พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 123
ตอน ที่ 123 ต้องการให้เธอแต่งงานกับฉัน
อย่างไรก็ตามจันวิภาก็ได้เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว ก่อนที่สุ มิตรจะมาข้างหน้า เธอก็ได้เหยียบเท้าของเขาอย่างแรง มือทั้ง สองผลักเขาออกไป ไม่ให้โอกาสเขาได้เข้าใกล้เลย!
“นายอย่าฝันไปเลย! ให้ฉันแต่งงานกับนาย? ที่ ไม่มี
ทาง! ” พูดจบ จันวิภาก็ได้หันตัวเตรียมที่จะเดินออกจากห้อง ไป แต่กลับคิดไม่ถึงว่า มือได้ถูกเขาดึงเอาไว้อีกครั้ง
จันวิภาหันหน้ามามองสุมิตรอย่างรวดเร็ว แล้วตะคอก ออกมา “นายมันป่าเถื่อน! นายคิดจะทำอะไรอีก! ”
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้จันวิภาคิดไม่ถึงเลยก็คือ เธอหันหน้า กลับมาเห็นใบหน้าที่จริงจังของสุมิตร เขาจ้องมองแววตาเธอ แล้วเอ่ยถามอย่างจริงจัง “เธอไม่อยากแต่งงานกับฉันงั้นหรอ?”
แทบที่จะไม่ต้องคิดเลย จันวิภาก็โพล่งพูดพรวดออกไป “ฉันแต่งงานกับคนอย่างนายไม่ได้! ! ! ”
“งั้นบางทีเธออาจจะต้องผิดหวัง เรื่องที่ฉันสุมิตรคนนี้ ต้องการ ยังไม่เคยมีใครมาขัดขวางได้! ! ! ” สุมิตรได้ฟื้นฟู ความเย็นชาตามปกติของเขาแล้ว พูดออกมาอย่างเด็ดขาด และรุนแรง จากนั้นจึงหันตัวแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป ตอน123ต้องการให้เธอแต่งงานกับฉัน
ตอน ที่ 123 ต้องการให้เธอแต่งงานกับฉัน
อย่างไรก็ตามจันวิภาก็ได้เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว ก่อนที่สุ มิตรจะมาข้างหน้า เธอก็ได้เหยียบเท้าของเขาอย่างแรง มือทั้ง สองผลักเขาออกไป ไม่ให้โอกาสเขาได้เข้าใกล้เลย!
“นายอย่าฝันไปเลย! ให้ฉันแต่งงานกับนาย? ที่ ไม่มี
ทาง! ” พูดจบ จันวิภาก็ได้หันตัวเตรียมที่จะเดินออกจากห้อง ไป แต่กลับคิดไม่ถึงว่า มือได้ถูกเขาดึงเอาไว้อีกครั้ง
จันวิภาหันหน้ามามองสุมิตรอย่างรวดเร็ว แล้วตะคอก ออกมา “นายมันป่าเถื่อน! นายคิดจะทำอะไรอีก! ”
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้จันวิภาคิดไม่ถึงเลยก็คือ เธอหันหน้า กลับมาเห็นใบหน้าที่จริงจังของสุมิตร เขาจ้องมองแววตาเธอ แล้วเอ่ยถามอย่างจริงจัง “เธอไม่อยากแต่งงานกับฉันงั้นหรอ?”
แทบที่จะไม่ต้องคิดเลย จันวิภาก็โพล่งพูดพรวดออกไป “ฉันแต่งงานกับคนอย่างนายไม่ได้! ! ! ”
“งั้นบางทีเธออาจจะต้องผิดหวัง เรื่องที่ฉันสุมิตรคนนี้ ต้องการ ยังไม่เคยมีใครมาขัดขวางได้! ! ! ” สุมิตรได้ฟื้นฟู ความเย็นชาตามปกติของเขาแล้ว พูดออกมาอย่างเด็ดขาด และรุนแรง จากนั้นจึงหันตัวแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป จันวิภายืนอึ้งอยู่ที่เดิม กัดฟันจนแน่น เธอได้ตัดสินใจลง
ไปแล้ว ว่าจะต้องหาวิธีหนีออกไปจากเขาให้ได้! ! !
