พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2247 อดีตราชินีสวรรค์
หลังจากจบเรื่องนั้น เขาก็เคยถามหวงฝู่จวินโหรวว่าเล่นบ้าอะไร ในตอนนั้นหวงฝู่จวินโหรวไม่รู้ความจริงเลย ไม่รู้ว่าอวิ๋นจือชิวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งยังพูดหยอกล้ออีกว่า ทิ้งชุดชั้นในตัวนั้นไว้ให้เขาเป็นที่ระลึก ตอนนั้นแทบจะทำให้เขาเป็นบ้า แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ประกาศความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับอวิ๋นจือชิว ไม่สามารถนำเรื่องทิ้งชุดชั้นในตัวเดียวไว้บนเตียงไปตำหนิอะไรหวงฝู่จวินโหรวได้
ปัญหาก็คือหลังจากเกิดเรื่องนั้นไม่นาน ทุกครั้งที่สองสามีภรรยาร่วมเตียงกัน อวิ๋นจือชิวก็จะนำชุดชั้นในตัวนั้นของหวงฝู่จวินโหรวมาพูดล้อเล่น บอกว่าบนชุดชั้นในมีกลิ่นหอมที่เหมือนกลิ่นกายของหวงฝู่จวินโหรว บอกว่านางคุ้นเคยกับกลิ่นหอมของหวงฝู่จวินโหรวมาก
แม้จะดูเหมือนเป็นการพูดล้อเล่น แต่เหมียวอี้ก็รู้สึกว่ามีอะไรสักอย่าง ได้กุเรื่องขึ้นมา บอกว่าคงจะเป็นเพราะเซี่ยโห้วหลงเฉิงชอบหวงฝู่จวินโหรว โค่วเหวินหลานที่เป็นคู่แข่งของเขาก็เลยชิงครอบครองก่อน
สรุปก็คือเขาอ้างเหตุผลตบตาไปอย่างนั้น และหลังจากนั้นอวิ๋นจือชิวก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย
เขาเองก็แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ใครจะคิดว่าวันนี้อวิ๋นจือชิวจะเอ่ยขึ้นมาอีก ทำให้เขาเถียงไม่ออกจริงๆ
เดิมที ถึงแม้อวิ๋นจือชิวจะขัดขวาง แต่เขาก็ยังคิดทำทุกวิถีทางเพื่อจะให้สถานะแก่หวงฝู่จวินโหรว ยังจะคิดพยายามด้วยวิธีอื่นสักหน่อย แต่ตอนนี้โดนเรื่องนี้ดักไว้ ดักจนเขาทำอะไรไม่ได้โดยสิ้นเชิง ดับความคิดนี้ไปหมดแล้ว
เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตำหนิอะไรหวงฝู่จวินโหรวดี เก็บชุดชั้นในตัวนั้นไว้สนุกนักเหรอ? ทำให้เขากินปูนร้อนท้อง ไม่สามารถอธิบายได้เต็มปากเต็มคำมาตลอด ตอนนี้เกิดปัญหาตามมาแล้ว ทำแบบนี้ไม่ถือว่าทำร้ายตัวเองหรอกหรือ? แต่เขาก็จะไปโทษหวงฝู่จวินโหรวไม่ได้ ตอนนั้นหวงฝู่จวินโหรวไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอวิ๋นจือชิว อีกฝ่ายก็แค่หยอกเล่นไปตามอารมณ์เท่านั้น
ในใจรู้สึกขื่นขม แต่เหมียวอี้กลับกล่าวด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้ม “เป็นข้าเองที่สะเพร่า ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล คิดเสียว่าเรื่องนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ปล่อยไปเถอะ”
หยางเจาชิงที่ฟังอยู่ข้างๆ เห็นเหมียวอี้ยอมรับโดยนัยแล้ว ก็เรียกได้ว่าตกตะลึงมาก ไม่น่าเชื่อว่าหวงฝู่จวินโหรวจะเป็นผู้หญิงของโค่วเหวินหลาน? นึกไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะแอบไปมั่วกับผู้หญิงของโค่วเหวินหลาน แบบนี้มันเข้าท่าเหรอ?
