พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 24
ตอนที่ 24 กระวนกระวายใจ สุมิตรที่อเสียการควบคุม
เสียงที่พึ่งจะตกลงมา จันวิภาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่อยู่ รอบตัวสุมิตรเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที เธอจึงมีความรู้สึก กระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย และอยากที่จะอ้าปากเพื่อพูด อะไรบางอย่าง แต่กลับหายไปอีกครั้งหนึ่ง
สุมิตรพูดขึ้นอย่างเย็นชา”ถ้าเธอไม่ยอมก็ไสหัวไป ไม่ต้อง มายืนเป็นอนุสรณ์แห่งความบริสุทธิ์อยู่ต่อหน้าฉัน เธอนี่เป็นคน อย่างไงกันนะ ห์ ฉันยังมองไม่ออกอีกงั้นหรอ?”
“นาย.”จันวิภาอยากที่จะโต้เถียงกับสุมิตร แต่เมื่อ คิดถึงกนกอรขึ้นมาแล้ว จึงจำต้องอดกลั้นต่อไป”งั้นเปลี่ยน เงื่อนไขสักข้อนึงได้มั้ย? จะอะไรก็ได้ นอกจากอันนี้! ”
“ถ้าไม่เอาใจฉัน ก็ไสหัวไป ไสหัวไปพร้อมกับเพื่อนของ เธอ! “ทันใดสั้นสุมิตรก็บ้าคลั่งขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงเลยว่าจัน วิภาจะโต้กลับคำพูดที่เขาเต่าเธอ
จันวิภาตกใจจนกระโดดเหยงขึ้นมาทันที ก้าวถอยไปข้าง หลังอยู่สองก้าว แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว หลังจากทำการต่อสู้ทาง ความกันอยู่ยาวนาน จึงจับไปที่มุมของเสื้อผ้าจนแน่น กัดที่ริม ฝีปากแล้วเดินตรงไปข้างหน้า จากนั้นจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ฉัน…ฉันรับปากนาย แต่นายต้องให้กนกอรอยู่ต่อไป…. ”
“ที..* นัยน์ตาของสุมิตรเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที”ดีมาก จันวิภา ในที่สุดเธอก็ยอมรับแล้วว่าตนเองคือผู้หญิงร่าน?”
เมื่อได้ฟังคำพูดของสุมิตร จันวิภาจึงแทบอยากที่จะเปิดประตูเดินออกไป แต่ทว่าเพื่อเพื่อนสุดที่รักของเธอกนกอรแล้ว เธอจึงไม่สามารถที่จะทำตามอำเภอใจได้
คาดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเห็นจันวิภาที่ยังไม่ได้ไปไหน สุมิตรจึง โกรธอย่างคลุ้มคลั่งขึ้นมา เขาเดินไปหาจันวิภาทันที บีบข้อมือ ของเธอ แล้วโยนเธอลงบนเตียงที่อยู่ข้างๆ
จันวิภากัดฟันเอาไว้จนแน่น รู้สึกได้ถึงแกงกดทับของสุ มิตรกำลังคืบคลานเข้ามา ไม่กล้าแม้จะลืมตาขึ้น ปล่อยให้สุ มิตรขยับไปมาตามอำเภอใจ
แต่ทว่าสุมิตรจะพึงพอใจได้อย่างไรกัน เขาพูดขึ้นมาอย่าง เย็นชา”ครางออกมาให้ผมฟังหน่อย! ”
“…”คำตอบที่ตอบเขากลับเป็นความเงียบสงัด
จันวิภาไม่สนใจคำพูดของสุมิตร กัดริมฝีปากเอาไว้ไม่พูด ออกมาและไม่อ้าปาก
สุมิตรเพิ่มแรงใส่ให้ลึกขึ้นในทันที พูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้ง กระหายเลือดและหนาวเหน็บ “จันวิภา ผมต้องการให้เธอเอาใจ ผม! ครางออกมาเดี๋ยวนี้ เพื่อนของเธอถึงจะอยู่ต่อไปได้!
