พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 35
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 35 บทลงโทษของสุมิตร
ในเวลานี้ ดวงอาทิตย์ตกลงลับขอบฟ้าแล้ว อากาศไม่ร้อนมากนัก และยังมีกลิ่นอายเย็นๆ หลงเหลือ อยู่
จันวิภาหลับตาลง ลมพัดผ่านมา เธอตัดสินใจเดิน บนถนนต่อไป
หลังจากฝากเงินกลับเข้าธนาคารแล้ว จันวิภาก็ เดินอย่างไร้จุดหมายบนถนน แต่ทว่าการที่ก้าวเดินไป อย่างไร้จุดหมายเช่นนี้จึงทำให้อารมณ์หงุดหงิดของ เธอไม่กี่วันมานี้ดีขึ้นมาอยู่เล็กน้อย และลืมเรื่องราวที่ น่ารำคาญของสุมิตรกับกนกอรไปชั่วขณะ
หลังจากท้องฟ้ามืดลง จันวิภาจึงได้กลับสู่บ้าน
วิบูลย์ธนภัณฑ์
เข้าประตูไป พึ่งจะเดินไปถึงห้องรับแขก จึงได้ยินสุ มิตรกับกนกอรกำลังกระซิบกระชากพูดถึงเรื่องอะไร บางอย่างอยู่
จันวิภารู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย และต้องการที่จะ เดินขึ้นไปชั้นบน แต่ทว่าทั้งสองคนนั้นกลับเห็นเธอเข้า หลังจากที่กนกอรเห็นจันวิภากลับมาถึง สีหน้าได้ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เธอพยักหน้าไปทางสุมิตร จากนั้นจึงออกไปอย่างรีบร้อน
วิ่งนี้ยิ่งทำให้จันวิภาเพิ่มความมึนงงยิ่งขึ้นไปอีก เธอครุ่นคิดและเดินไปมา ต้องการพูดอะไรบางอย่าง กับสุมิตร แต่กลับเห็นสีหน้าที่อืมครีมของสุมิตรกำลัง จ้องมองตนเองอยู่
เรือนร่างของจันวิภาสั่นเทาไปโดยไม่รู้ตัว ตกใจ อยู่เล็กน้อย ตอนที่ต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างออก มา ทันใดนั้นเองสุมิตรก็ได้สะบัดซองจดหมายที่อยู่บน โต๊ะกาแฟไปทางด้านหน้าของจันวิภา
“ดูเรื่องดีๆ ที่เธอทำเอาไว้สิ”
จันวิภาไม่เข้าใจ เธอลังเลอยู่นิดหน่อย แต่ก็หยิบ ซองจดหมายนั่นขึ้นมา แล้วเปิดมันออก
ด้านในมีรูปภาพอยู่กองหนึ่ง จันวิภาหยิบมันขึ้น มา พอมองดูรูปภาพพวกนี้ ทันใดนั้นสายตาก็เครียด ขึ้นมาทันที
สุมิตรสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงที่เล็กๆน้อยๆของ วันวิภามาโดยตลอด และยังคิดว่าเธอขาดความเชื่อมั่น ในตนเองอยู่
เมื่อคิดอย่างนี้ สุมิตรจึงลุกขึ้นยืนและตระโกนออก ไปด้วยความโกรธ “เธอออกไปข้างนอกเพื่อไปเกี่ยวผู้ชายพวกนี้งั้นหรอ? ! ”
ในรูปมันเป็นช่วงเวลากลางวันตอนอยู่ในบาร์ คือ รูปของพวกผู้ชายไม่กี่คนกำลังหยอกล้อกับจันวิภาอยู่ และเธอก็ยินยอม