ไม่กี่วันต่อมา สุมิตรก็ยังคงดูแลจันวิภาทะนุถนอม
จันวิภารู้สึกอยากข่า ไม่อาจยอมรับได้ เธอกินเพียงแค่ อาหารที่ธนภาคเอามาให้ และใช้แต่ของที่ธนภาคเอามาให้
ท่าทีที่จันวิภามีต่อธนภาค ทำให้สุมิตรรู้สึกอิจฉาตาร้อน
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉาจนแทบบ้าก็คือ รอยยิ้มที่จันวิภา ยิ้มให้กับธนภาคเป็นครั้งคราว และฟังคำพูดของเขาอย่าง จริงจัง ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีอย่างกับปีกับขลุ่ย
แต่เมื่อต้องประเชิญหน้ากับเขา จันวิภาก็มีใบหน้าแข็งที่อ ใบหน้าเย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์
วันนี้ ธนภาคมาเยี่ยมจันวิภา และยังเอาสาลี่ที่เธอชอบกิน
มาด้วย
“สุมิตรล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นสุมิตรเลย?” หลังจากที่ธนภาค นั่งลง ก็มองไปบริเวณรอบๆ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของสุมิตร
ตอนที่จันวิภานอนหลับก็จะมีพวกเขาสองคนผลัดกันมา เฝ้าตลอด แต่หลังจากที่จันวิภาตื่นขึ้นมา สุมิตรก็เตะธนภาค ข้างๆ และบอกเขาว่าต่อจากนี้ไม่ต้องมาแล้ว
ต้องบอกว่าธนภาคยังคงมาเยี่ยมจันวิภาบ้างเป็นครั้ง คราว และเขาก็รู้ว่าจันวิภาเองก็คงหวังให้เขามาบ่อยๆเช่นกัน
“นายจะสนใจอะไรเขา?” เอ่ยถึงสุมิตรขึ้นมา จันวิภาไม่ใช่ จันวิภายืนอึ้งอยู่ที่เดิม กัดฟันจนแน่น เธอได้ตัดสินใจลง
ไปแล้ว ว่าจะต้องหาวิธีหนีออกไปจากเขาให้ได้! ! !
ไม่กี่วันต่อมา สุมิตรก็ยังคงดูแลจันวิภาทะนุถนอม
จันวิภารู้สึกอยากข่า ไม่อาจยอมรับได้ เธอกินเพียงแค่ อาหารที่ธนภาคเอามาให้ และใช้แต่ของที่ธนภาคเอามาให้
ท่าทีที่จันวิภามีต่อธนภาค ทำให้สุมิตรรู้สึกอิจฉาตาร้อน
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอิจฉาจนแทบบ้าก็คือ รอยยิ้มที่จันวิภา ยิ้มให้กับธนภาคเป็นครั้งคราว และฟังคำพูดของเขาอย่าง จริงจัง ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีอย่างกับปีกับขลุ่ย
แต่เมื่อต้องประเชิญหน้ากับเขา จันวิภาก็มีใบหน้าแข็งที่อ ใบหน้าเย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์
วันนี้ ธนภาคมาเยี่ยมจันวิภา และยังเอาสาลี่ที่เธอชอบกิน
มาด้วย
“สุมิตรล่ะ ทำไมถึงไม่เห็นสุมิตรเลย?” หลังจากที่ธนภาค นั่งลง ก็มองไปบริเวณรอบๆ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของสุมิตร
ตอนที่จันวิภานอนหลับก็จะมีพวกเขาสองคนผลัดกันมา เฝ้าตลอด แต่หลังจากที่จันวิภาตื่นขึ้นมา สุมิตรก็เตะธนภาค ข้างๆ และบอกเขาว่าต่อจากนี้ไม่ต้องมาแล้ว
ต้องบอกว่าธนภาคยังคงมาเยี่ยมจันวิภาบ้างเป็นครั้ง คราว และเขาก็รู้ว่าจันวิภาเองก็คงหวังให้เขามาบ่อยๆเช่นกัน
