พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 192
ตอนที่192 คน ที่ตั้งตาราที่สุดปรากฏตัวออกมาแล้ว
“จันวิภาหกปีมานี้ฉันไม่เคยลืมเธอได้เลย……..นราวิชญ์ มองจันวิภาอย่างซาบซึ้งใจและยังตัดสินใจว่าจะสารภาพอีก ครั้งหนึ่ง
จนวิภาฟังจนจบอย่างเงียบๆเอียงหน้ามองหน้าต่างรถ นราวิชญ์มองไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเธอจึงจับ ความคิดของเธอไม่ได้
จันวิภาเงียบอยู่นานจึงจะพูดออกมาเบาๆ พื้นรา วิชญ์…..พี่ก็รู้ว่าระหว่างพวกเราทั้งสองมันเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าจะ หกปีก่อนหรือหกปีหลังพวกเราก็เป็นไปไม่ได้…….ฉันไม่ได้รู้สึก รักใคร่อะไรแบบนั้นกับพี่เข้าใจใช่มั้ย? ฉันคิดแค่ว่าพี่เป็นพี่ชาย ของฉันเท่านั้นเป็นพี่ชายที่แสนดีของฉัน
พูดจบจนวิภาก็ถอนหายใจออกมาแรงๆเธอปิดประตูรถ หลังจากรถจากรถแล้วจึงหันหน้ามาพูดกับนราวิชญ์อีกครั้ง “พี่ นราวิชญ์……ฉันหวังว่าจะมีความสุขนะ
คำพูดสิ้นสุดปิดประตูรถเบาๆหันตัวแล้วจากไป
…นราวิชญ์จ้องมองพวงมาลัยด้วยใบหน้าที่แข็งที่อ ความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างราบคาบ โจมตีมาหาเขาจันวิภายังคง ไม่เลือกเขาจริงๆแม้ว่าเธอจะอยู่คนเดียวเธอก็คงจะไม่ยอม เหมือนเดิม
มึนงงอยู่นานนราวิชญ์จึงจะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่มียาใดรักษาได้เขาพูดพิมพ์”ยัยโง่เอ้ย…….ความสุข ของฉันก็คือเธอนั่นแหละ…….
เนื่องจากเรื่องของนราวิชญ์เมื่อครู่นี้อารมณ์ของจันวิภาจึง ไม่ค่อยดีนักเธอกัดริมฝีปากเดินเข้าลิฟท์ไปด้วยสีหน้าที่ เคร่งขรึม
พอประตูลิฟท์เปิดออกจั่นวิภาหยิบกุญแจออกมาเพื่อที่จะ ไขประตูห้องตอนที่เดินไปจนถึงประตูกลับพบว่าประตูได้ถูกเปิด เอาไว้อยู่แล้ว
บ้าเอ้ย! ! !
หัวใจบีบแน่นในวิภาขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างตื่นตัวจำได้ อย่างชัดเจนว่าก่อนที่จะออกไปจากห้องในวันนี้เธอได้ปิดประตู ไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมประตูจึงยังเปิดอยู่ล่ะ……..
หรือว่า………จะมีขโมย?!
จีนกาหายใจเข้าออกลึกๆเธอค่อยๆเปิดประตูออกเบาๆ ย่องเบาเดินเข้าไปในบ้านทีละเก้าๆ จ้องมองภายในห้องอย่าง ตื่นตัวแต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ภายใน บ้านเรียบร้อยดีไม่มีร่องรอยของการซื้ออะไรทั้งสิ้น
เอไม่มีหัวขโมยหรอ? นี่มันอะไรกัน?
พูดกันตามเหตุผลโจรที่เข้ามาในบ้านจะต้องซื้อของ กระจัดกระจายแต่ทำไมพอมาถึงบ้านเธอกลับเรียบร้อยเป็น ปกติเช่นนี้? !
จ้องมองไปรอบๆความสงสัยของจันวิภากระจ่างได้อย่าง รวดเร็วตอนที่เธอมองไปทางระเบียงก็ได้เห็นแผ่นหลังของคนที่ คุ้นเคยอย่างคาดไม่ถึง
หม?คนรู้จัก? ใครจะมีกุญแจบ้านเธอได้ล่ะ?เธอไม่เคยให้ กุญแจบ้านกับใครมาก่อนเลยนะ!
