พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2114 สวีผู้นี้ยังมีจิตใจทระนงอยู่บ้าง!
ความเดือดดาลในใจของเขานั้นไม่มีทางบรรยายออกมาได้ แต่อาศัยอำนาจของเขาในตอนนี้ก็ทำอะไรหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้ ทำได้เพียงแอบสาบานว่า ถ้าพลังของตัวเองฟื้นกลับมาถึงระดับสูงสุดเมื่อไหร่ จะต้องทำให้หนิวโหย่วเต๋อทรมานจนอยู่มิสู้ตายแน่!
การออกปฏิบัติการครั้งนี้ทำให้สูญเสียกำลังทหารอีก ทั้งยังเอาชีวิตของพวกสงฉีไปทิ้ง! จั่วเอ๋อร์แอบถอนหายใจ แล้วถามว่า ผู้อาวุโส หรือว่าในมือหนิวโหย่วเต๋อมียาถอนพิษ?
หนานโปกล่าวอย่างแค้นใจว่า พิษนี้ไม่เคยตกอยู่ในมือคนอื่นมาก่อน ที่จริงมันก็ไม่ใช่พิษหรอก ต่อให้มียาถอนพิษฉันดีแต่ก็แก้พิษไม่ได้ จะเอายาถอนพิษมาจากที่ไหนกัน ทั้งใต้หล้าคนที่รู้จักยาถอนพิษมีข้าแค่คนเดียว เจ้าเวรนั่นจะต้องอาศัยวิชาของเหยียนซิวล้วงเรื่องที่อยู่ของยาถอนพิษจากสงฉีแน่ เจ้าแจ้งไปที่คนถือยาถอนพิษเดี๋ยวนี้ ให้ทำลายยาถอนพิษซะ!
จั่วเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ อึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร หยิบระฆังดาราออกมาทำตามที่สั่ง
หนานโปเองก็ไหวตัวแล้วเช่นกัน ถ้าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ไม่ราบรื่นก็จะทำลายยาถอนพิษ สงฉีจะไม่บอกสิ่งนี้กับหนิวโหย่วเต๋อให้ชัดเจนเชียวหรือ? หรือว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่สนใจความเป็นความตายของหลินอ้าวเสวี่ยจริงๆ? หรือไม่หนิวโหย่วเต๋อก็สามารถถอนพิษนี้ได้จริงๆ?
ผู้อาวุโส ไม่สะดวกจะอยู่ที่นี่นาน เกรงว่ากำลังพลของทัพใต้จะค้นหามาถึงที่นี่ในอีกไม่นาน จั่วเอ๋อร์ที่เก็บระฆังดาราเอ่ยเตือน
รวบรวมกำลังพลแล้วออกจากที่นี่ ออกผ่านประตูดวงดาวอีกแห่ง บัญชีนี้ข้าจะหาโอกาสสะสางกับเขา… หนานโปกัดฟัน
ดาวอ๋องสวรรค์หนิว สมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้หญิงในเรือนพักด้านนอกย้ายเข้ามาอยู่ในจวนท่านอ๋องหมดแล้ว มีคนใหม่เข้ามาอยู่แล้ว
ในลานบ้าน เหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวพี่กำลังพูดคุยกับคนอื่นๆ หันกลับมาพร้อมกัน เห็นเพียงตรงด้านหลังประตูที่เปิดออก หลินอ้าวเสวี่ยที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวใหม่และสวมเสื้อผ้าหรูหราสวยงามกำลังเดินออกมาพร้อมลูกสาว พอเดินมาตรงหน้าทั้งสอง หลินอ้าวเสวี่ยก็กล่าวด้วยความเคารพ ขอบคุณในบุญคุณที่ท่านอ๋องกับเหนียงเหนียงช่วยชีวิต!
อวิ๋นจือชิวรีบประคองแขนนางขึ้นพร้อมยิ้มอย่างเป็นกันเอง ข้ากับเฟยหงสนิทกันเหมือนพี่น้อง ทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีบุญคุณอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างล้วนพึงกระทำ
ทั้งสองพูดเยิ่นเย้อกันอยู่ตรงนั้น เฟยหงมองเหมียวอี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวานชื่นอ่อนโยน ความซาบซึ้งก็ยิ่งเปี่ยมล้นเต็มอก ที่จริงก่อนหน้านี้นางแอบกังวลมาตลอด ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่สนใจงานใหญ่ของตัวเองและทำเพื่อนางได้เหรอ? เรื่องนี้พิสูจน์แล้วว่านางมองคนไม่ผิด ผู้ชายคนนี้ไม่ทำให้นางผิดหวัง!