“นายจะสนใจอะไรเขา?” เอ่ยถึงสุมิตรขึ้นมา จันวิภาไม่ใช่ ว่าจะมีความสุข เธอเบะปากแล้วพูดออกมา “นายไปช่วยฉัน
ล้างสาลี่เถอะ”
“รอเตี๋ยว ปลอกเปลือกมันก่อน” พูดไปพลาง ธนภาคก็ หยิบมีดปอกผลไม้ออกมาจากลิ้นชัก
เมื่อมองดูสีหน้าจริงจังของธนภาค จันวิภาจึงรู้สึกอบอุ่นใจ สามารถมาเยี่ยมเธอได้โดยที่ไม่กลัวสุมิตรโกรธ ก็มีเพียงแค่ ธนภาคคนเดียวนี้แหละ
พัชรีก็เคยมาเยี่ยมเธอแล้ว แต่ในตอนนั้นสุมิตรก็ปรากฏ ตัวขึ้นเช่นกัน และไดสร้างปัญหาเสียจนไม่มีความสุข
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จันวิภาก็พูดกับธนภาคด้วยใบหน้าที่ ขอบคุณ “ขอบคุณนะธนภาค
คำพูดง่ายๆ หนึ่งประโยค มันไม่สามารถบรรยายออกมา ได้มากเกินไป
ธนภาคยิ้มออกมาเบาๆ เขาเอาสาลี่ที่ปลอกเสร็จแล้วส่ง มันให้กับจันวิถา หัวเราะแล้วพูดออกมา “พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่หรือไง จะมาขอบคุณทำไมกัน”
ใช่แล้ว พวกเราคือเพื่อนกัน ธนภาคไม่สามารถเรียก ความรู้สึกเช่นนั้นว่ารักได้ สำหรับเขาแล้ว จันวิภาเป็นเพียง เพื่อนคนสำคัญของเท่านั้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จันวิภาจึงตบไหล่ธนภาคอย่างตรงไปตรง มา แล้วพูดแซว “ขอบใจนะ เพื่อนรัก ! ” ว่าจะมีความสุข เธอเบะปากแล้วพูดออกมา “นายไปช่วยฉัน
ล้างสาลี่เถอะ”
“รอเตี๋ยว ปลอกเปลือกมันก่อน” พูดไปพลาง ธนภาคก็ หยิบมีดปอกผลไม้ออกมาจากลิ้นชัก
เมื่อมองดูสีหน้าจริงจังของธนภาค จันวิภาจึงรู้สึกอบอุ่นใจ สามารถมาเยี่ยมเธอได้โดยที่ไม่กลัวสุมิตรโกรธ ก็มีเพียงแค่ ธนภาคคนเดียวนี้แหละ
พัชรีก็เคยมาเยี่ยมเธอแล้ว แต่ในตอนนั้นสุมิตรก็ปรากฏ ตัวขึ้นเช่นกัน และไดสร้างปัญหาเสียจนไม่มีความสุข
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จันวิภาก็พูดกับธนภาคด้วยใบหน้าที่ ขอบคุณ “ขอบคุณนะธนภาค
คำพูดง่ายๆ หนึ่งประโยค มันไม่สามารถบรรยายออกมา ได้มากเกินไป
ธนภาคยิ้มออกมาเบาๆ เขาเอาสาลี่ที่ปลอกเสร็จแล้วส่ง มันให้กับจันวิถา หัวเราะแล้วพูดออกมา “พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่หรือไง จะมาขอบคุณทำไมกัน”
ใช่แล้ว พวกเราคือเพื่อนกัน ธนภาคไม่สามารถเรียก ความรู้สึกเช่นนั้นว่ารักได้ สำหรับเขาแล้ว จันวิภาเป็นเพียง เพื่อนคนสำคัญของเท่านั้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จันวิภาจึงตบไหล่ธนภาคอย่างตรงไปตรง มา แล้วพูดแซว “ขอบใจนะ เพื่อนรัก ! ” ชั่วครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็หัวเราะขึ้นมา บรรยากาศช่างตู กลมกลืนเป็นอย่างมาก..