น้ำตาของจันวิภาไหลหยดลงมาอย่างไม่มีเหตุผล หาก เป็นตอนปกติแล้ว เธอไม่มีทางที่จะรับปากสุมิตรอย่างแน่นอน แต่ทว่าเพื่อกนกอร ในวันนี้แล้ว เธอจึงทำได้เพียงแค่อ้าปาก ออกมา แล้วส่งเสียงร้องครางออกมาอย่างแผ่วเบา
“นั่งรานเอ๊ย! ”
สุมิตรคลุ้มคลั่งเป็นอย่างมากแล้วโกรธแต้นอย่างถึงที่สุด การเรียกร้องที่บ้าระห่ำ จนถึงที่สุดจึงพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ข้อเรียกร้องของเธอ ผมรับปากแล้ว”
พูดจบ จึงได้เรียกสาวใช้เข้ามา ออกคำสั่งให้พวกเธอเก็บ กวาดห้องของกนกอร
จันวิภาลมลงอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง สีหน้าขาวซีต แม้กระทั่งแรงที่จะต่าสุมิตรที่ไร้ยางอายก็ไม่มีเหลือเลย แต่เมื่อ มองสุมิตรออกคำสั่งให้คนทำความสะอาดห้องให้กนกอร จาก นั้นจึงได้วางใจ
เมื่อตอนที่จันวิภาเกิดความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ ทันใดนั้น เองจึงได้มีมือข้างหนึ่งบีบคางของเธอเอาไว้
สุมิตรมองเธอลงมาจากที่สูง”เธอควรที่จะมีความสุขนะที่ การทุ่มเทของเธอมันมีค่า อย่างน้อยเพื่อนของเธอก็ยังอยู่ จริง ไหม?”น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความเยาะเย้ยและถากถาง
จันวิภาถลึงตาจ้องมองสุมิตรอย่างโหดเหี้ยม หากวันนี้ไม่ ได้ทำเพื่อกนกอรแล้วล่ะก็ แม้ถึงตายเธอก็ไม่มีทางที่จะยอมทำ ตามความปรารถนาของสุมิตรอย่างแน่นอน
สุมิตรยังคงหัวเราะเยาะจันวิภาอยู่ ก้มศีรษะลงมอง เธอครั้งหน้าตอนที่เธอเอากับผม ร่างกายก็ต้องช่วยๆกัน หน่อย ไม่งั้นมันจะไม่ง่ายนะ! ”
“มันจะไม่มีครั้งที่สองอีก! “ในที่สุดจันวิภาก็พูดออกมา อย่างไร้ความอดทน เธออดกลั้นเอาไว้และไม่มองไปทางสุมิตรอีก แล้วหันหลัง
“จะไม่มีครั้งที่สองอีก?”ด้านหลังของเธอเป็นเสียงที่ เหยียดหยามของสุมิตร “เธอนี่ไม่ดูเลยว่าตัวเองเป็นใคร สกปรกแค่ไหน? ไม่ใช่แม้แต่ผู้หญิงพรหมจารี นังร่าน! แต่มัน ก็ไม่สำคัญ เธออย่ามาพูดให้มันมากเกินไป มันมีเวลาที่เธอยัง ต้องการผมอยู่”
จันวิภาโกรธเสียจนหน้าแดงไปถึงใบหู เมื่อเห็นสุมิตร กำลังสวมใส่เสื้อผ้า จึงลุกขึ้น รีบสวมใส่เสื้อผ้าแล้วเตรียมตัว ออกไป
เสียงหัวเราะเยาะของสุมิตรที่เกิดได้อย่างถูกที่ถูกเวลาดัง ขึ้นมาอีกครั้ง “จันวิภา เธอจะเสแสร้งว่าเคารพรักตัวเองไป จนถึงเมื่อไหร่กัน? หากเธอรั้งเอาไว้ไม่ไหวแล้ว ต้องจำไว้ว่า ต้องบอกผมล่วงหน้านะ! ”
ถอนหายใจออก จันวิภามองผ่านสุมิตรไป หลังจากสวม เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงเดินตรงออกจากห้องไป ความอึดอัดใจ โมโห อับอาย ทุกข์ระทม ปวดร้าว.ที่มีต่อสุมิตร น้ำตาของ จันวิภาตกลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด อย่างถึงที่สุด…
อย่างไรก็ตาม เธอกลับไม่พบว่า สีหน้าของสุมิตรหลังจาก ที่เธอหันตัวเดินออกไป ได้เปลี่ยนเป็นอีมครีมขึ้นมาทันที เขากวาดสิ่งของทุกอย่างที่วางอยู่ด้านบนโต๊ะชงชาจน
ตกลงสู่พื้นอย่างระเนระนาด กระแทกหมัดเข้าไปที่กำแพงอย่างรุนแรง สายตาอ็มครีม ราวกับจะดูเปลวไฟแผดเผา
“จันวิภา ยัยผู้หญิงต่ำข้า เธอมีความทะนงตนขนาดไหน กันนะ ต้องเสแสร้งจนถึงตอนนี้เลยหรือไง?”
