พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 144
ทันทีที่เข้าไปด้านในร้านอาหารกับอาเรีย ก็ได้ยินเสียงคนซุบซิบกัน ร้านอาหารมาตรฐานสูงแบบนี้ไม่มีทางปล่อยให้พนักงานแสดงท่าทางไร้มารยาทแน่ จึงเป็นเสียงของแขกอย่างไม่ต้องสงสัย
อาซพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
“…มีคนอยู่สินะ”
แม้จะไม่ได้เช่าทั้งร้าน แต่ก็คิดว่าตรงที่ที่จองในชื่อของเขาไว้ก็ไม่ควรจะต้องไม่รับแขกคนอื่นเพื่อความเรียบร้อย แต่ดูท่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด
แม้จะไม่ได้จ่ายเงินไว้ก่อน แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วจะจ่ายเงินในราคาที่เหมาทั้งร้าน แต่ก็ดันมาเจอคนมารับประทานอาหารอยู่ก่อนแล้ว
การปรากฏตัวของอาซทำให้ผู้จัดการร้านรีบตรงปรี่เข้ามาโค้งคำนับพร้อมกับพูด
“ขะ ขอโทษครับ ผมแจ้งไปหลายรอบแล้วว่าวันนี้ไม่สะดวกให้บริการครับ…”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้เช่าทั้งร้านนี่นา ไปบังคับเขาแบบนั้นจะยิ่งดูแปลกน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอก”
เพราะท่าทางของผู้จัดการแทบจะหมอบลงพื้นอยู่แล้ว อาซจึงพูดว่าไม่เป็นไรพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย เนื่องจากภาพที่เขาขอโทษด้วยตัวสั่นเทานั้นช่างน่าสงสารจับใจอาเรียก็คิดว่าเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นหากมีคนอยู่แล้วก็แค่ย้ายไปนั่งที่ไกลกว่านี้ก็เพียงพอ จึงไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรนัก
เขาก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเหมือนกัน ดูท่าจะโน้มน้าวแขกแล้วไม่สำเร็จแน่นอน
เพราะอย่างนั้นอาซจึงหันไปมองคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ก่อนหน้าเพื่อประเมินว่าเป็นใครมาจากไหน เนื่องจากสงสัยว่าคนที่แม้จะบอกว่าไม่สะดวกให้บริการแต่ก็ยังไม่สนใจแบบนั้นเป็นใครกันแน่
อาเรียเองก็เช่นกัน ยิ่งมีตำแหน่งสูงเมื่อได้ยินเขาแจ้งว่าไม่สะดวกให้บริการ ก็น่าจะรู้ตัวว่ามีคนที่ตำแหน่งสูงกว่าตนเองมารับประทานอาหารและควรกลับไปอยู่แล้ว เพราะถึงเจอกันก็ไม่ได้มีเรื่องดีเท่าไหร่
แต่ที่ไม่ยอมกลับไปและยังนั่งรับประทานอาหารต่อแบบนี้ต้องมีเหตุผลไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
อย่างแรกคือเป็นคนระดับชนชั้นธรรมดาที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร หรือไม่ก็เป็นคนชนชั้นสูงมากถึงขนาดที่ไม่สนใจเรื่องแบบนั้น
ซึ่งในร้านอาหารระดับสูงที่ราคาแพงที่สุดในราชอาณาจักร ดูท่าแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า
เพราะอย่างนั้นจึงแอบมองพินิจดูว่าเป็นใครอยู่พักใหญ่ จู่ๆ แขกที่นั่งรับประทานอาหารคนหนึ่งกลับโบกมือให้อาซราวกับรู้จักเขา
“ไม่นะ นั่นท่านอัสเทอโรพีไม่ใช่เหรอ”
“…!”
อาเรียตกใจเบิกตาโตพลางหันไปมองคนที่โบกมือให้ กล้าดีอย่างไรถึงได้แสดงกิริยาไร้มารยาทกับมกุฎราชกุมารของอาณาจักรแห่งนี้!