เหมียวอี้กะพริบตาส่งสัญญาลับให้นาง ทำสีหน้าแปลกๆ ใส่นาง สำหรับสีหน้าแบบนี้เฟยหงรู้อยู่แก่ใจ อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเรื่อ แอบชำเลืองอวิ๋นจือชิวเงียบๆ
รอจนผู้หญิงทั้งสองคุยกันได้พอสมควรแล้ว เหมียวอี้ก็พูดแทรกว่า ท่านแม่ยาย เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วไป อย่าเก็บเอามาใส่ใจ แต่เรื่องบางเรื่องท่านก็ต้องเตรียมใจเอาไว้สักหน่อย แม้ตอนนี้ท่านจะปลอดภัยแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ถูกชิงตัวมาจากมือตำหนักสวรรค์ ยังได้ชื่อว่ามีความผิดติดตั ยังไม่ถึงเวลาที่ข้าจะแตกคอกับตำหนักสวรรค์อย่างเปิดเผย ไม่สะดวกจะให้ท่านเผยโฉมต่อสาธารณชน ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นด้านคุณธรรมหรือกฎระเบียบ ข้าก็ล้วนไม่มีที่ยืน ดังนั้นข้าจึงเตรียมส่งท่านไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ท่านสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ข้าจะให้เฟยหไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ
หลินอ้าวเสวี่ยมองลูกสาวแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าบอกว่า เข้าใจแล้ว เสียวเสวี่ยบอกความคิดของท่านอ๋องให้ข้ารู้แล้ว ความใส่ใจนี้ของท่านอ๋อง ข้าจะไม่รับไว้ได้ยังไง
เหมียวอี้ยิ้มเจื่อน แม่ลูกเพิ่งจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ก็ต้องให้พวกเจ้าแยกกันอีกแล้ว ไม่ยุติธรรมกับท่านแล้ว
หลินอ้าวเสวี่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า เสียวเสวี่ยมีที่พึ่งในชีวิตแล้ว มารดาอย่างข้าก็วางใจแล้วเช่นกัน ตอนนี้ยังมีอะไรไม่พอใจอีกล่ะ นางหันกลับมาจูงมือเฟยหง แล้วกำชับว่า ท่านอ๋องกับเหนียงเหนียงดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ในเมื่อเจ้าเป็นผู้หญิงของท่านอ๋องแล้ว ต่อไปนี้ก็ต้องปฏิบัติท่านอ๋องให้ดี เชื่อฟังเหนียงเหนียง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เข้าใจไหมลูก?
ก่อนหน้านี้เคยคุยกับลูกสาวแล้ว ถามถึงสภาพเหตุการณ์ของที่นี่ รู้ว่าอวิ๋นจือชิวมีความสำคัญในจวนท่านอ๋อง รู้เช่นกันว่าลูกสาวของตัวเองไม่มีอำนาจใดๆ หนุนหลัง นางมีพื้นเพมาจากตระกูลใหญ่มีหรือจะไม่รู้เรื่องความไม่จริงใจในเรือนชั้นใน จึงกำชับเฟยหงให้ตามติดพึ่งพาอวิ๋นจือชิว อย่าได้คิดจะแย่งชิงความโปรดปรานและท้าทายอวิ๋นจือชิว ที่พูดตอนนี้ที่จริงแล้วก็เพื่อจะพูดให้เหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวได้ยินเท่านั้น
ลูกเข้าใจแล้วค่ะ เฟยหงพยักหน้า
หลินอ้าวเสวี่ยถามเหมียวอี้อย่างกังวลเล็กน้อยว่า ท่านอ๋องช่วยข้าออกมาจากเงื้อมมือตำหนักสวรรค์ ตำหนักสวรรค์จะไม่ทำอะไรไม่ดีต่อเสียวเสวี่ยใช่ไหม?