อวิ๋นจือชิวพยักหน้าเบาๆ “ที่แท้ก็เป็นเพราะสะเพร่านี่เอง ข้าก็แปลกใจอยู่แล้ว ฝ่าบาทเป็นคนเข้าใจหลักเหตุผลชัดเจน จะทำเรื่องที่ต่ำช้ากว่าหมูกว่าหมาได้อย่างไรกัน” บนใบหน้านางเผยรอยยิ้มที่สื่อความหมายลึกซึ้ง เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดเปิดโปงออกมาตรงๆ เพราะเปิดโปงแล้วคนที่เสียเปรียบก็คือนาง จึงต้องแกล้งโง่อย่างนี้
นางรู้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีทางขัดขวางเหมียวอี้กับหวงฝู่จวินโหรวไม่ให้แอบเจอกันโดยสิ้นเชิงได้ ภายนอกนางจึงบีบให้สวีถังหรานและพวกขุนนางใหญ่ใช้อำนาจกดดันหวงฝู่จวินโหรวเอาไว้ ส่วนภายในนางก็ใช้ไม้อ่อนควบคุมเหมียวอี้เอาไว้ นางก็แค่จะทำให้หวงฝู่จวินโหรวต้องอยู่ในที่ลับตลอดไป ทำให้หวงฝู่จวินโหรวไม่มีวันอาศัยอำนาจของเหมียวอี้เพื่อกระพือข่าวได้ อย่านึกนะว่าแอบนอนกับผู้ชายของยางลับหลังแล้วจะทำอะไรได้ นางต้องการให้หวงฝู่จวินโหรวอยู่อย่างหลบซ่อนและอัดอั้นตันใจไปทั้งชีวิต
นางต้องการให้หวงฝู่จวินโหรวรับความทรมานให้เต็มที่ท่ามกลางวันเวลาที่ยาวนาน นี่ก็คือบทลงโทษที่ให้นางมีให้หวงฝู่จวินโหรว
นางไม่เชื่อว่าเหมียวอี้จะไม่สงสัยเลยสักนิดว่านางสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้ว นางไม่เปิดโปง ทำให้เหมียวอี้ไม่สามารถเปิดโปงได้เช่นกัน
เมื่อก่อนมีจูเก๋อชิง ตอนหลังมีหวงฝู่จวินโหรว นี่คือเส้นตายของนาง ต้องขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน นี่ก็คือการยกตัวอย่างด้วย จะได้สะดวกต่อการเตือนเหมียวอี้ทุกเวลา ถ้าโผล่มาคนหนึ่งข้าก็จะจัดการคนหนึ่ง เรื่องในด้านอื่นล้วนคุยง่าย มีแค่เรื่องในด้านนี้ที่เจ้าไม่อาจทำตามอำเภอใจ อย่าได้คิดว่าข้าจะยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว!
“เหอะๆ!” เหมียวอี้หัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน
“ตอนนี้ฝ่าบาทไม่เหมือนในอดีตแล้ว ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคนนับหมื่น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็หวังว่าจะไตร่ตรองให้ดีก่อนทำ กุมอำนาจมหาศาลของใต้หล้าไว้ก็ใช่ว่าจะทำตามอำเภอใจได้ ไม่อย่างนั้นจะทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่น! คำพูดสัตย์จริงมักขัดหู ยาดีมักขมปาก หม่อมฉันเตือนเพราะหวังดี หวังว่าฝ่าบาทจะไม่รังเกียจที่หม่อมฉันบ่นมาก” อวิ๋นจือชิวกล่าวสิ่งที่มีความหมายลึกซึ้งด้วยความจริงใจ
เหมียวอี้ตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ข้าจะไปรังเกียจที่เจ้าบ่นได้ยังไง! คืนนี้ข้าจะไปที่ตำหนักนารีสวรรค์ แล้วพวกเราค่อยคุยกันลึกๆ อีกที” เขากะพริบตามองเหมือนดื้อด้าน ที่จริงเป็นการเอาใจ เพราะในใจยังรู้สึกผิด
อวิ๋นจือชิวมีหรือที่จะไม่รู้ว่า ‘คุยกันลึกๆ’ หมายถึงอะไร ข้างกายยังมีคนอื่น คิดว่าคนอื่นโง่หรืออย่างไร อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองเขา แล้วย่อเข่าคำนับอีก “ฝ่าบาทงานยุ่ง หม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนเพคะ” หลังจากยืนตรงและถอยหลังสองก้าว ก็หันตัวจากไป
หยางเจาชิงกุมหมัดคารวะน้อมส่ง
