พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1560 ถูกสอบสวน (2)
ในขณะเดียวกันนี้เอง กองทัพองครักษ์กับกำลังพงเฝ้าเมืองที่ถูกนำโดยคนของหน่วยตรวจการขวาก็ทำการตรวจสอบและกวาดล้างครั้งใหญ่ที่ตลาดสวรรค์
ตลาดสวรรค์เปิดประตูเมือง ปล่อยเพียงคนออก ไม่ให้คนเข้า พ่อค้าทุกคนของตลาดสวรรค์ถูกไล่ออกไปในรวดเดียว ที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองทั้งสี่ล้วนมีสมุดบัญชีที่บันทึกสมาชิกของร้านค้าต่างๆ ไว้ คนที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อถูกไล่ออกไปหมด แน่นอนว่า ถ้ามีพ่อค้าบางคนยินดีจะออกจากเมืองชั่วคราว ผู้ตรวจสอบก็จะไม่ขัดขวางเช่นกัน หอฉางเจินและกิจการของสี่อ๋องที่ถูกล้อมไว้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
นี่เป็นคำสั่งที่เข้มงวด ถ้าจบเรื่องแล้วพบว่ายังมีคนที่ไม่ใช่สมาชิกของตลาดสวรรค์อยู่ ก็จะฆ่าไม่ละเว้น!
สมาชิกของบรรดาร้านค้าใหญ่ๆ ก็ทำได้เพียงอยู่ในร้านตัวเองไม่ต้องออกไปไหน ถ้าเห็นใครโผล่หน้าไปที่ถนน ก็จะฆ่าคนนั้น
ผ่านไปไม่นาน ประตูเมืองทั้งสี่ก็ปิดสนิทอีกครั้ง ตลาดสวรรค์ที่คึกคักรุ่งเรืองกลายเป็นตลาดที่ว่างเปล่า ราวกับกลายเป็นเมืองร้างแห่งหนึ่งไปแล้ว มีพ่อค้าแม่ค้าจำนวนไม่น้อยออกจากตลาดไปแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ติดร่างแหซวยไปด้วย
บนหลังคาของร้านค้าที่อยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ ในเมืองล้วนมีทหารสวรรค์ยืนจับตาดูถนนโดยรอบ ยังมีกำลังพลอีกกลุ่มที่ตรวจสอบกวาดล้างบรรดาร้านค้าใหญ่ ดูว่าในนั้นยังมีคนนอกอยู่หรือไม่ เหมือนต้องการจะสกัดภัยแฝงเร้นทุกอย่างที่เป็นไปได้
คนที่มีพลังอำนาจมากขนาดนี้ที่ตลาดสวรรค์ได้ในตอนนี้ นอกจากเก้ากวนก็ไม่มีใครแล้ว
พวกถังเฮ่อเหนียนที่ตัวอยู่ในคุกไม่รู้ ว่าคนที่ตัวเองพามาด้วยหรือเตรียมไว้ทั้งก่อนและหลังถูกไล่ออกไปนอกเมืองแล้ว บางคนก็เข้าไปอยู่ในร้านค้าของตัวเองแต่โดยดี หมดโอกาสในแอบการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ตลาดสวรรค์โดนสิ้นเชิง
จวนท่านปู่สวรรค์ ในสวนต้องห้าม
เว่ยซูเดินเนิบนาบอยู่ข้างกายเซี่ยโห้วท่า เซี่ยโห้วท่าส่ายหน้าพลางกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “รู้ว่าท่านนั้นจะต้องป่วนแผนการ แต่นึกไม่ถึงว่าจะให้เก้ากวนออกหน้าเอง สุนัขกัดคนอย่างเก้ากวนช่างใช้ปากกัดเก่งจริงๆ ทำให้คนที่สี่อ๋องสวรรค์ส่งมาคุมสถานการณ์หมดประโยชน์แล้ว ทั้งตลาดสวรรค์ถูกควบคุมอยู่ในมือเก้ากวนโดยสิ้นเชิง ลูกน้องคนสนิททั้งสี่ที่สี่อ๋องสวรรค์ส่งมาเพราะความทะเยอะทะยาน ตอนนี้กลายเป็นตัวประกันในมือเก้ากวนแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นอาจะกลายเป็นข้ออ้างให้เก้ากวนลงมือสังหารก็ได้ ทำให้สี่ตระกูลเหมือนโดนมัดมือมัดเท้า ไม่ทราบว่าสี่คนนั้นจะนึกเสียใจทีหลังรึยัง?”
“ทูตขวาเกาคนนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ” เว่ยซูกล่าว
เซี่ยโห้วท่าถอนหายใจแล้วบอกว่า “ประมุขชิงเลี้ยงสุนัขดีๆ เอาไว้น่ะสิ!”
วังสวรรค์ อุทยานสายัณห์
ประมุขชิงที่กำลังเอามือไขว้หลังเดินทอดน่องไปข้างหน้ากล่าวว่า “เก้ากวนกำลังถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่ลับลวงเปิดเผยไม่ได้ พวกเจ้ามีอะไรน่ากังวล รอให้เก้ากวนสอบสวนเสร็จแล้ว แล้วก็ปล่อยตัวพวกเขาไปเอง ถ้าเก้ากวนกล้าพาลหาเรื่องโดยไร้เหตุผล ข้าย่อมมอบความยุติธรรมให้พวกเจ้า เอาล่ะ ข้ามีนัดเล่นหมากล้อมกับสนมสวรรค์ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็แยกย้ายเถอะ”
สี่อ๋องสวรรค์ที่เดินตามอยู่ข้างหลังมองหน้ากันเลิกลั่ก สุดท้ายก็กุมหมัดคารวะ “ขอรับ!”
รอจนกระทั่งสี่อ๋องออกไปแล้ว ประมุขชิงก็หยุดเดินแล้วหันตัวมา ซ่างกวนชิงเดินเข้ามาใกล้เพื่อรอฟังคำสั่งจากเขา
ใครจะคิดว่าประมุขชิงกลับกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เก้ากวนนี่ช่างเอาแต่สร้างปัญหาให้ข้า”
ซ่างกวนชิงรู้ว่าเขาพูดประชดในความหมายตรงกันข้าม จึงหัวเราะตามแล้วบอกว่า “นี่คือลักษณะการทำงานของทูตขวาเกา เกรงว่าคนในใต้หล้าคงจะกลัวเขากันหมดแล้ว”
ในดวงตาประมุขชิงฉายแววภาคภูมิใจ หัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “เก้ากวน เจ้าหมอนี่ก็จริงๆ เลย ข้าให้เขาไปแทรกแซงนิดหน่อย ทำจับตัวพ่อบ้านของสี่อ๋องสวรรค์เสียแล้วล่ะ? ทั้งยังจับอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ ขนาดหวังเฟยฮูหยินของก่วงลิ่งกงก็ยังโดนกักตัวไว้ เขาช่างทำออกมาได้จริงๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรพวกเขาเสียหน่อย ทำไมต้องหลับหูหลับตาทำอย่างนั้น จะให้ข้าว่ายังไงดีล่ะ เดี๋ยวข้าจะต้องตามเช็ดก้นให้เขาอีก เฮ้อ! ได้ยินว่าเขายังจับคนของสี่อ๋องขังไว้ด้วยกันแล้ว จงใจทำให้คนของตระกูลก่วงอับอาย”
ซ่างกวนชิงบอกว่า “ท่านนั้นอ้างชื่อทัพตะวันตกอย่างกำเริบเสิบสาน เห็นได้ชัดว่าทูตขวาเกากำลังให้บทเรียนเขา แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับ ทูตขวาเกาสมกับเป็นคนที่ทำชั่วมาจนชินแล้ว เวลาจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็ชำนาญมาก ทำเอาสี่อ๋องพูดอะไรไม่ออก”
“เหอะๆ! ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ข้าวางใจให้เก้ากวนทำงาน” ประมุขชิงหัวเราะเบาๆ อยู่พักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ลูบเคราถามอย่างลังเล “ได้ยินว่าราชินีสวรรค์เรียกสนมสวรรค์ไปตำหนิอีกแล้วเหรอ?”
เสียงของซ่างกวนชิงเบาลงหลายส่วน “ราชินีสวรรค์แบ่งที่นาหลายผืนที่อุทยานหลวงไว้ให้สนมสวรรค์ดูแล แต่สนมสวรรค์กลับไปเคยไปดูแลเลยขอรับ”
“เฉิงอวี่ต้องการจะให้สนมสวรรค์เรียนรูการเสแสร้งเหมือนสนมคนอื่นเหรอ? สนมสวรรค์เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีทางทำเรื่องออดอ้อนขอความรักพรรค์นั้นหรอก! ข้าไม่ได้ไปหาสนมสวรรค์นานแล้ว ช่วงสองสามวันนี้เตรียมงานต่างๆ ไว้ด้วย ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรก็อย่ามารบกวน ข้าจะไปหาความสำราญกับสนมสวรรค์สักสองสามวัน”
“ขอรับ!”
