พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2211 ข้าจะตายเพราะรบเท่านั้น
บทที่ 2211 ข้าจะตายเพราะรบเท่านั้น
และสำหรับเหมียวอี้ การทำศึกตัดสินของทัพใหญ่ที่เป็นกำลังหลัก แก้ปัญหาเรื่องกำลังพลของประมุขชิงกับประมุขพุทธะและกำลังพลของก่วงลิ่งกงต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญที่สุด ขอเพียงแก้ไขปัญหาเรื่องกำลังพลสองกลุ่มนี้ได้ เรื่องเล็กเรื่องอื่นก็ไม่นับว่าสำคัญอะไร เรื่องของเซิงมู่เสวี่ยก็เป็นเพียงเรื่องที่แวบผ่านเข้ามาในหัวแล้วถูกโยนทิ้งไว้ข้างหลังเท่านั้น
และสำหรับเหมียวอี้ การทำศึกตัดสินของทัพใหญ่ที่เป็นกำลังหลัก แก้ปัญหาเรื่องกำลังพลของประมุขชิงกับประมุขพุทธะและกำลังพลของก่วงลิ่งกงต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญที่สุด ขอเพียงแก้ไขปัญหาเรื่องกำลังพลสองกลุ่มนี้ได้ เรื่องเล็กเรื่องอื่นก็ไม่นับว่าสำคัญอะไร เรื่องของเซิงมู่เสวี่ยก็เป็นเพียงเรื่องที่แวบผ่านเข้ามาในหัวแล้วถูกโยนทิ้งไว้ข้างหลังเท่านั้น
กองทัพพระที่ประจำอยู่อารามแปดทิศไม่ได้ไปช่วยที่เขาหลิงซาน มาก็ช่วยไม่ทันอยู่ดี หลังจากกำลังพลเขาหลิงซานรบแพ้ ทางฝั่งนี้ก็ได้รับคำสั่ง จึงเริ่มออกจากอารามแปดทิศ เตรียมตามไปรวมตัวกับกำลังพลส่วนใหญ่ขอประมุขพุทธะ ทว่าเมื่อกำลังพลออกจากอารามแปดทิศ เหิงอู๋เต้าที่นี่ไปแล้วก็นำทัพใหญ่โผเข้ามาอีก มาเข่นฆ่าตะลุมบอลอยู่ด้วยกันแล้ว
เรื่องศึกใหญ่นอกอารามแปดทิศ เหมียวอี้ได้รับรายงานเรื่องการรบแล้วแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เขาจับตาดูความเคลื่อนไหวกำลังพลของชิง พุทธะและก่วงลิ่งกงอยู่ตลอด
คนในรถมังกรกำลังคุยอะไรกัน เหมียวอี้ไม่รู้ แต่กลับเห็นพวกจ้านหรูอี้กับประมุขชิงบอกลากัน จากนั้นก็เห็นจ้านผิงและอิ๋งลั่วหวนมา แล้วสุดท้ายก็เห็นโพ่จวินนำสามคนนี้รวมทั้งบ่าวรับใช้เก็บเข้ากระเป๋าสัตว์
เมื่อออกจากรถมังกรแล้ว โพ่จวินก็เลือกกำลังพลกลุ่มหนึ่งให้ติดตามไปด้วย รีบกลับไปยังทางที่มา
หมายความว่าอะไร? เหมียวอี้กำลังครุ่นคิด ทำไมรู้สึกว่าประมุขชิงกำลังส่งครอบครัวของจ้านหรูอี้ไปที่ไหนสักแห่ง อีกทั้งยังให้โพ่จวินคุ้มกันส่งด้วยตัวเองด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้จริง เรื่องที่ประมุขชิงรักและโปรดปรานจ้านหรูอี้ก็ไม่ใช่แค่ข่าวลือจริงๆ
แต่ก็จินตนาการได้เช่นกัน เพื่อจ้านหรูอี้ที่ตอนนี้ไร้คนหนุนหลังแล้ว ประมุขชิงถึงขนาดไม่เสียดายที่จะกักบริเวณเซี่ยโห้วเฉิงอวี่และมีเรื่องกับตระกูลเซี่ยโห้ว
สรุปก็คือไม่ว่าจะต้องการส่งจ้านหรูอี้ไปหรือไม่ เหมียวอี้ก็รู้สึกว่าครั้งนี้สามารถเดิมพันได้
เรื่องที่ก่วงลิ่งกงจัดขบวนรบแล้ว ฝั่งนี้รู้อย่างทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว เหมียวอี้นำแผนที่ดาวบอกเส้นทางที่วาดเสร็จแล้วส่งต่อให้ชิงเยว่ มอบหมายภารกิจโจมตีหลักให้ชิงเยว่กับเฉิงไท่เจ๋อ ชิงเยว่เป็นหัวหน้า เฉิงไท่เจ๋อเป็นผู้ช่วย และกำชับอีกว่า “ต้องรอคำสั่งของข้าแล้วค่อยปฏิบัติการ ห้ามวู่วามทำอะไรเองโดยพละการ!”