ตอนที่เขาเพิ่งจะวางมือลง ก็พบว่าเหมียวอี้เข้ามาอธิบายตรงหน้าแล้วว่า “ที่จริงไม่ได้เป็นอย่างที่นางบอก หวงฝู่จวินโหรวไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับโค่วเหวินหลานแม้แต่น้อย ตอนเกิดเรื่องในปีนั้นมีสาเหตุ ข้าไม่สะดวกจะให้นางรู้ ถึงได้อ้างโค่วเหวินหลานมาเป็นโล่กำบัง”
หยางเจาชิงมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ แวบหนึ่ง ย่อมรู้ว่าที่เขาพูดหมายถึงอะไร เขากำลังอธิบายให้ชัดเจนว่าไม่ได้ทำเรื่องที่ต่ำช้าเยี่ยงหมูเยี่ยงหมา หยางเจาชิงพยักหน้าสื่อว่าทราบแล้ว…
ตระกูลหวงฝู่ คนที่ตระกูลหวงฝู่ซ่อนไว้ทั้งหมดกลับมาแล้ว แม้โลกภายนอกจะไม่ถือว่าสงบนัก แต่พรรคพวกของชิงและพุทธะที่รวมกลุ่มกันขนาดใหญ่ก็ไม่มีอยู่แล้ว หากป้องกันให้ดีก็ไม่มีอันตรายอะไร
ในโถงหลักเก่า หวงฝู่เลี่ยนคงนั่งสง่า หวงฝู่จัวกับหวงฝู่เกายืนอยู่ข้างหลัง
ถึงแม้หวงฝู่จวินโหรวจะกลายเป็นหัวหน้าตระกูลแล้ว แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าหวงฝู่เลี่ยนคงก็ยังไม่กล้าวางมาดอะไร หวงฝู่ตวนหรงกับอู่หนิงยังอยู่
สรุปก็คือแต่ละคนสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร โดยเฉพาะหวงฝู่จวินโหรว นางกัดริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร ในดวงตาฉายแววหดหู่
ทางด้านสวีถังหรานส่งข่าวมาแล้ว เรื่องแต่งตั้งสนมสวรรค์พังแล้ว
หวงฝู่จวินโหรวเดิมทีนึกว่าอดทนมานานขนาดนี้ ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อได้นั่งในตำแหน่งใหญ่โตอย่างราชันสวรรค์ มีอำนาจทั้งใต้หล้า ไม่มีใครบงการได้ ในที่สุดก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างสง่าผ่าเผยเสียที ใครจะคิดว่ายังจะอยู่ด้วยกันไม่ได้อีก
ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่งแล้ว หวงฝู่เลี่ยนคงก็รู้สึกเช่นกันว่าบทบาทของสมาคมวีรชนมีแนวโน้มอ่อนแอลง อยากจะอาศัยเรื่องแต่งตั้งหวงฝู่จวินโหรวเป็นสนมสวรรค์เพื่อทำให้ตระกูลหวงฝู่ปรากฏตัวอย่างสง่าผ่าเผยอีกครั้ง ทางที่ดีก็คือได้สถานะขุนนางตำหนักสวรรค์ทั้งหมด ใครจะคิดว่าไม่เพียงแค่ฝันสลาย ทั้งยังได้รับการแจ้งเตือนจากสวีถังหรานด้วย ว่าอย่าให้ข่าวเรื่องความสัมพันธ์ของหวงฝู่จวินโหรวกับฝ่าบาทเล็ดรอดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นตระกูลหวงฝู่จะมีภัยถูกล้างตระกูล
“โหรวโหรว ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ศาลาใกล้น้ำใช่ว่าจะได้พระจันทร์ก่อน เงาจันทร์ในน้ำสุดท้ายก็ยังเป็นเงาจันทร์ในน้ำ ในวังมีสนมมากมายขนาดนั้น ดูธรรมดาเหมือนกันหมด ไม่สู้เป็นบุปผาแดงดอกเที่ยวท่ามกลางทุ่งหญ้าขจีเพื่อดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทดีกว่า? แบบนี้จะยิ่งทำให้ฝ่าบาทแบ่งใจมาให้เจ้ามากขึ้น อาจเป็นเรื่องดีก็ได้” หวงฝู่เลี่ยนคงเอามือลูบเคราพลางปลอบใจ อย่างน้อยหนิวโหย่วเต๋อก็ยังไม่ทอดทิ้ง
แม้จะพูดอย่างนี้ แต่นี่ก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หวงฝู่จวินโหรวที่กำลังกัดปากเงียบต้องการ สิ่งที่นางต้องการคืออยู่ด้วยกันทุกวัน ไม่ใช่การลักลอบเจอกันตลอดไป อย่างน้อยขอแค่ได้เจอกันอย่างสง่าผ่าเผยก็พอ?
