พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 34
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 34 การร้าย ติดกับเข้าแล้ว
ในตอนนี้ สุมิตรเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำ จึง ทำให้กนกอรตกใจจนกระโดดเหยกขึ้นทันที เป็นผล มือไม่อ่อน และหยกก็ล่วงหล่นลงกับพื้น
ใครให้เธอขยับมัน?” สุมิตรตะคอกออกมาทันที เขารีบเดินและเก็บหยกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันเป็น สิ่งของที่ล้ำค่า แม้แต่กนกอรเองก็ยังตกใจกลัวเขาจน แทบจะ
สุมิตรเงยหน้าขึ้น สายตาเยือกเย็น จ้องมองกนก อรอย่างโหดเหี้ยม ทำให้คำพูดของกนกอรที่อยากจะ พูดอธิบายออกไปติดอยู่ในคอ
สุกนกปากพูด ก็ได้ถูกสุมิตรขัดขึ้น มาทันที ทำได้เพียงแค่ฟังเจาตระโกนออกมาด้วยความ โมโห ไสหัวออกไป
กนกอรตกตะลึง ร่างกายสั่นเทา ในใจมีความ สับสนอยู่นิดหน่อย เธอไม่เข้าใจอยู่นิดหน่อย โดยปกติ แล้วสุมิตรจะไม่ค่อยทำดีกับจันวิภาสักเท่าไหร่ และพวก เขาทั้งสองก็ดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกอะไรให้แก่กัน แล้วทำไมสุมิตรถึงได้ทะนุถนอมหยกของจันวิภากันนะ?
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
ยังไม่ทันที่กนกอรจะมีเวลาพอที่จะคิดเกี่ยวกับ เรื่องนี้ ก็ได้ยินเสียงตะวาดของสุมิตรดังออกมาไม่หยุด หย่อน “อย่าให้ผมต้องพูดถึงสามครั้ง รีบไสหัวออก
กนกอรสะดุ้งโหยงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้า ของสุมิตรที่ย่ำแย่ ก็ไม่กล้าที่จะลังเลอีก แล้วจังรีบออก ไปจกห้องของเขา
หลังจากออกจากห้อง กนกอรจึงถอนหายใจออก มายาวๆ แล้วพูดกระซิบกับตนเอง “คิดไม่ถึงเลยว่าสุ มิตรจะโกรธได้น่ากลัวขนาดนี้ แต่ แท้จริงแล้วสุมิตร ชอบจันวิภาหรือเปล่านะ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย สะแล้ว! ”
เช้าตรู่วันที่สอง หลังจากจันวิภาตื่นขึ้นมาก็พบว่า ชั้นล่างไม่มีใครอยู่เลย สุมิตรกับกนกอรราวกับหาย สาบสูญไป
แม้ว่าจันวิภาจะสงสัย แต่ในใจกลับเงียบสงบ เธอ คิดว่าถ้าหากสุมิตรกับกนกอรยังอยู่ละก็ มันก็คงจะยิ่ง หนักมือกว่านี้อีก
เมื่อคิดอย่างนี้ รอยยิ้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยของจัน วิภาก็ได้ปรากฏขึ้นมา
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลงไปกินข้าว ที่ชั้นล่าง เดินที่มันดูเหมือนจะเป็นวันที่ปกติธรรมดา แต่ ทว่าหลังจากกินข้าวเสร็จ ทันใดนั้นเองจันวิภาก็ได้รับ สายโทรเข้าของกนกอร
“จันวิภา..จันวิภา ฉันมีเรื่องจะขอร้องให้เธอ ช่วยหน่อยได้ไหม?” เสียงโทรศัพท์ต้นสายของกนกอร กำลังร้องไห้อยู่ ทำให้จันวิภาแปลกใจอยู่เล็กน้อย
จันวิภาคิดว่ากนกอรโทรมาหาเธอเพื่อที่จะพูด เรื่องของสุมิตร ดังนั้นจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างไม่ลังเล ว่า “ทำไม? เธอจะมาพูดเรื่องสุมิตรอีกแล้วหรอ?”