เหมียวอี้กล่าวปนเสียงหัวเราะว่า เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล ถ้ามีโอกาสข้าจะให้เฟยหงไปเดินเล่นที่อุทยานหลวงสักหน่อย ข้าก็อยากจะเห็นนะว่าใครจะกล้าแตะต้องนาง!
ฟังออกถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม หลินอ้าวเสวี่ยสงบใจแล้วไม่น้อย พยักหน้าบอกว่า เช่นนั้นก็ดี ดีแล้ว!
อวิ๋นจือชิวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ไหนๆ มาแล้ว พักอยู่ที่นี่สักหลายๆ วันก็ไม่เป็นไรหรอก เฟยหง หลายวันนี้ก็อยู่เป็นเพื่อนแม่เจ้าให้ดีเถอะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย หรือไม่ก็บอกพ่อบ้านโดยตรงเลยก็ได้ ทางท่านอ๋องยังมีงานอีก พวกเราไม่รบกวนเวลาแม่ลูกแล้ว ขอตัวก่อน
สองแม่ลูกน้องส่งด้วยความเคารพ หลังจากน้องคล้อยหลังสองสามีภรรยาเดินออกไปแล้ว หลินอ้าวเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ อายุน้อยแค่นี้ก็ได้กลายเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้แล้ว แม้แต่ตำหนักสวรรค์ก็ยังไม่อยู่ในสายตาเขา กล้าสู้กับพระปีศาจหนานโป เสียวเสวี่ย ผู้ชายของเจ้าเหมือนสิงห์ร้ายที่ทะเยอะทะยานนะ!
คนธรรมดาย่อมเทียบท่านอ๋องไม่ติดอยู่แล้ว! เฟยหงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ขณะมองสีหน้าท่าทางของลูกสาว หลินอ้าวเสวี่ยก็หลุดขำ ตบมือเรียวขาวของเฟยหงเบาๆ พลางกล่าวอย่างสะท้อนใจ เสียวเสวี่ยของข้าโตเป็นสาวแล้วจริงๆ เวลาพูดจาเริ่มไม่อายแล้ว
ท่านแม่คะ! เฟยหงกระเง้ากระงอด โดนว่าจนรู้สึกอับอาย ทำท่าเหมือนลูกสาวตัวน้อยที่จากกันมานาน
ในเจดีย์งามวิจิตร โลกอีกใบที่สร้างขึ้นเอง เหมียวอี้นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างหลังอู่หนิง ฝ่ามือสองข้างยันแผ่นหลังอู่หนิง หลังจากผ่านไปนานก็คลายมือออก ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง แล้วลุกขึ้นเดินออกไป จากนั้นเหยียนซิวก็เดินมาข้างกายอู่หนิงและคลายผนึกบนตัวอู่หนิงให้ ทำให้อู่หนิงฟื้นขึ้นมา
อู่หนิงที่ฟื้นและลืมตาขึ้นมาช้าๆ เห็นเหมียวอี้เอามือไขว้หลังยืนอยู่ไม่ไกล รู้สึกได้เช่นกันว่าพลังอิทธิฤทธิ์ในร่างกายที่ถูกควบคุมไว้ ตอนนี้ถูกคลายออกแล้ว เขาพลันลุกขึ้นยืน กำหมัดสองข้างแน่น รู้สึกได้ว่าพลังอิทธิฤทธิ์ในร่างกายกำลังโหมซัดสาด
เหมียวอี้กล่าวอย่างสบายๆ ว่า เมื่อครู่ข้ากำจัดเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่สะสมอยู่ในร่างกายเจ้าออกไปหมดแล้ว เจ้าลองตรวจสอบดูได้
… อู่หนิงขมวดคิ้ว แต่ก็ยังร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจสอบดู พอพบว่าเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่สะสมในร่างกายถูกกวาดล้างไปหมดแล้วจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเหมียวอี้ ในใจเต็มไปด้วยคำถาม ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำได้จริงๆ!
เขายังไม่ค่อยจะเชื่อ รีบนับนิ้วคำนวณรอบโคจรพลังของร่างกาย พบว่าหลังจากตัวเองถูกนำตัวเข้ามาในนี้ ก็สลบไปเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น หรือพูดได้อีกอย่างว่าอีกฝ่ายใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเพื่อทำลายเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่สะสมอยู่ในร่างกายตน ก็ตกอยู่ในความเงียบ นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เหมียวอี้พูดไว้ก่อนหน้านี้ พลังของข้าเยอะกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้!