หวงฝู่ตวนหรงสีหน้าหดหู่ยิ่งกว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนยังตำหนิต่อหน้าหนิวโหย่วเต๋อได้ แต่ตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่สิทธิ์นั้นแล้ว ได้แต่ดูลูกสาวรับความอยุติธรรมต่อไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้
อู่หนิงสีหน้าแย่ยิ่งกว่า ได้แต่หลับตาลงเงียบๆ
วังสวรรค์ ในเรือนพักชั่วคราวของหยางชิ่ง มีแขกที่มาไม่บ่อยมาเยือน ซูอวิ้นมาแล้ว
ได้ยินว่าจู่ๆ ฮูหยินเอกของหยางชิ่งโผล่มา ได้ยินว่าฮูหยินเอกของหยางชิ่งมาแล้ว ซูอวิ้นเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีสภาพจิตใจอย่างไร พบเห็นไม่บ่อย นางสืบมาชัดเจนแล้วว่าหยางชิ่งไม่อยู่บ้าน จึงเป็นฝ่ายมาหาถึงที่ มาเจอฉินซีแล้ว
ฉินซียังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หลังจากชิงจวี๋ที่อึดอัดไปทั้งตัวแนะนำตัวแล้ว รู้ว่าซูอวิ้นเป็นขุนนางข้างกายอวิ๋นจือชิว ฉินซีก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นทันที
ซูอวิ้นเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นั่งอยู่ตรงข้ามกับฉินซี จิบน้ำชาเพียงไม่กี่คำ ถือโอกาสถามสองสามคำเท่านั้น บนใบหน้าคงรอยยิ้มราบเรียบเอาไว้ตลอด ดูผ่อนคลายสบายๆ ที่มากกว่านั้นคือกำลังสังเกตฉินซี
เป็นแค่การมานั่งพักประเดี๋ยวเดียว แล้วซูอวิ้นก็จากไปแล้ว
ฉินซีเองก็สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน หลังจากส่งซูอวิ้นออกประตูไปด้วยตัวเอง ก็หันกลับมาถามชิงจวี๋ว่า “ซูอวิ้นคนนี้ ทำไมข้ารู้สึกว่านางแปลกๆ? บอกว่าจะมาเยี่ยมเยียน แต่กลับท่าทางไม่เหมือนเยี่ยมเยียน”
ชิงจวี๋แอบร้องในใจว่าแย่แล้ว หยางชิ่งไม่ได้สั่งมา นางก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรจะพูดความเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหยางชิ่งกับซูอวิ้นออกมาหรือเปล่า มีอยู่สิ่งหนึ่งที่นางแน่ใจ นั่นก็คือฉินซีมาแล้ว เรื่องนี้จะต้องปิดบังได้ไม่นานแน่นอน
นางทำได้เพียงฉวยโอกาสหลบเลี่ยงฉินซี แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อหยางชิ่ง
หลังจากปรึกษางานกันเรียบร้อยแล้ว หยางชิ่งที่เพิ่งออกจากตำหนักดาราจักรก็ได้รับข้อความจากชิงจวี๋ เขาอึ้งไปชั่วครู่ หลังจากแน่ใจแล้วว่าซูอวิ้นเป็นฝ่ายไปหาฉินซีก่อน เขาก็ถามถึงบทสนทนาโดยละเอียดของซูอวิ้น แบ้วก็เผยรอยยิ้มมุมปากออกมาอย่างอดไม่ได้
เมื่อได้รับระฆังดาราแล้ว หยางชิ่งก็มุ่งตรงไปที่เรือนพักชั่วคราวของซูอวิ้น สาวใช้ตรงประตูไม่ให้เข้า แต่หยางชิ่งฝืนบุกเข้าไป มีหรือที่สาวใช้จะต้านเขาไหว
สุดท้าย ในห้องหนังสือของซูอวิ้น หยางชิ่งที่บุกตรงเข้ามาก็เห็นซูอวิ้นกำลังเขียนหนังสืออยู่บนโต๊ะหนังสือ
ซูอวิ้นเงยหน้ามองแวบหนึ่ง แล้วถือโอกาสพลิกสิ่งที่เขียนปิดไว้แล้ว
หยางชิ่งกวาดตามอง แต่เห็นไม่ชัดว่านางกำลังเขียนอะไร
“นายท่านหยางคงไม่ถึงขั้นไม่รู้จักมารยาทพื้นฐานหรอกใช่มั้ย?” ซูอวิ้นกล่าวเสียงเรียบ
หยางชิ่งเดินอ้อมโต๊ะหนังสือ เดินตรงไปหานาง แล้วถามว่า “เจ้าไปที่เรือนของข้าเหรอ?”