ด้านนอกวังสวรรค์ ก่วงลิ่งกงเดินก้าวยาวอยู่ข้างหน้า ข้างหลังกลับมีเสียงของอิ๋งจิ่วกวงดังขึ้น “ก่วงลิ่งกง เจ้าไม่คิดจะอธิบายกับทุกคนสักหน่อยเหรอ?”
ก่วงลิ่งกงหยุดเดินแล้วหันตัวมา พอเห็นโค่ว อิ๋ง ฮ่าวเดินเรียงแถวหน้ากระดานเข้ามาพร้อมกัน ก็แสยะยิ้มแล้วบอกว่า “เห็นได้ชัดว่าเก้ากวนจงใจสร้างความแตกแยกระหว่างพวกเรา อิ๋งจิ่วกวง เจ้าคงไม่ได้ตกกลุมพรางหรอกใช่มั้ย?”
“ข้าแค่อยากจะรู้ว่าเมียเจ้ากินอิ่มแล้วไม่มีอะไรจะทำแล้วจริงๆ ใช่มั้ย ถึงได้กัดคนซี้ซั้ว?” โค่วหลิงซวีถาม
พอพูดถึงเรื่องนี้ ก่วงลิ่งกงก็โมโหมากเช่นกัน เขาเข้าใจสถานการณ์ในตอนนนั้นชัดเจนกว่าใคร เขาเองก็ด่าเม่ยเหนียงเสียยับเยินไปยกหนึ่งเช่นกัน มีโกวเยว่อยู่ตรงนั้นด้วย โกวเยว่ยังรู้จักบันยะบันยัง แต่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจอะไรอย่างเจ้าจะหลับหูหลับตาเข้าไปแส่ทำไม
ที่จริงเรื่องเม่ยเหนียงเป็นเรื่องรอง เรื่องที่ทำให้เขาเดือดดาลรำคาญใจที่สุดก็คือ เขากำลังได้เปรียบเรื่องนี้อยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ เขาหงุดหงิดว่าโกวเยว่ทำงานยังไง แน่นอน เขาเองก็รู้ว่าเรื่องนี้จะโทษโกวเยว่เสียทั้งหมดไม่ได้ การที่เก้ากวนสามารถคุมหน่วยตรวจการขวาได้ก็แปลว่าไม่ใช่ไก่อ่อนอยู่แล้ว เก้ากวนไปคุมสนามด้วยตัวเอง เรื่องบางเรื่องจึงไม่มีทางพูดอะไรได้ เรื่องที่เปลี่ยนให้คนอื่นทำแทนไม่ได้ แต่สามารถส่งให้เก้ากวนทำได้เลย สิ่งนี้ทำให้คนโวยวายไม่ออก
ภัตตาคารบุปผาวสันต์จันทร์สารทที่ดาวจิ่วหวน หลังจากสอบสวนไปยกหนึ่ง ในขณะที่ผู้สอบสวนแทรกถามรายละเอียดเป็นระยะ ท้องฟ้าด้านนอกก็มืดแล้ว บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่ในตึกศาลากลับสว่างไสวระยิบระยับ
เก้ากวน อวี่จ้งเจิน เซวียนหยวนจัว ตู๋กูอู๋ฟังอยู่ข้างๆ ตลอด ไม่มีใครพูดแทรกเลยตั้งแต่ต้นจนกระทั่งตอนนี้
การสอบสวนครั้งแรกนี้ไม่ได้นับว่าเป็นการสอบสวนจริงๆ หรอก โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นเหมียวอี้ที่บรรยายเรื่องทุกอย่าง ทำแบบนี้เพื่อรอการพิจารณาตัดสิน เตรียมตัวเพื่อสอบสวนอย่างแท้จริงในตอนหลัง
หลังจากทั้งสามฝ่ายบันทึกคำให้การเสร็จแล้ว ก็ส่งให้เหมียวอี้อ่านเอง หลังจากเหมียวอี้ยืนยันแล้วว่าไม่ผิดพลาด ก็ลงตราอิทธิฤทธิ์ของตัวเองลงบนนั้น
จากนั้นเหมียวอี้ก็สูญเสียอิสระแล้ว วรยุทธ์บนตัวถูกควบคุมไว้ ขณะเดียวกันก็ถูกเก้ากวนออกคำสั่งให้คุมตัวไปขังในคุกใหญ่ของตำหนักคุ้มเมือง
ตอนที่ออกจากตึกศาลา เหมียวอี้ก็เจอกับอวิ๋นจือชิวที่ถูกนำตัวมา ทั้งสองสบตากัน เดินเฉียดกันไป พอเหมียวอี้หันกลับมาอีกครั้ง ก็มองส่งอวิ๋นจือชิวถูกนำตัวไปสอบสวนต่อ