“ไม่ใช่ๆ …” กนกอรีบพูดตอบ น้ำเสียงดูรีบร้อน เป็นอย่างมาก “จันวิภา แม่เลี้ยงของฉันเล่นพนันมาแล้ว แพ้หมดตัว และตอนนี้เธอกำลังพลิกแผ่นดินหาฉันอยู่ เพื่อจะจับฉันกลับไป เธอรีบมาช่วยฉันหน่อยได้ไหม? พวกเราเป็นพี่น้องกันมาหลายปีแล้ว เรื่องก่อนหน้านี้ที่ ฉันแย่งสามีของเธอนะฉันผิดเอง แต่ครั้งนี้ช่วยฉัน หน่อยได้ไหม?” น้ำเสียงของกนกอรนั้นยิ่งต่ำและแหบแห้งขึ้น
เรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของความสิ้นหวังในน้ำ เสียง นั่นทำให้จันวิภาทนไม่ได้อยู่เล็กน้อย
“เธออยู่ที่ไหน?” จันวิภาเอ่ยถาม
แต่ทว่าในตอนนี้ ปลายเสียงโรศัพท์อีกด้านกลับ เปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชาย เสียงของเขาหยาบคายและไม่ น่าฟังเป็นอย่างมาก เอ่ยปากพูดตระโกนออกมา “ใน หนึ่งชั่วโมง ถ้าหาเงินหนึ่งแสนมาไม่ได้ ชีวิตน้อยๆของ กนกอรก็จบสิ้นกัน!
ประโยคนี้ทำให้จันวิภาตกใจกลัวจนเหงื่อไหล ออกมาเย็นเฉียบ เธอยังต้องการที่จะถามอะไรบาง อย่างอยู่ แต่ทว่าคนผู้นั้นกลับไม่ได้ให้โอกาสเธอเลย แม้แต่นิดเดียว หลังจากพูดสถานที่แลกเปลี่ยนกับเธอ เสร็จเรียบร้อยก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไป
“นี่…นี่ฉันควรทำไงดี? ! 4. จันวิภาวาง โทรศัพท์ และมีความลังเลอยู่เล็กน้อย
เมื่อคิดถึงเรื่องที่กนกอรใสร้ายตนเองต่อหน้าสุ มิตร กล้าทำเรื่องเช่นนั้นออกมาได้ ทำให้เธอโกรธแค้น เป็นอย่างมาก แต่ทว่า เมื่อคิดถึงกนกอรที่กำลังจะเป็น อันตรายถึงชีวิตอยู่ ณ ตอนนี้ หากเธอไม่ช่วยแล้วล่ะ
ดังนั้น หลังจากที่คิดเกี่ยวกับมัน จันวิภาจึงยึดมั่น กับใจตนเองว่าจะต้องไปช่วยกนกอร สุดส้ายแล้วจิตใจ ก็ได้อ่อนลง ถึงอย่างไรทั้งสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนรักกันอยู่ นาน
หลังจากตัดสินใจแล้ว จันวิภาจึงหยิบบัตร ธนาคารออกมาจากกระเป๋า หลังจากถอนเงินแล้ว จัน วิภาจึงได้ไปยังสถานที่แลกเปลี่ยนนั่นเพียงลำพัง
สถานที่นัดคือในบาร์แห่งหนึ่ง ด้านในมีคนเยอะ มาก จันวิภาคิดว่าชายคนนั้นกำลังหลบซ่อนเขาอยู่ แต่ ดูเหมือนว่ามันไม่ถูกต้องนัก
แต่ทว่าจันวิภาก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากมาย แล้ว ต้องช่วยกนกอรออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
จันวิภาเดินไปๆมาๆอยู่ข้างในบาร์ แต่กลับหาชาย คนที่ดูเหมือนกำลังรอเธออยู่ไม่เจอเลย ตอนนี้ จันวิภา จึงเข้าใจอะไรบางอย่างได้ทันที ตนเองคงจะถูกใคร บางคนหลอกเข้าให้แล้ว จะมีใครที่ไหนกันที่จะแลก เปลี่ยนเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้กันในบาร์