ในดวงตาซูอวิ้นฉายแววอึดอัด แต่ก็ยังคงกล่าวอย่างนิ่งสงบ “เดิมทีมีเรื่องจะปรึกษากับเจ้า อยากจะขอให้เจ้าช่วยคุยกับฝ่าบาทให้หน่อย ดูว่าจะสามารถเปลี่ยนชื่อดาวอ๋องสวรรค์หนิวกลับมาเป็นดาวอ๋องสวรรค์ฮ่าวได้หรือเปล่า…”
“เจ้าหึงเหรอ?” หยางชิ่งถามหยอกล้อตัดบท
“ข้าเนี่ยนะหึง?” ซูอวิ้นชะงัก ก่อนจะหัวเราะออกมา ราวกับได้ยินเรื่องที่น่าขำที่สุดในโลก ผลปรากฏว่าหยางชิ่งยิ่งเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน ในแววตาที่ดูรุกรานถึงขีดสุดนั่นทำให้นางปั่นป่วนใจเล็กน้อย จึงก้าวถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
หยางชิ่งยื่นมือไปคว้าข้อมือนางดึงมาไว้ในอ้อมกอด
ซูอวิ้นโมโหแล้ว จู่ๆ ก็มีฮูหยินที่นางไม่รู้จักโผล่มา ตอนนี้ยังคิดจะเอาเปรียบนางอีก เห็นนางเป็นอะไร นางยื่นมือบังทนัที แล้วตวาดด้วยน้ำเสียงโมโห “ถ้าเจ้าอยากจะสร้างความเสียหายให้สะเทือนเลือนลั่นวังสวรรค์ เจ้าก็ลองดูได้เลย!”
“เจ้าเชื่อหรือเปล่าว่าข้าจะทำให้ฮ่าวเต๋อฟางสิ้นทายาททันที!” หยางชิ่งจับข้อมือนางไม่ปล่อย ขู่คุกคาม!
ไม่ถือว่าขู่ เพราะเขามีความสามารถที่จะทำอย่างนั้นจริงๆ ซูอวิ้นก็รู้
ดังนั้นเสื้อผ่าจึงปลิวว่อน ในห้องหนังสือนี้ หยางชิ่งจัดการนางอีกแล้ว…
แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ในหุบเขารกร้างที่ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นแม้แต่น้อย มังกรตัวหนึ่งบินวน สัตว์พาหนะบินได้ฝูงหนึ่งเหยียบลงพื้น พวกแม่เฒ่าลวี่จากสวนกลางเขียวขจีทยอยกันปรากฏตัว หันมองสถานที่ที่กำลังจะกลายเป็นสวนกลางเขียวขจีแห่งใหม่
กำลังพลที่คุ้มกันส่งเริ่มวางกำลังไปรอบๆ แม่ทัพหนึ่งในนั้นปล่อยคนคนหนึ่งออกมา เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เหมือนสติไม่สมประกอบ อดีตราชินีสวรรค์ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่!
ทุกคนของสวนกลางเขียวขจีถูกดึงดูดความสนใจ สายตาทยอยมองมา มองนางเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
แม่เฒ่าลวี่ค้ำไม้เท้าเดินเข้ามา สายตาที่ค่อนข้างเลื่อนลอยของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่มองบนตัวนาง สุดท้ายก็น้ำตาไหลเงียบๆ
แม่ทัพที่คุมตัวมากุมหมัดคารวะต่อแม่เฒ่าลวี่ ฝ่าบาทมีคำสั่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ให้แม่เฒ่าลวี่ดูแล ถ้าไม่มีบัญชาก็ห้ามออกจากสวนกลางเขียวขจีแม้แต่ก้าวเดียว ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดอะไรขึ้น ทั้งสวนกลางเขียวขจีก็จะมีความผิดไปด้วย!”