เขากลัวว่าชิงเยว่จะข่มนิสัยเจ้าอารมณ์ไม่ไหวแล้วทำซี้ซั้ว เรื่องแบบนี้ใช่ว่าชิงเยว่จะไม่เคยทำมาก่อน และต่อหน้าบรรดาแม่ทัพทุกคน เหมียวอี้นำกระบี่เก้าเตาส่งให้หยางเจาชิง “เจ้าเป็นเฝ้าติดตามทัพ ถ้าไม่มีบัญชาจากข้า แล้วชิงเยว่กล้าทำเองโดยพละการ ก็ประหารก่อนแล้วค่อยรายงานได้!”
หยางเจาชิงชำเลืองชิงเยว่แวบหนึ่ง รับกระบี่มาแล้วบอกว่า “น้อมรับบัญชา!”
ชิงเยว่กระตุกมุมปากเล็กน้อย มองเหมียวอี้ด้วยแววตาคับแค้นใจเล็กน้อย จำเป็นต้องเล่นงานข้าต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ด้วยเหรอ? ข้าแยกแยะความสำคัญไม่เป็นขนาดนั้นเชียวเหรอ?
“คนอื่นตามข้าไป!” เหมียวอี้นำกำลังพลกลุ่มหนึ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางเถิงเฟยอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ฝ่าบาท ศึกใหญ่ขนาดนี้ท่านไม่ไปคุมด้วยตัวเอง ส่งให้ชิงเยว่ควบคุมอาจจะไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่าขอรับ?”
เหมียวอี้บอกว่า “ประมุขชิงให้โพ่จวินนำจ้านหรูอี้และครอบครัวหนีไปแล้ว ข้าจะใช้ทางลัดไปดักพวกเขาไว้!”
หยางชิ่งกับเถิงเฟยสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งคู่เผยสีหน้าเข้าใจกระจ่างในฉับพลัน เข้าใจเจตนาของเหมียวอี้แล้ว ออกโรงไปดักด้วยตัวเอง เพราะอยากให้ชิงและพุทธะเข้าใจผิดว่ากำลังหลักของทัพฝ่ายศัตรูอยู่ข้างหลัง กอปรกับประมุขชิงรักหวงแหนจ้านหรูอี้ที่สุด จึงอยากจะใช้เรื่องนี้บีบให้ชิงและพุทธะทัพใหญ่รีบกลับมาช่วย จะได้สร้างโอกาสและเวลาให้ฝั่งชิงเยว่โจมตีกำลังพลของก่วงลิ่งกง
ตอนนี้ทั้งสองเข้าใจแล้วว่าทำไมเหมียวอี้จึงเข้มงวดกับชิงเยว่ ว่าถ้าไม่ได้รับบัญชาก็ห้ามตัดสินใจทำโดยพลการ เพราะถ้ายังล่อกำลังพลของประมุขชิงกับประมุขพุทธะออกไปไม่ได้ แล้วชิงเยว่ตัดสินใจลงมือเอง ก็จะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กำลังพลสองฝ่ายร่วมมือกันแน่นอน
ทั้งสองจำเป็นต้องยอมรับ ว่าการใช้ตาทิพย์ที่อาณาเขตดาวนิรนามแห่งนี้ ถือว่าเป็นของดีจริงๆ
เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่เถิงเฟยสงสัย “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าไม่เห็นทัพใหญ่ที่เป็นกำลังหลักของพวกเรา ประมุขชิงจะเชื่อหรือขอรับ? ถ้าไม่เชื่อ ประมุขชิงจะไม่สนใจงานใหญ่เพื่อช่วยผู้หญิงคนเดียวเหรอ?”