มือของสุมิตรจับอยู่บนลูกบิดประตูแต่ยังไม่หมุนมันออก มา เขาฟังเสียงหัวเราะด้านในอย่างเงียบสงบ เป็นเวลานาน ในที่สุดจึงหมุนลูกบิดประตูแล้วเปิดประตูเข้าไป
หลังจากเขาเข้าไปแล้ว ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็หยุดลง ทันที ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องคนไข้จ้องมองเขาพร้อมกัน จันวิภา มองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันหน้ากลับไปกินสาลี่
เมื่อเห็นเช่นนี้ สุมิตรถือกล่องข้าวที่อยู่ในมือจนแน่น ใบหน้าบูดบึ้งไม่พูดไม่จา ช่วงเวลานี้ บรรยากาศช่างน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
ธนภาครับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่อึดอัด จึงได้รับลุกขึ้นมา ผ่อนคลายบรรยากาศอย่างรวดเร็ว หัวเราะแล้วพูดออกไปว่า “สุมิตร ในที่สุดนายก็มาแล้ว”
พูดไปพลางแล้วรับกล่องข้าวจากในมือของสุมิตรมา เปิด ออกมาพร้อมกับพูดโห่ร้อง “ซุปไก่นั่นเอง จันวิภา วันนี้เธอมี บุญปากจริงๆ”
จันวิภาพูดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “วางไว้ตรงนั้นแหละ ฉัน
ไม่อยากอาหาร”
“ก็ได้” เรื่องระหว่างจันวิภากับสุมิตร ธนภาคนั้นรู้ดีที่สุด ตอนนี้จึงไม่พูดจาไร้สาระ ปิดกล่องอาหารและพูดกับจันวิภาอีก ชั่วครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็หัวเราะขึ้นมา บรรยากาศช่างตู กลมกลืนเป็นอย่างมาก..
มือของสุมิตรจับอยู่บนลูกบิดประตูแต่ยังไม่หมุนมันออก มา เขาฟังเสียงหัวเราะด้านในอย่างเงียบสงบ เป็นเวลานาน ในที่สุดจึงหมุนลูกบิดประตูแล้วเปิดประตูเข้าไป
หลังจากเขาเข้าไปแล้ว ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็หยุดลง ทันที ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องคนไข้จ้องมองเขาพร้อมกัน จันวิภา มองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันหน้ากลับไปกินสาลี่
เมื่อเห็นเช่นนี้ สุมิตรถือกล่องข้าวที่อยู่ในมือจนแน่น ใบหน้าบูดบึ้งไม่พูดไม่จา ช่วงเวลานี้ บรรยากาศช่างน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
ธนภาครับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่อึดอัด จึงได้รับลุกขึ้นมา ผ่อนคลายบรรยากาศอย่างรวดเร็ว หัวเราะแล้วพูดออกไปว่า “สุมิตร ในที่สุดนายก็มาแล้ว”
พูดไปพลางแล้วรับกล่องข้าวจากในมือของสุมิตรมา เปิด ออกมาพร้อมกับพูดโห่ร้อง “ซุปไก่นั่นเอง จันวิภา วันนี้เธอมี บุญปากจริงๆ”
จันวิภาพูดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “วางไว้ตรงนั้นแหละ ฉัน
ไม่อยากอาหาร”
“ก็ได้” เรื่องระหว่างจันวิภากับสุมิตร ธนภาคนั้นรู้ดีที่สุด ตอนนี้จึงไม่พูดจาไร้สาระ ปิดกล่องอาหารและพูดกับจันวิภาอีก ครั้ง “งั้นฉันวางไว้ตรงนี้ เธออยากจะกินค่อยกิน ฉันกับสุมิตรมี เรื่องที่จะต้องคุยกัน ขอยืมตัวเขาไปก่อนนะไม่กี่นาทีหรอก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองคนจึงนึ่งอึ้งไปอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่า ธนภาคมาโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมจันวิภา หรือว่ามาหาสุมิตร เพราะมีเรื่องจะคุยกันแน่
ธนภาคเดินเข้าไปหาสุมิตรข้างๆ แล้วกระซิบพูดกับเขา “ไปเถอะ พวกเราออกไปพูดกันข้างนอก”
สติของสุมิตรกลับมาทันที มองเพื่อนรักของตนเอง ภายในใจซับซ้อนยุ่งเหยิง ธนภาคดีกับจันวิภามาก เขารู้สึกได้ ชัดเจนแจ่มแจ้ง
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย อารมณ์ของธนภาค เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง เขาจ้องมองสุมิตรอย่างเข้มขรึม แล้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่หม่นหมอง “สุมิตร ฉันมาเบาะแสมาใหม่”
เมื่อได้ยินดังนั้น สุมิตรจึงรู้ว่าธนภาคมาหาเขาเพราะมี เรื่องจะคุยด้วยจริงๆ ใบหน้าแข็งที่อขึ้นมาทันที มองเขาด้วย ใบหน้าที่จริงจัง แล้วเอ่ยถาม “มีเบาะแสอะไร?”
