พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 196
ตอนที่196สุมิตรสงสัยเธอเข้าแล้ว
“นาย! ”
หลังจากที่จันวิภาพนคำพูดออกมาอย่างโมโหเขาก็ไม่รู้ว่า จะแก้ตัวกับสุมิตรอย่างไรอีก
ที่สุมิตรพูดก็ไม่ผิดเธอได้ผ่านการแนะนำจากเจริญศรีเข้า มาโดยตรงอย่างราบรื่นไม่เคยอ่านคู่มือพนักงานอะไรนั่นทั้งนั้น และก็ไม่รู้กฎเกณฑ์ที่ดำมืดอะไรนั่นด้วย
คราวนี้อาจเป็นเรื่องน่าสังเวชสำหรับเธอเข้าเสียแล้ว!
จันวิภาไม่รู้จะทำอย่างไรเกลียดเสียจนคันยิบๆ แต่ก็ทำได้ เพียงแค่เก็บจดหมายลาออกคืนกลับมาอย่างกล้ำกลืนจากนั้น จึงหันตัวออกไปด้วยความโมโห
“รอเดี่ยว”
จันวิภาพึ่งจะเดินไปได้แค่ครึ่งเดียวสุมิตรก็เอ่ยปากพูด ออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อนเมื่อได้ยินเสียงของเขาในวิภาก็หัน กลับมาด้วยความโกรธแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นัก”ทำไม?”
เมื่อเห็นจนวิภาษีท่าทางที่โกรธแค้นในใจของสุมิตรจึง ปลื้มปีติเป็นอย่างมากแต่ในปากกลับพูดออกคำสั่งออกมาอย่างจริงจัง เธอเลิกงานแล้วก็กลับไปเตรียมตัวหน่อยนะพรุ่งนี้ เราจะต้องออกไปทำงานที่เมือง
คำพูดของสุมิตรทำให้จนวิภาฉุกคิดขึ้นมาได้พวกเขายังมี งานนี้ที่ต้องทำอีกนี่นา!
แต่ทว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องแบบครั้งที่แล้วเกิดขึ้นอีกวัน วิภาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ”งั้นครั้งนี้ถ้าพูดแล้วถ้านายก ล้าเทฉันเหมือนครั้งที่แล้วแล้วไม่โทรมาบอกก่อนอีกล่ะก็ต่อไป ฉันก็จะไม่ออกไปทำงานนอกสถานที่แล้ว!
สุมิตรพยักหน้า
เมื่อวันวิภาเห็นเช่นนี้เธอจึงวางใจแล้วหันตัวเดินออกไป เวลาหนึ่งวันผ่านเลยไปจนวิภาที่เลิกงานดึกหลับมาถึงบ้านเก็บ ของอย่างง่ายๆเอนตัวลงนอนคิดถึงเรื่องราว
ดูเหมือนราวกับจะมีร่องรอยของสุพจน์นอนอยู่บนเตียง หลังจากที่เขาจากไปเมื่อคืนก็ไม่ได้โทรหาตนเองอีกเลยและก็ ไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีก
จันวิภาอดไม่ได้ที่จะคิดอยู่ในใจคงเป็นเพราะตนเอง ทําร้ายเขาอย่างเจ็บปวดดังนั้นเขาก็เลยไม่อยากที่จะไปมาหาสู่ กับตนเองอีก
ทั้งสองคนก็กลับประเทศมาแล้วทำไมถึงไม่มาฉลองกันดีๆ ละทานข้าวกันสักหน่อยก็ได้ทำไมถึงได้วุ่นวายจนถึงวันนี้จนมี สภานเป็นอย่างนี้กันนะ……..