ในคุกใหญ่ตำหนักคุ้มเมือง โกวเยว่ไม่ใช่แค่ถูกสอบสวน แต่ถูกกดดันถามจนร้อนรนเหมือนโดนเผา จนใจที่อยู่ในฐานะบ่าวไพร่ ไม่อาจจะบอกคนนอกได้ว่าเป็นเพราะนายหญิงบ้านตัวเองโง่จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ พ่อบ้านผู้สง่าผ่าเผยไม่อาจทำตัวเหมือนบ่าวไพร่ระดับต่ำได้ ได้แต่ยืนกรานว่าไม่รู้
แต่สามคนนั้นก็ไม่ใช่ไก่อ่อนเหมือนกัน ทั้งสามรู้ว่าต่อให้เก้ากวนจะหยาบคายสักแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางจับพ่อบ้านของตระกูลท่านอ๋องมาไว้ด้วยกันโดยไร้สาเหตุ ไม่อย่างนั้นเก้ากวนจะได้รับบทเรียนเอง ถึงอย่างไรสี่อ๋องสวรรค์ก็ไม่ได้มีไว้ประดับตำแหน่งเฉยๆ กอปรกับในตอนนี้ทั้งสามคนถูกควบคุมตัวไว้ ไม่สามารถติดต่อกับภายนอกได้ ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ถูกตัดขาดจากภายนอกโดนสิ้นเชิง ย่อมต้องอยากรู้ความจริงจากปากโกวเยว่อยู่แล้ว จะได้พิจารณาตัดสินได้อย่างสงบใจ
โกวเยว่ไม่พูดความจริง มีหรือที่ทั้งสามจะปล่อยเขาไป ย่อมกดดันถามไม่หยุดอยู่แล้ว
คนพวกนี้ดันถูกขังไว้ด้วยกัน โกวเยว่ไม่มีทางหลบพ้น โดนถามซ้ำไปซ้ำมาจนเหลือทน แทบจะลงไม้ลงมือกันแล้ว
หลังจากเหมียวอี้ถูกจับเข้ามาขัง เป็นเพราะออยู่ห่างกันไม่ไกลมาก ถึงแม้จะมองไม่เห็นตัว แต่กลับได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน ตอนนี้เขาถึงได้พบว่าเก้ากวนจับคนพวกนี้มาขังไว้ด้วยกัน เขาแทบจะหัวเราะออกมา พบว่าทูตขวาเกาท่านนั้นจะมีวิธีวางกับดักที่เลิศจริงๆ
หลังจากอวิ๋นจือชิวถูกสอบสวนแล้ว ก็ถูกพาตัวเข้าไปในคุกใหญ่ ถูกขังไว้ตรงข้ามกับเหมียวอี้ ทั้งสองฝ่ายห่างกันหลายก้าว ลูกกรงที่กั้นไว้สามารถทำให้มองเห็นอีกฝ่ายได้ เมื่อทั้งคู่ต่างยืนยันได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร ก็วางใจแล้วเช่นกัน
หลังจากสอบสวนอวิ๋นจือชิวแล้ว คนของน่านฟ้าระกาติงที่เข้ามายุ่งเรื่องที่ฉู่จื่อซานบังคับแต่งงานรวมทั้งผู้รอดชีวิตจากศึกเลือดก็ถูกนำตัวมาเช่นกัน พวกเขาถูกสอบสวนทีละคน จากนั้นคนของธงมังกรน้ำเงินก็ถูกสอบสวนขอคำให้การที่ละคน ทั้งยังทยอยเบิกตัวคนนอกจำนวนหนึ่งมาสอบสวนด้วย
การสอบสวนครั้งนี้ใช้เวลาหลายวันมาก ถึงได้นำคำให้การจากทุกฝ่ายมาเทียบกัน สามหน่วยงานที่ร่วมสอบสวนนำคำให้การจาฝ่ายต่างๆ มาเทียบกันทันที แต่ก็พบปัญหาบางอย่างแล้ว
คำให้การของสมาชิกธงมังกรน้ำเงินกับคำให้การของเหมียวอี้เหมือนกันแต่มีความต่างนิดหน่อย ทั้งหมดบอกว่าเจียงอีอีจี้จับตัวประกันบังเอิญตกมาอยู่ในมือของฝ่ายนี้ ส่วนฉู่จื่อซานก็ลงมือกับพวกเขาทันทีโดยไม่ฟังคำอธิบาย พวกเขาต้องปกป้องตัวเองถึงได้โจมตีโต้ตอบ