แต่อย่างไรก็ตามคนที่ถ่ายภาพนี้คงจะมีจุดมุ่ง หมายที่ซ่อนเร้นอยู่ ภาพนี้มองดูแล้วช่างดูเหมือนจัน วิภากำลังยั่วยวนพวกเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ ร่างกายด้านหลังก็ยังถูกถ่ายออกมาเหมือนกับกำลัง แอ่นกันรับอยู่
จันวิภาขมวดคิ้วขึ้นมา “เรื่อง นี้มันไม่ใช่อย่าง ที่นายคิดนะ ตอนนั้นพวกเขาข่มขู่ฉัน และยั่วฉัน แต่ฉัน ก็ปฏิเสธ! ”
แต่ทว่า ในสายตาของสุมิตร ที่จันวิภาเห็น ริม ฝีปากของสุมิตรยกกระดูกขึ้นแล้วยิ้มขึ้นมาอย่างเยือก เย็นและดูถูถากถาง “ดังนั้นเธอก็เลยมาบอกผม พวก เขายั่วยุเธอ และเธอก็กำลังปกป้อง พรหมจรรย์ของเธอ อย่างสุดชีวิตหรอ? จันวิภา เธอจะโกหกกับผมอย่างนี้ จริงๆหรอ? เธอนี่มันร่านมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสีย อีก! ”
จันวิภาไม่พอใจที่ถูกสุมิตรด่าประจานเช่นนี้ แบะ ยังต้องการที่จะอธิบาย แต่ผลก็คือสุมิตรไม่อดทนที่จะรับฟัง ทันทีที่เธอเข้าใกล้ เขาก็สะบัดมือออก แล้วผลัก ออกไปอย่างรุนแรง
จันวิภาถูกสุมิตรผลักเสียจนล้มลงกับพื้น ข้อศอก กระแทกเข้ากับโต๊ะซา มันเจ็บปวดมากเสียจนเธอสูด ลมหายใจเย็นๆเข้าไปทันที
จันวิภาเจ็บปวดมากเสียจนกัดฟันจนเห็นฟันขาว เงยหน้าขึ้นมองสุมิตรที่ทำหน้าตาดุร้าย ทันใดนั้นจึงคิด ขึ้นมาได้ว่าท่าทางของกนกอรนั้นไม่ปกติ รวมทั้งวันนี้ กนกอรได้โทรศัพท์ให้เธอออกไปข้างนอก เพียงไม่นาน จันวิภาก็เข้าใจทุกอย่าง
“นังร่าน ร่านอยู่ทุกที่ สวมใบหน้าที่บริสุทธิ์ เพียง แค่ไม่อยากที่จะเหงา ถึงกลับต้องออกไปหาผู้ชาย จัน วิภา เธอคิดว่าผมตาบอดหรอ? บนรูปมันก็เห็นอยู่ ชัดเจน! ” สุมิตรตะคอกออกมาด้วยความโกรธแค้น และหงุดหงิด
เดินที่จันวิภาต้องการที่จะอธิบาย แต่เมื่อได้ฟังคำ พูดของเขาแล้ว จึงได้หัวเราะขึ้นมาทันที หัวเราะแล้ว หัวเราะอีก หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา
มองสายตาที่หม่นหมองของสุมิตร จันวิภาก็พูด ออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ฉันออกไปหาผู้ชาย แล้วจะทำไม? นั่นยังไม่เท่ากับนายและกนกอรด้วยซ้ำที่ทำเรื่องที่เลวนั่นต่อหน้าฉัน สุมิตร นายทำให้ฉัน สะอิดสะเอียดซะจริง ! ”
จันวิภาเพิ่มเสียงตระโกนขึ้นอีก และทิ้งคำอธิบาย ไปเลย ในใจของสุมิตรจะคิดว่าเธอเป็นอย่างไงก็ปล่อย เขาไปเถอะ เธอไม่อยากคิดอย่างนี้อีกต่อไปแล้ว!
หลังจากนั้น ก็กลับคิดไม่ถึง สุมิตรก้าวเดินมาข้าง หน้า แล้วบีบคอของจันวิภาเอาไว้
“อ่อก! เจ็บ…สุมิตร..อะไร!