จนวิภาพลิกตัวหงุดหงิดอยู่ในใจล้วนแล้วแต่เป็นอารมณ์ที่ ทำให้รู้สึกผิด! หากโลกนี้ไม่ได้มีเรื่องความรักเยอะแยะ มากมายขนาดนั้นเช่นนั้นมันควรที่จะเท่าไหร่กัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้จนวิภาก็หวนนึกถึงความรักที่สุมิตรมีต่อ เจริญศรีภายในใจรู้สึกไม่พอใจและจิตตกอยู่เล็กน้อย
ไม่ใช่ทุกคนบนโกที่จะสามารถหาความรักที่มีความสุข และสวยงามได้นั้นจะต้องเข้าใจซึ่งกันและกันถึงจะถูก
จันวิภาคิดถึงเรื่องราวอย่างซึมกะทือแล้วหลับไปทั้งอย่าง นี้วันต่อมาตอนที่เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเธอลุกขึ้นยืนอยู่หน้า กระจกกุมขมับอยู่เล็กน้อยสุดท้ายก็เลือกเอาชุดปกติออกมา สวมแล้วแต่งกายแบบธรรมดา
ในเมื่อสุมิตรเห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้วเช่นนั้นจะ ให้เธอเสแสร้งต่อไปก็คงจะไม่จำเป็นยิ่งไปกว่านั้นเธอยังต้อง เผชิญหน้ากับความคิดที่จะทำให้ตัวเองขี้เหร่ในทุกๆวัน ใน ความเป็นจริงแล้วมันช่างวุ่นวายเสียจริง……..
สุมิตรมีความน่าเชื่อถือมากกว่าครั้งที่แล้วคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะมารับจันวิภาไปสนามบินถึงที่คอนโดด้วยตัวเองเมื่อ มิตรเห็นนวิภากลับมาแต่งตัวตามปกติเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม ออกมา
เสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ผมที่มัดรวบตามอำเภอใจแม้ว่า จะไม่ได้แต่งตัวอย่างน่าอัศจรรย์ใจก่อนออกไปข้างนอกแต่สุ มิตรก็พอใจกับท่าทีเช่นนี้ของเธอเป็นอย่างมาก
ผลคือเธอที่เป็นเช่นนี้สบายตาดีดูอ่อนเยาว์และมีพลัง
จนวิภาจ้องมองรอยยิ้มบนใบหน้าของสุมิตรอดไม่ได้ที่จะ เมินเฉยแล้วโยนกระเป๋าเขาไปท้ายรถอย่างไม่พอใจประโยค แรกหลังจากขึ้นรถคือ นายเป็นสุภาพบุรุษหรือเปล่าเนี่ยคิดไม่ ถึงเลยว่าจะไม่ช่วยผู้หญิงยกกระเป๋าแย่จริงๆ………จริงนาย ไม่ใช่สุภาพบุรุษมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนายมันเป็นคนสารเลว หกปีก่อนก็ใช่หกปีหลังก็ใช่อีก!
สารเลว?
สุมิตรส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆเธอมองตนเองเป็นเช่น
นงั้นหรอ?
อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดออกมาปกติฉันก็เห็นเธอ ง่ายๆสบายๆขนาดนั้นก็คิดว่าเธอจะแรงเยอะไม่ใช่หรอแม้ว่า เธอจะยกไม่ขึ้นถ้าเธอเรียกฉันสักคำฉันก็ไปช่วยเธอแล้ว
สุมิตรแสดงออกว่าให้ขอร้องฉันมันน่ารังเกียจเสียจนฉัน วิภาคันยิบๆ “นายรีบขับรถไปเดี๋ยวก็สายหรอก”
“ไม่รีบ สุมิตรพูดออกมาอย่างไม่รีบร้อน เครื่องบินรอบ สิบเอ็ดโมงเช้ายังไปทานอาหารกันก่อนได้นะเธออยากกิน อะไร?”
สิบเอ็ด โมง?!
จันวิภาโกรธเข้าเสียแล้วเธอจ้องมองสุมิตรแล้วพูดอย่าง โมโห” ในเมื่อเครื่องบินบินสิบเอ็ดโมงแล้วจะเรียกฉันให้ออกมาตั้งแต่เช้าทำไม! ”
“เพราะอยากกินข้าวเช้ากับเธอไง”สุมิตรพูดด้วยน้ำเสียง ทาสบายๆ พูดก็พูดเถอะฉันยังไม่เคยได้กินข้าวเช้ากับเธอเลย วันนี้มีโอกาสพอดีทำไมจึงไม่มาทำอย่างนั้นล่ะ?”