ไม่เฉพาะแค่อาเรียเท่านั้น ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างคิดเช่นเดียวกันจึงหันไปมองชายที่กำลังโบกมืออยู่
แต่เขากลับไม่สนใจสายตาที่มองมา ซ้ำยังเรียกชื่ออาซอีกครั้ง
“ท่านอัสเทอโรพี ไม่รู้จักผมเหรอครับ”
“…โรฮัน”
และดูเหมือนว่าอาซจะรู้จัก เพราะเรียกชื่อเขาออกมาทำให้อาเรียนึกได้ว่าเคยพูดคุยด้วยกันสั้นๆ กับเขามาก่อน
“…ท่าน…!”
คนที่เคยพบที่อาณาจักรโครอา
ชายที่แสร้งทำเป็นสนิทสนมกับอาซ ชายที่ตามมาถึงที่พักทั้งยังบ่นน้อยใจว่าอาซไม่มาหาตนเอง
เหตุใดเขาถึงได้… รับประทานอาหารกับดัชเชสไอซิส ยิ่งไปกว่านั้นยังต่างจากครั้งก่อนเขาใช้คำสุภาพกับอาซ
สถานการณ์ที่ไม่สามารถเข้าใจได้เช่นนี้ทำให้อาเรียได้แต่มองอาซและโรฮันสลับไปมา
ดูเหมือนว่าไอซิสก็ไม่เข้าใจสถานการณ์นี้เช่นกัน หล่อนหน้าซีดพลางรอคำตอบจากโรฮัน
ทว่าแทนที่โรฮันจะให้คำตอบกับหล่อน กลับมัวแต่แสดงท่าทางดีอกดีใจที่ได้เจออาซ
“ผมแค่จะมาทานอาหารมื้อหนึ่งเท่านั้น แต่พนักงานกลับเอาแต่บ่นพึมพำอยู่นั่นก็เลยสงสัยว่าจะมีผู้สูงส่งที่ไหนมาจองไว้กัน สุดท้ายก็เป็นเจ้าชายนั่นเอง”
“….”
อาซจึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้จัดการโน้มน้าวแล้วถึงยังไม่ยอมไปร้านอาหารอื่นอีกพลางถอนหายใจออกมา เป็นสีหน้าที่บ่งบอกว่ารำคาญเสียจริง อาเรียและไอซิสที่ยังไม่รู้เรื่องยังคงรอคำตอบจากทั้งสองอยู่
“ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว มาร่วมโต๊ะด้วยกันดีไหม”
โรฮันถามพร้อมสีหน้ายิ้มเยาะ
ราวกับว่าตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ช่างเป็นคำเชิญที่ดูแนบเนียนมาก เหมือนตั้งใจจะทำอย่างนั้นจึงเมินคำพูดของผู้จัดการร้าน
“…ร่วมโต๊ะ ร่วมโต๊ะอย่างนั้นเหรอ”
อาซขมวดคิ้วพลางย้อนถามราวกับเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็มีอะไรที่ต้องทำอีกมาก จึงตั้งใจจะใช้เวลารับประทานอาหารกับอาเรียอย่างกลมเกลียว แต่กลับมีสิ่งมาขวางอย่างไม่คาดคิดเสียได้
แน่นอนว่าเขากำลังจะปฏิเสธกับคำพูดไม่เข้าท่าเช่นนั้น แต่อาเรียกลับตอบรับอย่างยินดีเสียก่อน
“ทำแบบนั้นก็น่าจะดีนะคะ เพราะต่างก็เป็นคนที่เคยพบเจอกันมาก่อนทั้งนั้น”
“…เลดี้!”