เหมียวอี้มองเขาเงียบๆ กำลังรอคำตอบจากเขา…
คฤหาสน์หลังหนึ่งในป่าภูเขาที่เงียบสงบ หวงฝู่ตวนหรงกับหวงฝู่จวินโหรวคล้องแขนกันเดินเล่นช้าๆ ในสวนราวกับเป็นพี่สาวน้องสาว พูดคุยกันเป็นระยะ สีหน้ากังวลตรงหว่างคิ้วยากจะเลือนหายไป
ตระกูลหวงฝู่กำลังกดดัน บีบให้พวกนางกลับไป แต่เหมียวอี้ก็ไม่ให้พวกนางไป บอกว่าถ้าพวกนางกลับไปเมื่อไหร่ ตระกูลหวงฝู่จะต้องสังหารพวกนางเพื่อให้คำชี้แจงและพ้นผิดจากตำหนักสวรรค์แน่นอน บอกว่ารอให้จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วจะปล่อยให้พวกนางไป
เรื่องนี้สองแม่ลูกกังวลจริงๆก็คืออู่หนิง ตอนนี้ไร้ข่าวคราวของอู่หนิง ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
เสียงของประตูใหญ่คฤหาสน์ที่ผลักออกทำให้สองแม่ลูกหันไปมองพร้อมกัน เห็นเพียงอู่หนิงที่มีสีหน้าอเดินเข้ามาช้าๆ
สองแม่ลูกทำสีหน้าเหลือเชื่อ อู่หนิงหาที่นี่เจอได้อย่างไร? แต่ไม่นานก็เดาออกแล้วว่าเพราะอะไร อย่าไปมองว่าที่นี่เป็นแค่คฤหาสน์หลังเล็กๆ เพราะรอบข้างล้วนมีทหารประจำอยู่ ถ้าหนิวโหย่วเต๋อไม่อนุญาต คนนอกก็บุกเข้ามาไม่ได้
เป็นหนิวโหย่วเต๋อที่พามา! พอหวงฝู่จวินโหรวเข้าใจแล้วก็เผยสีหน้ายินดี วิ่งเข้าไปคว้าแขนอู่หนิง ท่านพ่อ!
อู่หนิงยิ้มอย่างขื่นขม สุดท้ายสายตาก็ค่อยๆ ย้ายไปบนใบหน้าหวงฝู่ตวนหรง สองสามีภรรยาสบตากันพักหนึ่ง อู่หนิงกล่าวอย่างยากลำบากว่า วังสวรรค์ควบคุมข้าไม่ได้อีกแล้ว ข้ายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเจ้า!
หวงฝู่ตวนหรงยิ้มออกมาจากใจทันที กระโจนเข้าอ้อมอกเขา ทั้งสองกอดกัดแล้ว
หวงฝู่จวินโหรวเอามือป้องปากยิ้มอย่างมีความสุข นางสามารถจินตนาการได้เลย ต้องเป็นหนิวโหย่วเต๋อที่จัดการบิดาของตัวเองได้แล้ว คนในครอบครัวสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หนิวโหย่วเต๋อทำได้อย่างที่เคยพูดปลอบโยนเอาไว้แล้ว นางมีความสุขมากจริงๆ…
ตระกูลหวงฝู่ ภายในการนำทางของพ่อบ้าน สวีถังหรานที่สวมใส่หน้ากากแล้วเอามือไขว้หลัง เดินก้าวยาววางโตเข้าไปในสถานที่หวงห้ามภายในของตระกูลหวงฝู่ ตอนเดินปลายเท้าชี้ออกจากกันเล็กน้อย เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ ท่าทางเหมือนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
แม้จะเข้ามาในตระกูลหวงฝู่เพียงลำพัง แต่เขาก็ไม่ได้เห็นตระกูลหวงฝู่อยู่ในสายตาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเกรงกลัวอะไร รู้สึกว่าตัวเองคือหนึ่งในเจ็ดสิบสองโหวของตำหนักสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐาน การที่มาเหยียบถึงประตูบ้านด้วยตัวเองก็ถือว่าไว้หน้าหวงฝู่มากพอแล้ว
ทำตัวเคารพนอบน้อมตอนอยู่ต่อหน้าเหมียวอี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง ตอนอยู่ต่อหน้าคนนอกก็อีกเรื่องหนึ่ง การทำตัวเคารพนบนอบต่อหน้าเหมียวอี้ ก็เพื่อให้ตัวเองดูมีเกียรติมีศักดิ์ศรียามอยู่ข้างนอกไม่ใช่หรอ?