จันวิภายังไม่เชื่อว่าเขาจะมีอารมณ์ผ่อนคลายอย่างนี้เธอ พูดออกมาอย่างไม่พอใจ”นายเห็นว่าวันนี้ฉันไม่ได้แต่งตัวน่า เกลียดก็เลยสนใจงั้นสินะ! ”
“จันวิภา……. จู่ๆสุมิตรก็ตะโกนเรียกชื่อกันวิภาเขามอง เธออย่างลึกซึ้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยการหยอก ล้อ”ฉันไม่เคยเจอใครหลงตัวเองขนาดนี้เท่าเธอมาก่อน ใน เมื่อเธอหลงตัวเองขนาดนี้ทำไมถึงไม่แต่งตัวน่าเกลียดอีกล่ะ?”
“ฉันไม่ได้หลงตัวเอง! “จันวิภาไม่ได้อยากจะพูดแก้ตัว จริงๆแล้วเธอหลงตัวเองตรงไหนกันเธอแค่กระวนกระวายที่สุ มิตรชอบเธอที่ภายนอกก็เท่านั้นเองเธอจ้องมองสุมิตรอย่าง จริงจังแล้วพูดอย่างยั่วยุ” หรือนายกล้าพูดตรงข้ามกับใจนาย ไม่ได้รู้สึกที่ฉันแต่งตัวแบบนี้มันตอบสนองต่อความปรารถนา ของนายมากกว่าที่จริงแล้วนายก็ชอบผู้หญิงสวย
คำพูดของฉันวิภาชัดเจนมากพอแล้วอย่างไรก็ตาม ใน ฐานะที่สุมิตรเป็นผู้ชายจึงไม่ได้สังเกตุคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความ โกรธของจันวิภาเลยแม้แต่น้อย
สุมิตรขับรถพร้อมกับพูดออกมาอย่างสงบนิ่งที่เธอพูดมา ก็ไม่ผิดฉันชอบผู้หญิงแบบเธอมันดีต่อสายตาแต่ถ้าเธออยากจะแต่งตัวน่าเกลียดก็ย่อมได้ก่อนหน้านี้ที่เธอแต่งตัวหน้า เกลียดฉันก็ไม่ได้รังเกียจเธอหรอกนะเธอชอบแต่งตัวอย่างไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน?
คำพูดของสุมิตรที่พูดออกมาทำให้ฉันวิภาที่ได้ยินอดไม่ ได้ที่จะใจเต้นเร็วขึ้นเขา……เขาไม่ถือสารูปลักษณ์ภายนอกนั้น หรือ?
ทันใดนั้นเองจู่ๆจนวิภาก็นึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เธอจะแต่ง ตัวหน้าเกลียดสุมิตรก็เคยล้อเล่นกับเธอมาก่อนและยังจูบเธอ อีก……เมื่อพูดเช่นนี้เขาไม่รังเกียจจริงๆ? ตนเองไม่ได้แต่งตัว ตามปกติเขาไม่สนใจ?
ครุ่นคิดถึงคำพูดที่สุมิตรพูดออกมาเมื่อครู่นี้อย่างถี่ถ้วน รู้สึกว่าเขาพูดได้มีความหมายความขุ่นแค้นที่อยู่ภายในใจได้ ถูกคลี่คลายแล้วจันวิภาหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้เธอ หันหน้าไปข้างๆไม่กล้าให้สุมิตรสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ของตนเอง
ไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงอึดอัดเรื่องที่สุมิตรถือสารูปลักษณ์ ภายนอกของเธอเป็นอย่างมากเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้อง กับเธอเธอแค่รู้สึกไม่ดีแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว!
เมื่อพูดถึงสุมิตรเมื่อเขาเห็นจนวิภาไม่มีท่าที่ตอบสนอง หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเขาก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามออกมา อย่างอดไม่ได้ พูดไปแล้วเธอจะไม่บอกฉันจริงๆหรอว่าทำไม เธอถึงได้จงใจแต่งตัวน่าเกลียดหรือ……ที่เธอเข้าใกล้ฉันมันมีจุดประสงค์อื่นอยู่? หรือเธออยากได้อะไร?
จุดประสงค์อื่น…..จันวิภาอึ้งไปครู่หนึ่งมองดูสุมิตรเขา ต้องมองตรงมายังตัวเองนัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
เขากำลังสงสัยเธออยู่?