สายตาของอาซราวกับถามอาเรียว่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ เวลาที่แสนมีค่าแบบนี้จะใช้ไปกับคนที่ไร้ประโยชน์จริงๆ หรือ เพราะตั้งแต่วันพรุ่งนี้จะต้องยุ่งมากจนไม่ได้เจอกันบ่อยแล้ว
ทว่าอาเรียรู้ตัวตนของโรฮันและยังสงสัยว่าทำไมเขาถึงรับประทานอาหารเย็นกับไอซิส จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเผยรอยยิ้มพลางลูบมืออาซ
“เราจะร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหมคะ”
เตรียมการมาขอคำตอบจากเขาขนาดนี้ มีหรือจะปฏิเสธได้
อาซที่ไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างนั้นมองอาเรียทั้งที่ยังขมวดคิ้วอยู่ จากนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“…เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
ท้ายสุดแล้วก็ต้องทำตามอาเรียอยู่ดี เวลาที่อุตส่าห์เตรียมมากลับโดนขวางเช่นนี้อาซได้แต่ทำหน้าบึ้งตึง
ไอซิสที่หน้าซีดและอาเรียที่แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ระหว่างนั้นก็มีโรฮันที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว
“…แล้วพวกท่านรู้จักกันได้อย่างไรเหรอคะ”
จู่ๆ ไอซิสก็ถามคำถามขึ้นมา ระหว่างที่บริกรกำลังจัดเตรียมภาชนะสำหรับทานอาหารให้อาซและอาเรีย หล่อนมีแผนการจะเข้ายึดวังและก่อกบฏมกุฎราชกุมารในวันพรุ่งนี้จึงสมควรแล้วที่จะถามคำถามนั้น
ได้รับประทานอาหารกับฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายปฏิปักษ์ในวันพรุ่งนี้
โรฮันตอบอย่างไม่แยแสอะไรต่างจากไอซิสที่แสดงสีหน้าเป็นห่วง
“เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องมีความคุ้นเคยกันระหว่างกษัตริย์กับมกุฎราชกุมารในแต่ละอาณาจักรอยู่แล้ว ถ้าไม่รู้จักจะไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอ”
“…กษัตริย์เหรอคะ!”
อาเรียตกใจกับคำตอบ เนื่องจากที่ตรงนั้นมีเพียงอาเรียที่ไม่รู้ตัวตนจริงๆ ของโรฮัน จึงไม่แปลกที่จะตกใจ
เห็นว่าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาซ แต่เป็นถึงกษัตริย์เลยเหรอ… มาเยือนที่อาณาจักรด้วยตัวเองเพื่อวันพรุ่งนี้อย่างนั้นเหรอ อาเรียส่งสายตาให้อาซราวกับถามว่าทำไมไม่อธิบายให้ฟังตั้งแต่แรก
อาซที่ตกอยู่ในที่นั่งลำบากจึงได้แต่ตอบอย่างอ้อมแอ้ม
“ขอโทษครับ คิดว่าเป็นคนที่่เลดี้ไม่จำเป็นต้องรู้จักเลยไม่ได้แนะนำให้ก่อน เป็นความผิดของผมเองครับ”
“ทำเกินไปนะคะ”
“…แม้ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วก็ตาม แต่ทั้งสองท่านก็ดูสนิทสนมกันดีนะคะ”
และไอซิสก็รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจครั้งใหญ่ในสถานการณ์นี้
แม้จะเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรหนึ่งก็ตาม หากไม่สนิทกันจริงๆ ก็ไม่สามารถเรียกชื่อมกุฎราชกุมารแบบนั้นได้
อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดไปจะต้องไปกำจัดคนตรงหน้าแล้ว ยังทำท่าทางสนิทสนมเพียงนี้หรือนี่
ทันทีที่ไอซิสพูดทั้งที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและความหวาดกลัวโรฮันกลับขึ้นเสียงใส่ตอบราวกับจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรกัน
“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเราต้องไม่ถูกกันอยู่แล้ว”