หลังจากที่รู้ว่าเป็นคนรู้จักจั่นวิภาจึงไม่เดินย่องอีกต่อไป เธอยึดเอวตรงหลังจากเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็ไปที่ระเบียงเพื่อดู ว่าชายคนนั้นเป็นใคร
รอจนเธอดินเข้ามาใกล้หลังจากที่เห็นใบหน้าข้างๆ ที่คุ้น เคยเธอก็ได้ตกใจเสียจนนิ่งอึ้งไป
เท้าจู่ๆก็ก้าวไม่ออกตกใจยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไป
ไหน
คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสุพจน์? ! เขาเองก็กลับมาขึ้นแล้ว หรอ?ตอนไหนกัน?ไม่โทรมาบอกตนเองล่วงหน้าเลย
จันวิภาจ้องมองแผ่นหลังของสุพจน์อย่างตกตะลึงมีควัน บุหรี่พัดจากทางด้านหน้าลอยมาอยู่ทางด้านหลังไม่หยุดหย่อน สุพจน์กำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงเงานั้นช่างดูเงียบเงาและโดดเดี่ยวเป็นที่สุด
จันวิภารู้สึกทนไม่ได้ไปมาหาสู่กันหกปีเธอไม่เคยเห็น พจน์สูบบุหรี่มาก่อนคิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เขาจะสูบบุหรี่อีกทั้ง แผ่นหลังยังดูทุกข์ระทมขนาดนั้นอีก…….
เมื่อได้ยินเสียงจากทางด้านหลังสุพจน์จึงค่อยๆหันตัวมาดู เหงานิดหน่อยเขาเอ่ยออกมาอย่างจิตตก กลับมาเมืองไม่ บอกผมเลยผมอยู่อเมริกาไปบ้านคุณก็ไม่เจอพวกคุณทั้งสอง คน”
“ฉัน……..วิภากระดากกระเดื่องอยู่เล็กน้อยหัวเราะแล้ว พูดออกไป ไม่ใช่ว่าฉันทิ้งโน้ตข้อความไว้ให้คุณแล้วหรอ เพราะว่านิเวศน์ไม่ฟังอะไรเลยฉันก็เลยรีบออกมาเลยไม่มีเวลา โทรศัพท์หาคุณขอโทษด้วยจริงๆนะ……..
“ขอโทษ?”ดูเหมือนอารมณ์ของสุพจน์จะหดหูมากจริงๆ เขาค่อยๆเข้ามาใกล้กันวิภาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หกปี แล้ว…….คุณยังจะสุภาพกับผมขนาดนี้อีกจนวิภาอยู่ด้วยกันมา หลายปีแล้วผมคิดมาอยู่ตลอดว่ามันน่าจะมีที่ที่ให้ผมอยู่ตรง กลางระหว่างพวกคุณแม่ลูกแต่ก็คิดไม่ถึง…….
พูดได้เพียงครึ่งเดียวจู่ๆสุพจน์ก็ไม่พูดต่อ
หัวใจของฉันวิภาษีบแน่นไม่กล้าจ้องมองสายตาของสุ พ จ น ต ร ง ๆ กั ม ห น้ า ล ง อย่างเงียบ ๆ แล้ว พูด พิมพ์……………ฉันคิดมาโดยตลอดว่านายเป็นเพื่อนรัก ของฉันเลยไม่ได้บอกข่าวนายฉันผิดเองครั้งหน้าฉันจะไม่ทำแล้ว”
“ครั้งหน้า?” เมื่อได้ยินดังนั้นสุพจน์จึงส่งเสียงหัวเราะออก มาเบาๆเขาพูดจาออกมาอย่างเย้ยหยันตนเอง ดูเหมือนจะไม่มี ครั้งหน้าแล้วคุณกลับมาที่ประเทศจีนคุณยังยินดีจะกลับไปที่ อเมริกาอีกงั้นหรอ?”