หยางชิ่งขมวดคิ้วเงียบๆ ไม่มีทางตัดสินได้เช่นกัน ศึกนี้เรียกได้ว่ามาถึงขั้นที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของประมุขชิงแล้วจริงๆ ยากจะยืนยันได้ว่าประมุขชิงจะทำอย่างนี้หรือไม่
“ถ้าไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไง เรื่องบนสนามรบมีแต่ต้องเริ่มลงมือเท่านั้นถึงจะหาโอกาสรุกโจมตีได้ ถ้าคุมเชิงกันต่อไปอย่างนี้ตลอด ก็ยากมากกว่าจะเจอช่องโหว่ให้ลงมือ” เหมียวอี้กล่าว
เถิงเฟยเตือนว่า “ฝ่าบาท ต่อให้กำลังพลของชิงและพุทธะตามมา แต่ถึงยังไงในมือถือก่วงลิ่งกงก็มีทัพใหญ่สามร้อยล้าน ภายในเวลาสั้นๆ นี้ชิงเยว่อาจจะโจมตีไม่สำเร็จ ถ้าชิงและพุทธะพบว่าติดกับดัก แล้วกลับมาช่วยก็น่าจะทัน”
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “กลัวก็แต่พวกเขาจะไม่มา ขอเพียงพวกเขามา เจิ้นย่อมมีวิธีช่วยให้ชิงเยว่จบงานทางฝั่งก่วงลิ่งกงโดยเร็วที่สุดอยู่แล้ว”
หยางชิ่งกับเถิงเฟยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในเมื่อพูดอย่างนี้แล้ว เช่นนั้นพวกเขายังจะพูดอะไรได้อีก
เพียงแต่หยางชิ่งก็ยังเตือนว่า “ฝ่าบาท ถ้าแทรกไปดักโดยตรงเกรงว่าอีกฝ่ายจะเห็น ก่วงลิ่งกงกับชิงและพุทธะน่าจะทิ้งสายลับเอาไว้ระหว่างทาง ตอนที่แทรกเข้าไปก็รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่ถูกสายลับของอีกฝ่ายพบ ถ้าใช้ตาทิพย์ได้ ไม่สู้อ้อมทางสักหน่อยดีกว่า ขอเพียงดักได้บนทางผ่านที่เหมาะสมก็พอแล้ว”
บนสนามรบ คนที่คอยเป็นคนคิดแผนการ มักจะมีบทบาทช่วยเสริมส่วนที่ขาดของแผนการรบเสมอ
“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล!” เหมียวอี้พยักหน้า
และในเวลานี้เอง เหมียวอี้ก็หยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมา ได้รับข่าวจากเหยียนซิวแล้ว หลังจากติดต่อกันเสร็จ สีหน้าก็ดูเศร้าใจกลัดกลุ้มเล็กน้อย
ตอนที่เหยียนซิวรายงานความเสียหายบนสนามรบ ก็ได้บอกสถานการณ์ที่ไม่ดีของฝั่งนั้นให้รู้ด้วย
ฉู่หยวนรบตาย อวิ๋นรั่วซวงกลายเป็นแม่หม้ายแล้ว ภาพที่อวิ๋นรั่วซวงปลอมตัวเป็นหลัวซวงเฟยปรากฏขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง บนใบหน้ามีไฝเม็ดใหญ่ บนไฝมีขนยาว เมื่อก่อนรู้สึกว่าเป็นคนที่น่าสะอิดสะเอียน แต่ตอนนี้บอกไม่ถูกก็รู้สึกอย่างไร นางมีดวงตาโตสดใสที่ยิ้มแล้วกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว
จ้าวเฟยรบตาย อูเมิ่งหลันกลายเป็นแม่หม้ายแล้ว เย่ซินรบตาย ถานเล่าโดดเดี่ยวเดียวดาย เหวินฟางบาดเจ็บสาหัส…แต่ละคนที่ไม่ได้คิดถึงนานแล้ว ตอนนี้ภาพของทุกคนเริ่มชัดเจนอยู่ในหัว นึกถึงเหตุการณ์ตอนปราบจราจลทะเลดาวนักษัตร จ้าวเฟย ซือคงอู๋เว่ยร่วมเป็นร่วมตายกับเขามาตลอด เมื่อการปราบจราจลจบลง เพื่อที่จะล้างแค้นให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งสองก็เลือกสถานที่ที่มีปัจจัยไม่ดีเป็นเพื่อนเขา สามคนรวมกลุ่มกันเป็นเหล็กสามเหลี่ยมที่พึ่งพากันและกัน ตอนหลังซือคงอู๋เว่ยมีผู้หญิงแล้ว ทั้งสามจึงแยกย้ายกันไปมีอนาคตของตัวเอ
จำได้ว่าตอนที่จ้าวเฟยกับอูเมิ่งหลันได้อยู่ด้วยกัน เขาก็เป็นพ่อสื่อคอยประสานให้สำเร็จ
เย่ซินมีใจให้กู่ซานเจิ้ง แต่กู่ซานเจิ้งไม่อยากทำให้สำนักผิดหวัง ได้แต่ทำให้เย่ซินผิดหวัง เย่ซินจึงเลือกถานเล่าที่มีใจให้นางมาตลอด ทั้งสองต้องการจะแหกกฎสำนักเพื่ออยู่ด้วยกัน ก็เคยขอให้เขาช่วยเหลือเช่นกันตอนนี้เย่ซินตายแล้ว ถานเล่าอาจจะเศร้าโศกทุกข์ใจ แต่ไม่รู้ว่ากู่ซานเจิ้งจะรู้สึกอย่างไรบ้าง?
ทั้งยังมีเหวินฟางที่พยายามต่อสู้เพื่ออนาคตที่สมาคมร้านค้า ผู้หญิงที่ยอมหน้าด้านหน้าทนเรียกตนว่าพี่ใหญ่…
เรื่องที่ไม่ได้นึกถึงมานานแล้ว จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ทุกอย่าง
ทว่าตรงหน้ายังมีเรื่องที่สำคัญกว่า เหมียวอี้แววตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ พยายามทิ้งอารมณ์ฟุ้งซ่านพวกนี้ไว้ข้างหลัง
จะว่าเขาไร้ไมตรีก็ได้ จะว่าเขาไร้คุณธรรมก็ได้ หรือจะบอกว่าเขาทำให้พวกนั้นต้องตายก็ได้ แต่ศึกนี้มีคนตายเยอะเกินไป ศึกตัดสินที่แท้จริงยังรออยู่ตอนหลัง ยังจะมีคนตายเยอะกว่านี้อีก เขามีแต่ต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น ถึงจะตอบแทนคนที่ยังอยู่และคนที่ตายไปได้ ไม่อย่างนั้นคนที่ยังอยู่ก็ไม่มีทางได้ใช้ชีวิตดีๆ ต่อไป ส่วนคนที่ตายไปก็ตายเปล่า…
ในกระเป๋าสัตว์ อวิ๋นจือชิวเศร้าสลดหดหู่ เพิ่งจะรู้ข่าวว่าหลันโฮ่วรบตาย จู่ๆ ก็ได้ข่าวว่าฉู่หยวนรบตายอีก นางไม่รู้ว่าควรจะไปเผชิญหน้ากับอวิ๋นรั่วซวงอย่างไร ผู้ชายของนางกำลังต่อสู้กับวีรบุรุษในใต้หล้า แต่กลับทำให้น้องสาวกลายเป็นหม้าย…
ขณะคำนวณความเร็วในการเดินทางของอีกฝ่าย ก่อนที่กลุ่มของเหมียวอี้จะอ้อมออกจากอาณาเขตดาวนิรนาม ก็ได้วางกับดักไว้บนทางที่อีกฝ่ายต้องผ่านไว้เรียบร้อยแล้ว ตาทิพย์กำลังมองกลุ่มของโพ่จวินบุกเข้ามา
ตามที่เหมียวอี้ออกคำสั่ง กำลังพลหลายสิบล้านโผล่ออกมา ขวางอยู่ตรงหน้ากลุ่มของโพ่จวิน
โพ่จวินรีบโบกมือสั่งให้หยุด แล้วรีบมองไปรอบๆ เห็นเพียงกำลังพลหลายสิบล้านกำลังล้อมเข้ามาจากทั่วทุกทิศ