“เป็นเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ดัชเชสชอบพูดอะไรไร้สาระอยู่เรื่อย”
ไอซิสมองทั้งสองคนที่ตอบอย่างไม่พอใจด้วยสายตางุนงง เพราะไม่สามารถคาดเดาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ พูดจาออกนอกหน้าจนอาซไม่คิดจะโต้แย้งว่าอะไรได้เลย
ทว่าอาเรียต่างจากไอซิสที่ยังจำได้ว่าอาซโรฮันเคยพูดคุยกันราวกับคนรู้จักกันมาก่อนที่โครอา จึงเข้าใจความสนิทสนมที่ออกมาจากบทสนทนาเหล่านั้นอย่างดี
ซึ่งดูเหมือนนั่นจะเป็นการกระทำที่เยาะเย้ยต่อไอซิสด้วยเหมือนกัน
“หากไม่สนิทกัน… แล้วทำไมถึงมารวมโต๊ะแบบนี้ล่ะคะ”
ในวันพรุ่งนี้ต่างเตรียมพร้อมจะฆ่าฟันกันอยู่แล้ว โรฮันจึงตอบคำถามของไอซิสที่เต็มไปด้วยความสงสัยด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายกับความโง่เขลา
“เพราะอยากจะรบกวน”
คำตอบนั้นทำให้ตะลึงจนพูดไม่ออกได้แต่ขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น โรฮันจึงพูดต่อ
“นอกจากนั้นก็… ต่อไปคงจะไม่มีโอกาสจะได้เจอหน้ากันแล้ว อย่างน้อยก็ขอให้ได้เจอกันสักหน่อยแล้วกัน ไม่ใช่เหรอ”
คำถามที่แฝงใจความอย่างอื่นทำให้ไอซิสกลอกตาพลางคิดหนัก
จากนั้นดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างจึงพยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ ดูเหมือนหล่อนจะเข้าใจคำพูดของโรฮันว่าการโจมตีในวันพรุ่งนี้โรฮันจะต้องเป็นฝ่ายชนะ และจากนั้นก็จะไม่ได้เจออาซอีกแล้ว
“คิดเสียว่าเป็นอาหารมื้อสุดท้ายแล้วกันนะ”
“อย่างนั้นสินะครับ…!”
ยังไม่รู้อีกว่าตัวเอกของอาหารมื้อสุดท้ายคือตัวเอง หล่อนที่แสดงท่าทางเห็นด้วยกับอาซอย่างหนักแน่นนั้นช่างดูน่าสมเพชเสียจริง
อาซเผยสีหน้าลึกซึ้งในขณะที่มองไอซิส และดูเหมือนจะเป็นสีหน้าราวกับสงสัยว่าทำไมที่ผ่านมาถึงได้หลงผู้หญิงที่มีความคิดตื้นเขินแบบนี้กัน
หากคิดดูอีกสักหน่อยก็จะเข้าใจความผิดปกตินั่นแล้วก็ตาม แต่สำหรับไอซิสที่ไม่มีจุดพึ่งพิงอื่นนอกจากโรฮัน หล่อนน่าจะเชื่อการคาดเดาว่าโรฮันจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและทำสำเร็จ อย่างไรเสียหล่อนก็ไม่มีที่ให้กลับไปอยู่แล้ว
หรือว่าอยากให้เห็นภาพนี้จึงเชื้อเชิญให้มาร่วมโต๊ะกันอย่างนั้นเหรอ แม้จะดูน่าสมเพชที่หล่อนแสดงออกว่าเห็นด้วยกับโรฮันทั้งที่ยังไม่เข้าใจคำพูดเขาด้วยซ้ำ แต่นี่ก็ไม่ใช่ภาพที่ถึงกับต้องสละเวลามาดูสักเท่าไหร่
ไม่อยากจะเชื่อว่ากษัตริย์ของอาณาจักรหนึ่งจะเอาเวลาที่มีค่ามาใช้กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เธอได้แต่มองโรฮันด้วยสายตาที่เคลือบแคลงใจพลางโต้แย้งกับความคิดตัวเองว่าทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องล้อเล่น
“เอ่อ นั่นก็อาจจะมีส่วนด้วย แต่ที่จริงแล้วผมสนใจเลดี้เลยเชิญให้มาร่วมโต๊ะด้วยน่ะครับ”
“ดิฉันเหรอคะ”
“ใช่แล้ว”
พูดอย่างหน้าไม่อายแม้อาซจะอยู่ข้างๆ ก็ตาม โรฮันยังยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับตอบว่าใช่
“…พูดอะไรไร้สาระน่ะ”
อาซพูดขู่คำรามโรฮัน เป็นการขู่ที่บ่งบอกว่าถึงจะพูดเล่นก็ตามไม่ควรพูดอย่างนั้น
“เป็นธรรมดาที่คนเราไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะแปรเปลี่ยนไปตอนไหน หากเลดี้ไม่พอใจคนรักคนปัจจุบันล่ะก็ ได้โปรดนึกถึงผมเป็นคนแรกได้เสมอ หวังว่าเลดี้จะเข้าใจเจตนาของผมนะครับ”
“โรฮัน!”