“ฉันยินดี! ฉันยินดีแน่นอน! “จันวิภาเงยหน้าขึ้นมา อย่างรวดเร็วจ้องมองสุพจน์ด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพูด”รอจนหา เจ้าเด็กบ้านเวสน์จนพบแล้วเราก็จะกลับอเมริกากัน ! ”
“เรา?”สุพจน์พูดอย่างหดหูเราในปากของเธอนั้นมีฉันอยู่ ด้วยมั้ยฉันคิดมาเสมอว่าความพยายามตลอดหกปีของผมจะ สามารถโน้มน้าวเธอได้ดูเหมือนว่าสุดท้ายเราก็เป็นแค่เพื่อน?
พูดจบสุพจน์จึงหัวเราะออกมาเขาขาอยู่พักหนึ่งทันใดนั้น จู่ๆก็โอบเอวของจันวิภาเอาไว้บีบให้เธอเข้าใกล้ตนเองก้ม ศีรษะลงอย่างรวดเร็วต้องการที่จะจูบกับจันวิภา
จันวิภารู้สึกตกใจกับการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของสุพจน์ จ้องมองใบหน้าที่ค่อนๆเข้าใกล้มาเรื่อยๆจนวิภา ใช้สองมือกด ไว้ตรงหน้าอกของสุพจน์แล้วผลักเขาออกไป
ในขณะเดียวกันก็หันหน้าหนีแล้วพูดตะโกนออกมาเสียง ดัง “สุพจน์นายอย่าทำอย่างนี้นะ! ฉันเห็นนายเป็นแค่เพื่อน สนิทจริงๆ! หกปีที่นายดีต่อฉันกับนิเวศน์ฉันจำได้ดีอยู่ในใจ ฉันสาบานฉันเป็นหนี้บุญคุณของนายฉันจะต้องชดใช้ให้นาย แน่! แต่ขอร้องนายอย่าทำอย่างนี้เลยนะ! ”
รู้สึกถึงการถูกปฏิเสธที่แข็งแกร่งของจันวิภาสุพจน์หยุดนิ่ง ไปครู่หนึ่งไม่ก้มหน้าลงมาจูบเธออีกแต่รักษาตำแหน่งนั้นไว้และ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เมื่อฟังคำพูดของจันวิภาจบเขาก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความหดหู่และเศร้าใจเขาโอบจนวิภาเข้า สู่อ้อมกอดถอนหายใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ”จันวิภาผมไม่ ได้ต้องการให้เธอมาตอบแทนที่ผมอยากได้น่ะไม่ใช่การใช้คืน ของเธอแต่เป็น……..ต้องการแต่งงานกับเธออยู่ด้วยกันกับ เธอตลอดไปจนแก่ชราผมหงอกไปด้วยกันแล้วมีลูกน้อยที่น่ารัก ด้วยกันใหม่อีกหนึ่งคน”
“จันวิภาผมรักเธอ”
คำสารภาพของสุพจน์ทำให้ในวิภาอดไม่ได้ที่จะผลักเขา ออกไปและยังอดไม่ได้ที่จะพูดปฏิเสธเขา
เธอเข้าใจดีสุพจน์พาเธอไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหก ดูแลพวกเขามาหกปีอ่อนโยนและละเอียดอ่อนดูแลอย่าง
จากที่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตเลยก็ได้สุพจน์สอนให้เธอพูด ภาษาอังกฤษ
ตอนที่นิเวศน์คลอดออกมาก็เป็นเขาที่เป็นพี่เลี้ยงรับผิด ชอบชีวิตของนวิภาพร้อมกับดูแลร่างกายของเธอให้ฟื้นกลับ
และจากนั้นอีกตอนที่นิเวศน์ยังเด็กบางครั้งจนวิภาก็ยัง มากจึงไม่ได้ช่วยเขาดูแลสุพจน์ก็ดูอีกับของนิเวศน์ตั้งแต่เล็ก จนโตดังนั้นจึงพูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นพ่อคนที่สองของนิเวศน์
ตั้งแต่ต้นจนจบก็มีแต่สุพจน์นี่แหละ!