ในความเป็นจริงสุมิตรก็คิดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลานี้ เช่นกัน เมื่อคิดอย่างละเอียดรอบคอบ จึงพบว่าเบื้องหลังของ เรื่องมันมันมีจุดที่แปลกเยอะมากจริงๆ
เช่นคำพูดของนวาระ และค่าพูดของจันวิภา
“เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราไม่ได้เจอชายคนนั้นที่อยู่นอก ครั้ง “งั้นฉันวางไว้ตรงนี้ เธออยากจะกินค่อยกิน ฉันกับสุมิตรมี เรื่องที่จะต้องคุยกัน ขอยืมตัวเขาไปก่อนนะไม่กี่นาทีหรอก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองคนจึงนึ่งอึ้งไปอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่า ธนภาคมาโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมจันวิภา หรือว่ามาหาสุมิตร เพราะมีเรื่องจะคุยกันแน่
ธนภาคเดินเข้าไปหาสุมิตรข้างๆ แล้วกระซิบพูดกับเขา “ไปเถอะ พวกเราออกไปพูดกันข้างนอก”
สติของสุมิตรกลับมาทันที มองเพื่อนรักของตนเอง ภายในใจซับซ้อนยุ่งเหยิง ธนภาคดีกับจันวิภามาก เขารู้สึกได้ ชัดเจนแจ่มแจ้ง
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย อารมณ์ของธนภาค เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง เขาจ้องมองสุมิตรอย่างเข้มขรึม แล้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่หม่นหมอง “สุมิตร ฉันมาเบาะแสมาใหม่”
เมื่อได้ยินดังนั้น สุมิตรจึงรู้ว่าธนภาคมาหาเขาเพราะมี เรื่องจะคุยด้วยจริงๆ ใบหน้าแข็งที่อขึ้นมาทันที มองเขาด้วย ใบหน้าที่จริงจัง แล้วเอ่ยถาม “มีเบาะแสอะไร?”
ในความเป็นจริงสุมิตรก็คิดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลานี้ เช่นกัน เมื่อคิดอย่างละเอียดรอบคอบ จึงพบว่าเบื้องหลังของ เรื่องมันมันมีจุดที่แปลกเยอะมากจริงๆ
เช่นคำพูดของนวาระ และค่าพูดของจันวิภา
“เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราไม่ได้เจอชายคนนั้นที่อยู่นอก บ้านร้างไม่ใช่หรอ?” ธนภาคสูตหายใจเข้าลึกๆ และเล่าเรื่องนี้ ให้สุมิตรฟังอย่างละเอียด เขาพูดว่า “คนของฉันตรวจสอบเจอ แล้ว คืนวันนั้นที่นวาระดาย เขากำลังดื่มเหล้ากับพวกพี่ชายอยู่ สองสามคน ดื่มจนขามคืน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอกาสฆ่า นวาระ
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สุมิตรก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เขาจ้องมองธน ภาค ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “นายหมายความว่า….เขาไม่ได้ฆ่า คน แต่กลับหลอกว่าตัวเองฆ่า?”