กำลังพลของโพ่จวินรีบเผยกำลังพลเพิ่ม กองทัพองครักษ์สิบล้านล้อมพิทักษ์พวกโพ่จวินไว้ตรงกลาง
ประมุขชิงให้กำลังพลคุ้มกันส่งมาเพียงสิบล้านเท่านั้น เป็นเพราะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าทัพใหญ่ที่เป็นกำลังหลักของทั้งสองฝ่ายอยู่ตรงไหน ตามหลักแล้วกองทัพองครักษ์สิบล้านก็เพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยตลอดทาง นึกไม่ถึงจริงๆ ว่ายังมีคนพุ่งเป้าหมายมาลงมือกับขบวนนี้
และกองทัพองครักษ์สิบล้านนี้ก็ไม่ได้จะส่งโพ่จวินไปจนถึงจุดหมายปลายทาง แค่จะส่งไปที่อาณาเขตดาวนิรนามแล้วก็ถอนกำลังกลับมา เส้นทางสุดท้ายก่อนจะไปถึงเป็นความลับสุดยอด ไม่มีทางให้คนรู้เยอะเกินไป
“โพ่จวิน ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงมากเลย!” เหมียวอี้เผยตัวทักทายอยู่กลางทัพใหญ่
“โจรกบฏ!” โพ่จวินโบกมือชี้ด่าอย่างโมโห “ถ้ารู้ตั้งแต่แรกในปีนั้นข้าไม่ควรปกป้องเจ้า เลยต้องเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้แบบนี้!”
“ประมุขชิงไม่ได้ใจคน คนในใต้หล้าล้วนอยากฆ่าเขา เจิ้นคือผู้ที่มาแทนที่ คือเจตจำนงร่วมของฝูงชน! คุณธรรมและเมตตาธรรมของผู้บัญชาการซ้าย เจิ้นตราตรึงอยู่ในใจ ยินดีให้ทางรอดชีวิตแก่เจ้า ขอเพียงเจ้าออกคำสั่งให้ทหารสวามิภักดิ์ เจิ้นรับประกันว่าจะไม่ทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย รับประกันว่าเจ้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ไปทั้งชีวิต!” เหมียวอี้กล่าว
“โจรกบฏบังอาจเรียกแทนตัวเองว่าเจิ้น[1] หน้าด้านไร้ยางอายที่สุด ยิงธนู!” โพ่จวินออกคำสั่ง รอบข้างมีลำแสงนับไม่ถ้วนยิงออกมา
ทัพใหญ่ที่ล้อมอยู่รอบๆ รีบยกโล่ขึ้นมาบัง ภายใต้การบัญชาการของเถิงเฟย พวกเขาก็โจมตีแล้วเช่นกัน
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ โพ่จวินยังกล้าไม่สนใจทุกอย่างแล้วรุกโจมตี เห็นอยู่ชัดเจนว่าไม่มีโอกาสชนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่คิดถ่วงเวลารอกองหนุนเลย รนหาที่ตายจริงๆ สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับแผนของเขา จึงถ่ายทอดเสียงบ่เถิงเฟยว่า “พยายามถ่วงเวลาไว้”
เถิงเฟยพยักหน้า เข้าใจเจตนาของเขา ทำแบบนี้ก็เพราะต้องการล่อให้ทัพใหญ่ของชิงและพุทธะตามมา เพียงแต่การทำอย่างนี้ ศึกที่สามารถรบให้จบเร็วๆ ได้ แต่ดันถ่วงเวลาไว้ ฝั่งนี้จะต้องเสียกำลังพลจำนวนมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่มีทางเลือก ถ้าไม่เสียสละ ศึกใหญ่ที่จะตามมาทีหลังก็จะมีการสูญเสียมากกว่านี้ จะเสียผลประโยชน์มากเพื่อผลประโยชน์น้อยไม่ได้
