พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 26
ตอนที่26 หยอกเล่นอย่างไม่แคร์สายตา
“จะฉวยโอกาสตอนฉันอยู่ในอันตราย? พูดตลกอะไรกัน เธอเป็นภรรยาของผม เรื่องที่ผมทำตอนนี้มันถูกต้อง! –
“นาย..จันวิภาหายใจถี่”ปล่อยฉัน! ๒
ทางด้านของสุมิตร เขาขี้เกียจที่จะอธิบาย หลังจากที่ฉีก กระฉากเสื้อที่อยู่บนเรือนร่างของจันวิภาออกแล้ว จึงหยิบผ้า ขนหนูที่วางไว้อยู่ตรงข้างบนหัวเตียงขึ้นมา แล้วเซตหยดน้ำที่อู่ บนร่างกายของเธอ
หลังจากทำเสร็จ จึงตึกผ้าห่มออกมา ห่มร่างกายของเธอ เอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ยังสั่งให้คนไปเอาชุดใหม่มาให้จัน วิภาเปลี่ยน
แต่อย่างไรก็ตาม จันวิภาเหนื่อยล้าเกินไปแล้วสำหรับวันนี้ ตอนที่รอสาวใช้เอาเสื้อผ้ามาให้ เธอก็ได้หลับไปเสียแล้ว
สุมิตรชำเลืองมองไปที่จันวิภา ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่กลับไม่ ได้พูดอะไร หลังจากที่เขาให้สาวใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนอนให้ เธออย่างระมัดระวัง เขาก็เดินออกจากห้องไป เหลือไว้แต่เพียง จันวิภาที่นอนหลับอย่างแน่นิ่งอยู่ในห้องคนเดียว
ตั้งแต่แต่งงานกับสุมิตรมา จันวิภาก็ไม่เคยที่จะได้นอน กลับสนิทเช่นนี้มาก่อน
เข้าวันที่สอง หลังจากที่ท้องฟ้าสว่างจ้า จันวิภาจึงจะตื่น จากการหลับใหล
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา จันวิภาจึงยังมี ความรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย เติมสุมิตรต้องการที่จะใช้ ประโยชน์จากการอ่อนล้าของถอดเสื้อผ้าของเธอ..แต่ทว่า ต่อมา ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงได้นอนหลับอยู่!
จันวิภาส่ายหัวอย่างรุนแรง เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดอะไรให้ มากมาย เมื่อเห็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงแล้ว เธอจึงหยิบมันแล้วเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ตอนที่อาบน้ำ จันวิภาก็คิดถึงเรื่องของเมื่อคืนอีกครั้ง จึง รู้สึกหวาดกลัวในเลาต่อมา ไม่อาจรู้ได้เลยว่าตอนนี้กนกอรจะ เป็นเช่นไรบ้าง เธอเป็นห่วงจริงๆ!
หลังจากที่จันวิภาอาบน้ำในห้องอาบน้ำอยู่นิดหน่อยแล้ว จึงอยากที่จะลงไปชั้นล่างเพื่อหาอะไรกินสักหน่อย จากนั้นจึงไป หากนกอรที่ห้องอีกครั้ง เพื่อให้เขามากินด้วยกันกับตนเอง
จากนั้น ตอนที่กำลังเตรียมที่จะลงไปชั้นล่าง ทันใดนั้นเอง จันวิภาก็ได้ยินเสียงๆเสียงดังมาจากห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เธอ งุนงง แล้วเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
ยืนอยู่บนบันได มองลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ จันวิภาเกือบที่จะล้มกลิ้งลงไป ที่อยู่ในห้องนั่งเล่นตรงนั้น สุมิตร กับกนกอรกำลังคลอเคลียกันราวกับไม่มีใครอยู่
กนกอรนั่งไขว้อู่บนร่างกายของสุมิตร มือข้างหนึ่งของสุ มิตรจับเอวของกนกอรเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งจับคางของเธอ ท่าทางของคนทั้งสองคนนี้มันช่างน่าคลุมเครือเป็นอย่างยิ่งกนกอรยิ้มอย่างเข้ายวนและกำลังป้อนผลไม้ให้สุมิตรรับ
ประทานอยู่
จันวิภาขยีตาอีกครั้ง กระทั่งหยิกตนเองเพื่อพิสูจน์ว่า ตนเองไม่ได้ฝันอยู่ หลังจากตนเองแน่ใจว่าที่กำลังมองเห็นอยู่ นั้นยังคงเป็นสองคนนั้น จึงรีบปิดปากของตนเองอย่างรวดเร็ว และประหลาดใจ
โอ้ พระเจ้า! เธอเห็นอะไรเข้าให้แล้ว.. เธอคือเพื่อนที่สนิทที่สุด ส่วนเขาเป็นสามี….
จันวิภานั่งลงบนบันได ร่างกายสั่นเทาและล้มลงกับพื้น น้ำตาไหลลงมาจากเปลือกตา
“เพราะอะไร? ทำไมถึงทำอย่างนี้?