สุมิตรจำได้ในคืนวันนั้น เขายอมรับด้วยตัวเอง ว่านรา วิชญ์ส่งพวกเขาไปฆ่านวาระ พูดออกมาเช่นนี้….ทำให้สุมิตร ไม่กล้าที่จะคิดลึก คืนนั้นเขากำลังโกรธแค้น จึงไม่ได้คิดถึง ความน่าเชื่อถือที่อยู่เบื้องหลังของคำเหล่านี้
“ใช่ เป็นอย่างที่นายคิดนั่นแหละ” ธนภาคพยักหน้า แล้ว พูดต่อไป “ฉันคิดว่าบางทีหลังจากที่เขาโกหกแล้ว ฉันส่งคนไป ตรวจสอบเขา แตกลับพบว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนราวิชญ์ และยังพบเรื่องอื่นอีกเรื่องหนึ่ง!
“ครั้งสุดท้ายที่นายต้องการฆ่าฆาตกร คิดไม่ถึงเลยว่าจะมี ความสัมพันธ์กับเขา และทั้งสองคนนี้รู้จักกัน! ฉันคิดว่า พวก เขาอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ทำงานรวมกันเพื่อให้นราวิชญ์ กลายเป็นแพะรับบาป! ”
เมื่อได้ฟังข่าวเช่นนี้ สุมิตรถึงกับช็อคไปชั่วขณะหนึ่ง เขา จ้องมองธนภาคอย่างไม่เชื่อสายตา พูดออกมาเช่นนี้ เป็น บ้านร้างไม่ใช่หรอ?” ธนภาคสูตหายใจเข้าลึกๆ และเล่าเรื่องนี้ ให้สุมิตรฟังอย่างละเอียด เขาพูดว่า “คนของฉันตรวจสอบเจอ แล้ว คืนวันนั้นที่นวาระดาย เขากำลังดื่มเหล้ากับพวกพี่ชายอยู่ สองสามคน ดื่มจนขามคืน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโอกาสฆ่า นวาระ
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สุมิตรก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เขาจ้องมองธน ภาค ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “นายหมายความว่า….เขาไม่ได้ฆ่า คน แต่กลับหลอกว่าตัวเองฆ่า?”
สุมิตรจำได้ในคืนวันนั้น เขายอมรับด้วยตัวเอง ว่านรา วิชญ์ส่งพวกเขาไปฆ่านวาระ พูดออกมาเช่นนี้….ทำให้สุมิตร ไม่กล้าที่จะคิดลึก คืนนั้นเขากำลังโกรธแค้น จึงไม่ได้คิดถึง ความน่าเชื่อถือที่อยู่เบื้องหลังของคำเหล่านี้
“ใช่ เป็นอย่างที่นายคิดนั่นแหละ” ธนภาคพยักหน้า แล้ว พูดต่อไป “ฉันคิดว่าบางทีหลังจากที่เขาโกหกแล้ว ฉันส่งคนไป ตรวจสอบเขา แตกลับพบว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนราวิชญ์ และยังพบเรื่องอื่นอีกเรื่องหนึ่ง!
“ครั้งสุดท้ายที่นายต้องการฆ่าฆาตกร คิดไม่ถึงเลยว่าจะมี ความสัมพันธ์กับเขา และทั้งสองคนนี้รู้จักกัน! ฉันคิดว่า พวก เขาอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ทำงานรวมกันเพื่อให้นราวิชญ์ กลายเป็นแพะรับบาป! ”
เมื่อได้ฟังข่าวเช่นนี้ สุมิตรถึงกับช็อคไปชั่วขณะหนึ่ง เขา จ้องมองธนภาคอย่างไม่เชื่อสายตา พูดออกมาเช่นนี้ เป็น ตนเองสินะที่เข้าใจนราวิชญ์ผิด? ! ตนเองสินะที่เข้าใจนราวิชญ์ผิด? !