สุมิตรโมโห ราตรีนี้ แม้แต่ตัวของเขาเองก็ยังไม่เคยเจอ ตนเองที่ควบคุมตัวไม่ได้มาก่อน
จันวิภาลงไปที่ชั้นล่างอย่างจนตรอก เธอจัดการกับเสื้อผ้า ของตนเองอยู่เล็กน้อย เมื่อหันศีรษะมองกลับไปจึงพบว่าห้อง ของสุมิตรได้ถูกปิดลงแล้ว จึงจะไปหากนกอรด้วยรอยยิ้มที่เข้ม แข็ง
กนกอรนั่งรอจันวิภาอยู่ข้างในห้องมาโดยตลอดด้วยท่าที ร้อนรน หลังจากเห็นจันวิภาเข้ามาแล้วเธอจึงรีบถลันไปข้าง หน้าอย่างรีบเร่ง
เพียงแค่ได้ยินจันวิภาเอ่ยปากพูด”กอร เธอวางใจนะ เธอ สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้” พูดจบ เธอจึงยิ้มให้กนกอร
กนกอรได้ยินคำพูดนี้จึงรู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมาก แต่เมื่อ เห็นสีหน้าของจันวิภาที่ขาวซีดอยู่นิดหน่อยแล้ว จึงเอ่ยปากขึ้น ถาม “จัน เธอเป็นอะไรไป?”
“ฉันสบายดี ไม่เป็นไร ฉันอยากออกไปเดินเล่นหน่อยนะ เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” จันวิภาพูดอย่างหมดแรง
กนกอรรู้สึกตะหงิดใจ แต่ว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธไป แล้วพยักหน้า
ดังนั้นจันวิภาจึงจูงมีอกนกอรเดินออกไป ออกไปจากบ้าน วิบูลย์ธนภัณฑ์ จิตใจของเธอย่ำแย่ พากนกอรเดินไปอย่างไร้ จุดมุ่งหมาย พวกเขาทั้งสองเดินอยู่บนถนนที่ด้านข้างติดกับ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
พวกเขาทั้งสองเดินตรงไปในสวนสาธารณะ ฟากฟ้ายิ่งมีด
มดลงเรื่อยๆ
“จัน พวกเรากลับกันเถอะ?”กนกอรพูด
จันวิภาส่ายหัว ยกเปลืองตาขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง”กอร เรา เดินกันต่อเถอะ ฉันอยากอยู่สงบๆ”
แท้จริงแล้วเธออยากจะพูดขึ้นว่า เธอทุกข์ระทมเป็นอย่าง มาก ภายในใจรู้สึกโศกเศร้า มันช่างโศกเศร้าเสียจริง..แต่ เพียงแค่จะอ้าปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก็ยังโชคดี ที่ เธอยังมีเพื่อนสนิทคอยอยู่เป็นเพื่อน!
สุมิตรลงมาจากชั้นบน เดิมทีนั้นเขาคิดว่าจันวิภากับเพื่อน ของเธอจะนั่งอยู่ในห้องอาหารชั้นล่าง แต่มันกลับว่างเปล่าไร้ ผู้คน
เขาขมวดคิ้วขึ้นมา สุมิตรจึงเอ่ยปากพูดขึ้น”เรียกจันวิภา กับเพื่อนของเธอมากินข้าวชั้นล่าง”
พูดจบ สุมิตรจึงนั่งลงอยู่ทางด้านหน้าของโต๊ะ และได้ยิน เสียงของสาวใช้ตอบด้วยความเคารพ”นายน้อย คุณผู้หญิงกับ คนคนนั้นออกไปแล้วค่ะ”
“ออกไปแล้ว? ตอนไหนกัน”สุมิตรสีหน้าอืมครีมเล็กน้อย