คำให้การของฝั่งน่านฟ้าระกาติงก็สามารถพิสูจน์คำให้การส่วนหนึ่งขงฝั่งธงมังกรน้ำเงินเช่นกัน แต่น่านฟ้าระกาติงยืนกรานว่าคนที่เจียงอีอีจับตัวไปคืออวิ๋นจือชิว เถ้าแก่เนี้ยหออวิ๋นฮว๋า ฉู่จื่อซานไปเพื่อช่วยชีวิตคนถึงได้บังเอิญเจอกองทัพองครักษ์ ทว่าคำให้การนี้ฟังไม่ขึ้น อวิ๋นจือชิวปฏิเสธว่าตัวเองเคยถูกเจียงอีอีจับตัวไป พวกมู่อวี่เหลียนต่างก็บอกว่าเหมียวอี้ยืนยันในที่เกิดเหตุว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ คนนั้นเป็นตัวปลอม ถ้าจะบอกว่าพวกมู่อวี่เหลียนช่วยโกหก เช่นนั้นหลังจากเกิดเรื่องแล้วคนมากมายในตลาดสวรรค์ก็เห็นโผล่หน้ามา ส่วนอวิ๋นจือชิวก็ถูกตำหนักคุ้มเมืองจับตัวไปด้วย สามารถยืนยันได้ว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ ที่ถูกเจียงอีอีจับตัวไปนั้นเป็นตัวปลอมแน่นอน
แต่ว่า ในขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็น ‘อวิ๋นจือชิว’ ตัวปลอมตบออกมาจากหออวิ๋นฮว๋าจริงๆ ทั้งยังเห็นนางตบหน้าทหารของน่านฟ้าระกาติงด้วย
ดังนั้นตอนที่อวิ๋นจือชิวถูกสืบสวนอีกครั้ง ผู้สอบสวนถามว่าทำไม ‘อวิ๋นจือชิว’ ตัวปลอมจึงออกมาจากหออวิ๋นฮว๋า อวิ๋นจือชิวก็บอกว่าไม่รู้ บอกว่าตอนนั้นคนที่เข้าออกล้วนเป็นคนของฉู่จื่อซานที่คอยตรวจสอบ คนในร้านไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เลย ทำไมถึงมีตัวปลอมโผล่มาได้ก็ต้องถามคนของฉู่จื่อซาน นางไม่มีทางอธิบายได้
จากนั้นเมื่อสอบสวนเหมียวอี้อีกครั้ง รอบนี้ก็เป็นการเอาจริงแล้ว เซวียนหยวนจัวสอบสวนด้วยตัวเอง
ในตึกศาลา เซวียนหยวนจัวเอ่ยปากถามว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้ากับอวิ๋นจือชิวมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
“เมื่อเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้ ข้านอนกับนางไปแล้ว นางเป็นผู้หญิงของข้า!” เหมียวอี้ตอบ
ช่างหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ! คนในศาลาพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เก้ากวนที่นั่งอยู่เบื้องสูงกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ส่วนอวี่จ้งเจินก็สีหน้าบึ้งตึง
เซวียนหยวนจัวถามต่อว่า “ทำไมเรื่องราวบังเอิญขนาดนี้ ฉู่จื่อซานกำลังจะแต่งงานกับนางพอดี เจ้าก็ดันลงมือกับฉู่จื่อซานในเวลานี้? อย่าบอกนะว่าสิ่งนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเจ้าสังหารฉู่จื่อซานเพราะอวิ๋นจือชิว?”
เหมียวอี้บอกว่า “เป็นความบังเอิญล้วนๆ ข้าเพิ่งถูกปล่อยตัวจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ไม่รู้เรื่องของฉู่จื่อซานเลย และไม่รู้จักฉู่จื่อซานอะไรนั่นด้วย แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่ข้ารับประกันได้ ถ้าข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าฉู่จื่อซานต้องการแย่งผู้หญิงของข้า ต่อให้ไม่มีเรื่องในครั้งนี้ ข้าก็จะไม่ปล่อยเขาไปอยู่ดี ตอนหลังพอได้รู้ว่ามีเรื่องนี้ ข้าก็บอกได้เพียงว่าบังเอิญมาก เวรกรรมตามสนอง กลับลดความยุ่งยากได้แล้ว!”
…………………………