ในเขตลานบ้านโบราณที่ลึกและเงียบ พ่อบ้านเชิญสวีถังหรานเข้ามาในโถงหลักแล้วถอยออกไป
หวงฝู่เลี่ยนคงที่ผมขาวดุจหิมะใช้สายตาเย็นเยียบจ้องสวีถังหราน ในใจรู้สึกเซ็งมาก รำคาญ!
สวีถังหรานเดินตรงขึ้นมานั่งบนตำแหน่งหัวหน้าตระกูล เอนกายพิงเก้าอี้ ยกขานั่งไขว่ห้างแล้วกล่าวอย่างสนใจว่า หัวหน้าตระกูลดูเหมือนไม่ค่อยต้อนรับสวีนะ! แม้แต่น้ำชาก็ไม่นำมาวาง!
หวงฝู่เลี่ยนคงหันตัวมา แสยะยิ้มตอบว่า ท่านโหวมาโดยไม่ได้รับเชิญ ยังสนใจสิ่งนี้อยู่อีกหรือ?
สงสัยจะไม่ต้อนรับข้าจริงๆ! สวีถังหรานกล่าวปนเสียงหัวเราะ
ไม่ต้อนรับแล้วมีประโยชน์อะไร? ท่านโหวพูดมาให้ชัดเจนเถอะ เมื่อไรเจ้าจะยอมรามือที่ตลาดมืดสักที? หวงฝู่เลี่ยนคงถาม
ฝั่งนี้ไม่อยากคบสวีถังหรานเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่นานสวีถังหรานเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง พอมาครั้งที่สอง โดนปิดประตูใส่ สวีถังหรานก็เลยไม่เกรงใจแล้ว เริ่มระบุร้านค้าบางส่วนที่ตลาดมืดเพื่อให้คนของโถงชุมนุมอัจฉริยะแอบลงมือ ในแต่ละวันกำจัดทิ้งไปหลายสิบร้าน สถานการณ์ชัดเจนแม่นยำมาก ที่จริงร้านค้าที่โดนกำจัดทิ้งล้วนเป็นของสมาคมวีรชน ไม่ว่าเจ้าจะซ่อนตัวลึกล้ำแค่ไหน ก็ไม่ลงมือพลาดเลยสักนิด ที่สำคัญคือฝั่งนี้รู้เบื้องหลังของสวีถังหรานดี ใครจะไปรู้ว่าฝั่งสวีถังหรานเตรียมกำลังพลของทัพใต้เอาไว้เท่าไร? สมาคมวีรชนไม่กล้าโต้ตอบเลย ทำเอาหวงฝู่เลี่ยนคงทนไม่ได้ ในที่สุดก็ตอบตกลงที่จะพบกันแล้ว
เช่นนั้นก็ต้องดูว่าท่านบุรุษเฒ่าจะเจรจาสันติอย่างจริงใจหรือเปล่า สวีถังหรานกล่าวเชิงหยอกล้อ
หวงฝู่เลี่ยนคงพ่นเสียงทางจมูก ท่านโหว ข้าขอเตือนเจ้านะ ว่าอย่าทำเกินไปนัก!
สวีถังหรานกล่าวเหมือนประหลาดใจ รู้สึกว่าเกินไปเหรอ? สิ่งที่เกินไปยังรออยู่ตอนหลัง เบื้องหลังของสมาคมวีรชนคือวังสวรรค์ไม่ใช่เหรอ? เจ้ารายงานขึ้นไปก็พอแล้ว ไม่ต้องปิดบังแทนคข้า ถ้าวังสวรรค์ตำหนิลงมือ สวีจะรับไว้เอง สวีผู้นี้ยังมีจิตใจทระนงอยู่บ้าง!
……………