จันวิภาพิงเข้ากับราวบันได ตอนนี้เธอเพียงแค่รู้สึกไม่ สามารถที่จะทำใจยอมรับได้ แต่ทว่านี้มันเป็นเรื่องจริง! ใน เวลานี้ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอนึกขึ้นมาได้จาในสมองทันที
จันวิภานึกถึงฉากเมื่อวานที่ตนเองไปข้อร้องสุมิตรเพื่อนที่ จะให้กนกอรได้อยู่ต่อไป
สุมิตรบีบบังคับให้เธอยินยอมเขา เธอไม่เห็นด้วยเป็น อย่างยิ่ง เขาจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาทันที”เธอไม่คิดถึงเพื่อนของ เธอสักหน่อยหรอ? ที เพื่อนของเธอดูจะเชื่อฟังมากกว่าเธอเสีย อีก”
“นายพูดว่าอะไรนะ?”จันวิภามีท่าทีตอบสนองทันที จึงถามออกไปอย่างงุนงง
“ฉันบอกว่า ถ้าฉันต้องการให้เพื่อนของเธอมาเอาใจผม เขาก็คงเชื่อฟังมากกว่าเธอแน่นอน..”สุมิตรพูดออกมาอย่าง ข้าขัน
“เป็นเพราะเรื่องเมื่อวานนั่น….”จันวิภากระซิบกับตนเอง แล้วมองไปยังกนกอรกับสุมิตรที่อยู่ชั้นล่างอีกครั้ง ในใจได้มี การตัดสินใจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ! สุมิตร ฉันคิดว่านายใจดีที่ให้ กนกอรอยู่ต่อ แต่คิดไม่ถึงเลยว่านายจะไร้ยางอายเช่นนี้ ถึง ขนาดกล้าลงมือกับกนกอร สารเลว! ”
จันวิภาโกรธแค้นมาก เพียงแค่คิดถึงสุมิตรที่กำลังลงมือ กับกนกอร ก็เกิดความไม่พอใจขึ้น
และทางด้านนั้น ผลไม้ก็ถูกป้อนจนเกลี้ยง กนกอรจึงลงมา
จากร่างกายของสุมิตร
จันวิภาเดินลงบันไดไป ยังไม่ทันที่จะได้โกรธ กนกอรก็ได้ เห็นจันวิภาเดินลงบันไดมา จึงหันตัวกลับไปแล้วยิ้มให้จันวิภา แล้วพูดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”จัน ทำไมตื่นสายอย่างนี้? ฉันจำได้ว่าเดิมเธอเป็นคนที่ตื่นเช้านะ ไม่ใช่ว่าไม่สบายงั้น หรอ?”
จันวิภาตกตะลึงขึ้นมาทันที เธอไม่คิดเลยว่ากนกอรจะสงบ นึ่งเช่นนี้ ไม่มีความกระวนกระวายใจอยู่เลยแม้แต่น้อย มันไม่มี ร่องรอยอะไรออกมาให้เห็นเลย
จันวิภาเชื่อถือเพื่อนตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงมองไปยัง สุมิตรที่อยู่ทางด้านนั้น รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขาให้ความ รู้สึกที่น่าขนลุก นี่จะทำให้ตนเองมั่นใจมากขึ้นกับสิ่งที่คิด สุ มิตรจะต้องบีบบังคับกนกอรแน่ๆ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จันวิภาจึงยิ้มออกมา แล้วตอบคำพูดของ กนกอรแบบเป็นนัย”ไม่เป็นไร เมื่อคืนตอนเช้าก็เลยตื่นสายหน่อยนะ!
กนกอรมองไปที่จันวิภาอีกเธอไปนอนต่อไม่ดีกว่าหรอ? “ใบหน้าของเธอความใส่ใจ แล้วนั่งลงอยู่ข้างๆจันวิภา
สุมิตรที่อยู่ข้างๆ จ้องเขม็งมองจันวิภาอยู่ตลอด รอยยิ้ม
ช่างคาดเดาได้ยาก แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา จันวิภาหาได้สนใจสุมิตรไม่ จากนั้นจึงยิ้มออกมา”ไม่ได้ ร้ายแรงอะไร”
“แต่สีหน้าของเธอดูสามารถที่จะคาดเดาได้เลยว่าจันทุกเหตุการณ์แล้ว ดังนั้นจึงยังไม่ได้
“นายน้อยสุมิตร ฉันคิดว่าสีหน้าของสบายจริงๆนะทำไมคุณคุณไม่พาเธอไปหาสักหน่อยล่ะ? ฉันได้ยินมาว่านายน้อยสุมิตรมีทุกโรงพยาบาลเลยไม่ใช่หรอ?”
กนกอรมีสีหน้าจริงจัง เป็นห่วงตนเองเป็นอย่างยิ่ง ทำให้จันวิภาเชื่อว่าเธอนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์
จากนั้นสุมิตรกลับยักไหล่ขึ้น พูดขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่
แยแส “ร่างกายของตัวเอง ตัวเองรู้ดีที่สุด เธอไม่ตองกังวล หรอก! เขาเป็นภรรยาของผม ผมไม่ปล่อยให้มีเรื่องอะไร เกิดขึ้นกับเธอหรอก! ”
เมื่อจันวิภาได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของสุมิตร จึงได้ดูถูกเหยียดหยามอยู่เล็กน้อย แต่เนื่องจากกนกอรยังอยู่ที่ นี่ จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
หากคิดกันตามตรงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่ากนกอรอยู่ที่นี่ แล้วล่ะก็ สุมิตรก็คงจะไม่มีทางที่จะพูดเช่นนี้ออกมาได้ ความ อ่อนโยนของเขาเพียงแค่แสดงออกมาให้คนภายนอกออกมา เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่สนใจมัน
“ฉันไม่ได้ป่วยร้ายแรงอะไร แต่เธอล่ะกอร เมื่อคืนวานที่ เธอล้มลงไปล่ะ? ทำเอาฉันตกใจแทบแย่ ตอนนี้เธอรีบไปตรวจ ที่โรงพยาบาลเถอะ” พูดจบ จันวิภาก็หันหน้ามามองสุมิตรอีก ครั้งหนึ่ง
กนกอรยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องใส่ใจ ฉันไม่ไดเป็นอะไร อาจจะเป็นเพราะไม่กี่วันมานี้ฉันไม่มีความอยากอาหารเลย น้ำตาลในเลือดก็เลย ต่ำน่ะ”