เมื่อคิดเช่นนี้ จันวิภาจึงรีบเดินออกจากบาร์ไปใน ทันที แต่ทว่า ณ ตอนนี้ ได้มีคนกลุ่มหนึ่งมารายล้อมเธอ เอาไว้ และขวางทางเธอเอาไว้อยู่
กลุ่มนั้นมีชายวัยกลางคนเป็นหัวหน้า “น้องสาว อย่าพึ่งไปสิ ฉันเห็นเธอเดินถือกล่องขนาดใหญ่อย่างนี้ เข้าไป เดินอยู่รอบนึงก็จะไปสะแล้ว? คนเรานี่ไม่กลัวกัน บ้างเลย? อย่ากลัวไปเลย พี่ชายคนนี้จะหนุนหลังให้คุณ เอง! ”
คำพูดเหลาะแหละของชายคนนั้น ทำให้จันวิภาไม่ สบายใจเป็นอย่างมาก เธอเงยหน้าขึ้นมามองชายคน นั้นอยู่แวบหนึ่ง จึงเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ฉัน ไม่ได้พักอยู่ที่นี่ ก็เลยต้องออกไป รบกวนพวกคุณหลบ ออกไปหน่อย”
“โอ้ว น้องสาวเข้ามาในบาร์เถอะ ยังไม่ได้ทำเรื่อง อะไรเลยก็จะไปสะแล้ว? นั่นมันเหมือนกับว่าบาร์ของ เรามันรับแขกได้ไม่ดี มาๆๆ น้องสาวดื่มเหล้าสักแก้ว แล้วค่อยไปเถอะ” คนๆนั้นแม้ว่าจะพูดมากขนาดนี้ แต่ กลับมีความหยอกล้ออยู่ในน้ำเสียงนั่นอย่างกชัดเจน ทำให้ผู้ติดตามที่อยู่ข้างๆต่างพากันหัวเราะ
เมื่อจันวิภาเห็นคนๆนั้นกำลังวุ่นวายกับตนเองอยู่ สีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นอึมครีมขึ้นมาทันที “ไม่ต้อง พวก คุณหลบฉันหน่อย”
อย่างไรก็ตามชายคนนั้นกลับฉีกยิ้มมากขึ้นไปอีก เขาดึงมือของจันวิภาเอาไว้ และเริ่มที่จะลงมือกับเธอ
จันวิภาจึงรีบดิ้นขึ้นมาทันที แต่มันก็เกือบไร่
ประโยชน์
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเองก็เหมือนกับมีคน ตระโกนเรียกเธออยู่จากที่ไกลๆ ดังนั้นเขาจึงรีบปล่อย มีอของจันวิภาออกไปทันที
จันวิภาเห็นโอกาสเช่นนี้ จึงรีบวิ่งหนีออกไปอย่าง
รวดเร็ว
แต่ทว่า จันวิภากลับไม่ได้สังเกตเห็น ในชั้นสอง ของบาร์ที่อยู่ไม่ไกลนัก มีคนสองคนกำลังจ้องมองเรื่อง ราวทั้งหมดที่อยู่ในชั้นล่าง ทั้งยังถ่ายรูปเก็บเอาไว้อีก ด้วย
และชายหนึ่งหญิงหนึ่งคู่นี้ช่างประจวบเหมาะกับ กนกอรและชายคนนั้นที่กำลังโทรศัพท์อยู่เมื่อครู่นี้ คน ทั้งสองสมรู้ร่วมคิดกัน
ทางด้านของจันวิภายิ่งตรงไปตลอดทาง เหงื่อไกล ออกมาจากหน้าผากของเธอ และด้วยความเร่งรีบผม จึงยุ่งกระจายอยู่เล็กน้อย
เธอวิ่งไปพรางมองข้างหลังไปพลาง กลัวว่าคนที่ อยู่ในบาร์พวกนั้นจะตามมาอีก โชคดีที่คนพวกนั้นดู เหมือนจะไม่ตามมา จึงทำให้จันวิภาค่อยๆวิ่งซ้าลง
หลังจาดแน่ใจว่าไม่มีใครตามเธอมาแล้ว จันวิภา จึงถอนหายใจออกมายาวๆ ด้วยความโล่งอก แล้วตบ ไปที่หน้าอกของตนเอง ตอนนี้เธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมา กดเบอร์ของกนกอรแล้วโทรกลับไป
แต่ทว่าโทรศัพท์ของกนกอรได้ปิดเครื่องเอาไว้อยู่ ตลอด หลังจากจันวิภาพยายามอยู่หลายครั้ง จึงถอนหายใจออกมา และไม่โทรต่อไปอีก