ทว่าโรฮันกลับไม่สนใจคำขู่ของอาซแม้แต่น้อยพลางพูดเรื่องไร้สาระต่อ ท้ายสุดแล้วอาซทนไม่ไหวจนต้องลุกจากที่นั่ง ด้วยสีหน้าที่แทบจะจับคอเสื้อกดลงพื้นด้วยซ้ำหากทำได้จริงๆ
ท่าทางเหมือนทั้งสองคนจะลงไปสู้กันที่พื้นจริงๆ อาเรียจึงรีบยื่นมือไปจับมืออาซเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น
“ขอบคุณจริงๆ ค่ะ แต่หวังว่าจะไม่ล้อเล่นเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแบบนี้นะคะ”
“ล้อเล่นเหรอ ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ”
แต่โรฮันก็ยังเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอยู่อีก เนื่องจากเป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะทดสอบตัวเธอเอง อาเรียที่คิดกังวลอยู่ก่อนหน้าสักพัก จึงพูดความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองออกมา
เห็นได้ชัดว่าแม้จะพูดเกลี้ยกล่อมไป ก็มีแต่จะต่อความยาวสาวความยืดไปเรื่อย เพราะเธอเชื่อว่าอย่างไรเสียหากมีอาซอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะพูดอะไรโรฮันก็ไม่สามารถโจมตีเธอได้
“อย่างนั้นเหรอคะ ถึงท่านจะกล่าวเช่นนั้น แต่ท่านโรฮันไม่ตรงกับรสนิยมของฉันเท่าไหร่ ได้โปรดเลี่ยงการพูดแบบนั้นด้วยนะคะ”
“งั้นเหรอ แล้วรสนิยมเลดี้เป็นแบบไหนเหรอครับ”
“ผู้ชายที่ผมสีดำ นัยน์ตาสีฟ้า แล้วก็ตัวสูงด้วยค่ะ”
“….”
คำตอบนั้นทำให้อาซที่รู้สึกรำคาญอยู่ก่อนหน้านี้ตัวแข็งทื่อไปทันที เพราะลักษณะที่เธอพูดคือตัวเขาเอง เนื่องจากไม่รู้ว่าอาเรียจะตอบอย่างนั้นจึงหันไปมองอาเรียทั้งที่ยังตัวแข็งทื่อ
สีหน้าราวกับถามว่าที่เขาได้ยินเป็นเรื่องจริงเหรอ ภาพตัวเองที่โกรธพลางขู่โรฮันตอนนั้นหายไปทันที
และไอซิสที่นั่งฟังอยู่ตรงนั้นได้แต่ยกมือขึ้นปิดปาก เป็นสีหน้าที่จินตนาการถึงภาพที่โรฮันโกรธ หลังจากที่อาเรียระบายทุกอย่างออกมาด้วยความจริงใจ
ไม่สิ เป็นสีหน้าที่หวังว่าจะให้เขาโกรธจนตวาดใส่นังโสมมนั่นจนร้องไห้เสียมากกว่า
ทว่าโชคร้ายที่คำตอบของโรฮันไม่ใช่อย่างที่ไอซิสหวังไว้
“…ตอบคำถามน่าสนุกแบบนี้ ความสนใจที่ไม่ได้มีตั้งแต่แรกดันมีขึ้นมาจริงๆ ซะแล้วสิ”
ดูเหมือนชอบใจคำตอบแบบขวานผ่าซาก จึงมองอาเรียด้วยสายตาที่สนใจยิ่งกว่าก่อนหน้าที่ยังมีความล้อเล่นอยู่บ้าง
“แม้ท่านจะพูดเช่นนั้นก็ตาม แต่รสนิยมความชอบของดิฉันก็ยังแน่วแน่เหมือนเดิมจึงไม่สนใจชายคนอื่น ได้โปรดหันไปสนใจหญิงคนอื่นเถอะค่ะ แล้วก็ขอโทษนะคะ ผู้หญิงที่มาด้วยกันก็นั่งอยู่ข้างๆ ยังชวนดิฉันคุยต่อเช่นนี้อีก หวังว่าท่านจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องเสียมารยาทนะคะ”