แต่ยามเผชิญหน้ากับกองทัพฝ่ายศัตรูที่มีมากกว่าตัวเองหลายสิบเท่า โพ่จวินรู้เช่นกันว่าตกอยู่ในสภาพลำบากขนาดนี้ ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเขาสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีรุกโจมตี ก็เรียกจ้านหรูอี้และครอบครัวออกมาทันที
ทำกลางเสียงระเบิดดังตูมตาม จ้านผิงและครอบครัวมองไปรอบๆ รู้สึกตกใจไม่น้อย
ท่ามกลางการล้อมพิทักษ์ของทัพกลาง โพ่จวินกลับกุมหมัดคารวะโค้งกายต่อจ้านหรูอี้ ดูเคารพนอบน้อมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กล่าวเสียงต่ำว่า “เหนียงเหนียง พวกเราตกหลุมพรางโจรกบฏหนิวแล้ว ฝ่ายศัตรูมีเยอะกว่า ไม่มีโอกาสชนะเลย! ดูจากลักษณะโจมตีของอีกฝ่าย ไม่ได้มีเจตนาจะโจมตีโดยตรง เห็นได้ชัดว่ากำลังถ่วงเวลา ในนั้นจะต้องมีแผนชั่วแน่นอน คาดว่าคงล่อให้ฝ่าบาทมาช่วย พวกเราจะปล่อยให้โจรกบฏหนิวทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดภัยต่อฝ่าบาท และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหนียงเหนียงได้รับความอัปยศ จะให้เหนียงเหนียงตกอยู่ในมือโจรกบฏหนิวไม่ได้เด็ดขาด ข้าน้อยทำภารกิจสำคัญของฝ่าบาทไม่สำเร็จ ทำผิดต่อเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงโปรดนำไปก่อน แล้วข้าน้อยจะตามไปทีหลัง!”
จ้านหรูอี้เข้าวังมาหลายปี รวมทั้งก่อนหน้านี้ตอนอยู่ต่อหน้าประมุขชิง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินโพ่จวินเรียกตัวเองว่าเหนียงเหนียงอย่างเป็นทางการ
และเมื่อโพ่จวินพูดจบ ก็โบกดาบใหญ่ในมือขึ้นมา กำลังพลที่อยู่ในทัพกลางเปลี่ยนทิศทางหันอาวุธทันที มาล้อมคนในครอบครัวนี้ไว้
สมาชิกในครอบครัวตกใจมาก นี่กำลังจะฆ่าพวกเขาชัดๆ!
หยินซวง ไป๋เสวี่ยตกใจจนตัวสั่นหน้าซีด
จ้านผิงตกใจมาก ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “โพ่จวินโจรเฒ่า เจ้าบังอาจ!”
“เรื่องที่ตกอยู่ในมือโจรกบฏหนิวแล้วโดนหยามเกียรติน่ะ ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน!” จ้านหรูอี้กล่าวเสียงเรียบ สีหน้าท่าทางเยือกเย็นเป็นพิเศษ คว้าทวนด้ามหนึ่งมาไว้ในมือ ชี้ไปที่โพ่จวิน “ข้าจะตายเพราะรบเท่านั้น ตายด้วยน้ำมือคนของตัวเองไม่ได้ ยิ่งตายด้วยน้ำมือเจ้าไม่ได้ด้วย อย่าสบประมาทข้า และอย่าสบประมาทฝ่าบาทด้วย!”
…………………………
[1] เจิ้น 朕สรรพนามเรียกแทนตัวเองของพระราชา