่มีพลังใดๆมากนัก
แต่นี่หมายถึงพลังของรพีพงษ์แข็งแกร่ง
แม้แต่พรภวิษย์เอง หลังจากที่เป็นแดนดั่งเทพแล้ว จึงจะมีฝีมือระดับนี้
นี่หมายถึง ความสามารถของรพีพงษ์ อาจจะเป็นไปได้ ว่าได้เป็นระดับแดนดั่งเทพแล้ว
แดนดั่งเทพยี่สิบกว่าปี!
นี่ถ้าข่าวนี้ลือออกไป จะต้องเป็นเรื่องที่ช็อกคนทั้งโลกอย่างแน่นอน
พรภวิษย์ไม่รู้ ว่าตำนานของรพีพงษ์ได้โด่งดังไปทั่วแล้ว
เพียงแค่ปกติพวกเขาอาศัยอยู่ในเขา ไม่ข้องเกี่ยวทางโลก ดังนั้นจึงไม่รู้
“เป็นไปได้ไง แดนดั่งเทพยี่สิบกว่าปี พรสวรรค์ศิลปะการต่อสู้แบบนี้ ไม่สามารถใช้คำว่าอัจฉริยะมาอธิบายได้แล้ว”
“ไม่แปลกที่ทัตดาชอบเขา ครั้งนี้ฉันหน้ามืดตามัว เป็นถึงแดนดั่งเทพ แต่ฉันกลับดูไม่ออก”
ปรวีร์ที่ล้มลองกับพื้นไม่เชื่อ เขาได้ลุกขึ้นมาจากพื้นโดยเร็ว
เข้าไปก็โดนเค้าถีบแล้ว น่าขายหน้าจริงๆ
“เมื่อกี้ผิดพลาดก็เท่านั้น มาใหม่!”
ปรวีร์พุ่งไปหารพีพงษ์อีกครั้ง
แม้จะตกใจกับความสามารถของรพีพงษ์ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองแค่เกิดข้อผิดพลาดเท่านั้น
ถ้าใช้พลังทั้งหมดที่มี เขาก็ยังคงมีโอกาสชนะได้
แต่แล้ว รพีพงษ์ก็ถีบเข้าไปอีกครั้ง
ปรวีร์ลอยไปอีกครั้ง ล้มไปที่เดิมที่ล้มเมื่อกี้
ทุกคนส่งเสียงตะลึง
ครั้งนี้ปรวีร์หน้าแดง เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกท่าเดิมของรพีพงษ์ถีบลอยเป็นครั้งที่สอง
และเขาก็ไม่รู้เลยว่ารพีพงษ์ปล่อยท่าอะไรออกมา
ตอนนี้ผู้ที่อยู่รอบๆน่าจะมองเขาเป็นตัวตลกไปแล้ว
เขาโกรธเหลือเกิน กัดฟัน แล้วยืนขึ้นมาอีกครั้ง
เดินไปด้านหน้าของรพีพงษ์ด้วยความเร็วอีกครั้ง ปรวีร์เปลี่ยนการโจมตีของตัวเอง เขาไม่ใช่หมัดอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็นใช้เท้า
เสียดายที่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม เขาก็ยังคงล้มกลับไปที่เดิม
สามารถทำให้คนๆหนึ่งล้มที่เดิมได้ถึงสามครั้ง
รับรู้ได้อย่างแน่ชัดแล้วว่า พลังของรพีพงษ์ ได้ถึงขั้นที่น่าหวาดกลัวแล้ว
“แกไม่ชนะฉันหรอก ถ้ายังขืนทำต่อไป แกก็เสียพลังเปล่าๆ”
รพีพงษ์จ้องปรวีร์แล้วกล่าว
ขณะนี้ปรวีร์ก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวในพลังของรพีพงษ์
สามครั้งที่ทำให้เขาลอยไปอย่างไม่สามารถที่จะโต้ตอบ นี่ไม่ใช่โชคหรืออะไรแล้ว
แต่คนดูมากขนาดนี้ โดยเฉพาะทัตดาที่อยู่ข้างๆ ถ้าเขายอมแพ้แบบนี้ ก็กลายเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน
“อย่ามั่นใจไป ฉันไม่เชื่อว่าท่าของฉันจะไม่โดนตัวแกเลย!”
ปรวีร์ต้องการจะพุ่งไปหารพีพงษ์
ในขณะเดียวกันนี้เอง มีร่างหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าปรวีร์ แล้วขวางเขาเอาไว้
ปรวีร์มอง เป็นคุณปู่ของตัวเอง
“คุณปู่ ปล่อยผมนะ ผมจะพีคกับมัน!”
พรภวิษย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกล่าว “ยอมแพ้เถอะ แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”