ทันทีที่พูดตอบกลับไปอีกครั้ง โรฮันจึงกลั้นหัวเราะไม่อยู่จนส่งเสียงออกมา
และไอซิสที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ไม่กล้าโกรธเรื่องที่เมินตัวเองทั้งยังแสดงออกว่าสนใจผู้หญิงคนอื่น ได้แต่นั่งกำหมัดกล้ำกลืนความโกรธอยู่อย่างนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นชาติกำเนิดชนชั้นต่ำอย่างนังนั่น บังอาจมามองเธอด้วยสายตาสงสารอีก ในวันพรุ่งนี้ก็จะเสียคนรักแล้วกลับไปเป็นชนชั้นเดิมอยู่แล้ว ใครจะต้องสงสารใครกันแน่!
โกรธจนอยากจะตะโกนออกมาด้วยซ้ำ แต่เห็นสีหน้าของอาซที่พร้อมจะลงมือฆ่าแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เธอจึงได้แต่กัดฟันแน่นเก็บอารมณ์ไว้ อย่างไรเสียอีกไม่นานก็จะเสียอำนาจทุกอย่างไปแล้ว จึงพยายามอดทนไว้
“เปลี่ยนไปทานอาหารที่ร้านอื่นดีไหมครับ”
และในระหว่างนั้น อาซที่นั่งมองอาเรียอยู่ก็ถามขึ้นมา
ด้วยสีหน้าที่ดูเร่งรีบ เป็นสีหน้าที่อยากจะหลีกหนีสายตาคนอื่นไปใช้เวลาอยู่กับอาเรียสองคนที่อื่น
แต่จะว่าไปผู้ชายที่ไหนจะทนได้ว่าคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับเอาลักษณะของเขาไปพูดแล้วบอกว่าเป็นรสนิยมของตัวเองกัน
“ดีเลยค่ะ”
และอาเรียก็คิดเช่นเดียวกัน จึงตอบรับอย่างยินดี เนื่องจากคลายข้อสงสัยทั้งหมดแล้วจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ
ทันทีที่เธอพูดจบอาซที่จับมืออาเรียอยู่ก็ออกแรงกระตุ้นให้อาเรียลุกขึ้น เหตุผลที่เขาไม่สามารถตอบโต้การกระทำที่รีบร้อนและวู่วามของโรฮัน และสาเหตุที่ทำให้เขาต้องนั่งนิ่งอยู่แบบนี้เป็นเพราะอาเรีย
“ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าจะใช้เวลาอย่างเพลิดเพลินค่ะ”
อาเรียบอกลาแทนอาซที่ตั้งใจจะลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไร โรฮันยังคงยิ้มแย้มให้เธอพร้อมกับพูด
“ที่บอกว่าสนใจเลดี้เป็นความจริงครับ ผมอยากให้เลดี้มาที่โครอา และโปรดทราบไว้ว่าคนที่หวังจะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้มีแค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้น”
อาเรียไม่เข้าใจความหมายของคำพูดพวกนั้นจึงเอียงคอคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงออกจากร้านอาหารตามอาซที่ดึงมือเธอไป
……………………….