จันวิภาถูกสุมิตรทำเช่นนี้จึงเกิดความรู้สึกมาทันที แรงของเขาเยอะมาก ลมหายใจของเปลี่ยนเป็นเริ่มที่จะหายใจได้ลำบากมากขึ้น
แต่ทว่าสุมิตรกลับไม่ได้สนใจท่าทีของจันวิภาเลย เขาโกรธจนเพิ่มแรงบีบเธอเข้าไปอีก
สุมิตรไม่ได้พูดอะไรออกมาสักค่า เมื่อจันวิภาเห็น สถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา “ถึงแม้นายจะบีบฉันให้ตาย.ก็เปลี่ยน อะไรไม่ได้”
“ก็ดี! งั้นวันนี้ฉันจะบีบเธอให้ตาย!
สุมิตร โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วเอ่ยปากพูดออกมาอย่างเยือก เย็น แรงที่มือของเขาค่อยๆเพิ่มมากขึ้น
ลมหายใจของจันวิภาหายใจถี่ขึ้นไปเรื่อยๆ ราวกับเธอจะได้กลิ่นอายแห่งความตาย ถ้าว่าเขา ต้องการฆ่าเธอ เธอก็จะต้องตายสินะ..
เมื่อคิดอย่างนี้ จันวิภาจึงได้หลับตาลง คิดถึงเรื่อง อันขมขื่นที่กำลังจะจบลง ทันใดนั้นเอง ในสมองก็คิดถึง คนๆนึงขึ้นมาทันที….พ่อ…
ใช่แล้ว พ่อ เธอยังไม่ได้เจอพ่อเลย เธอยังตายไม่ ได้! เธอยังต้องไปหาพ่อของเธอ!
เมื่อคิดอย่างนี้ จันวิภาจึงลืมตาขึ้นมาทันที แล้ว เริ่มที่จะออกแรงดิ้นรน ดิ้นรนพูดออกไปว่า “สุ มิตร ปล่อย..ปล่อยฉันนะ….”
“หี! ” สุมิตรอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เมื่อกี่ไม่ใช่ ว่าอยากตายหรอกหรอ? ทำไม? เสียใจภายหลังหรือ ไง?”
“ฉัน…ฉันถูกใส่ร้าย..นายต้องเชื่อฉัน..จันวิภาพูดอธิบายอย่างยากลำบาก “ฉัน….ฉันอธิบาย ได้ ฉัน ….มีหลักฐาน..”
เมื่อสุมิตรฟังจันวิภาพูดจบ ก็ได้หัวเราะออกมา จึง ปล่อยมือที่บีบเธออยู่ออกทันที แล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็น ชา “ดี เธอพูดว่าเธอมีหลักฐาน งั้นก็เอาออกมาให้ดู ให้ ผมเชื่อสิ่งที่เธอพูดได้”
จันวิภาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้ว หายใจอยู่เฮือกใหญ่ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จึงพูดออกไป “ตอนนี้ฉันยังไม่มีหลักฐาน แต่ฉันรับประกันว่าฉันหา หลักฐานมาได้! นายต้องเชื่อฉัน ฉันไม่เคยท่าเรื่องที่ ผิดต่อนายมาก่อนเลย”
สายตาของสุมิตรเหล่มองอย่างอันตราย จันวิภา ยืนอยู่ข้างๆ เครียดจนเหงื่อไหลออกมาเยอะมาก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดสุมิตรก็ลุก ขึ้นยืน แล้วพูดกับจันวิภา “ผมให้เวลาเธอสามวัน ภายในสามวันนี้เธอต้องหาหลักฐานออกมาให้ได้ และ ทุกอย่างจะต้องคลี่คลาย ถ้าไม่มี.”
จันวิภาพูดเสริมขึ้นมาทันที “ถ้าไม่มี นายก็บีบคอ ฉันให้ตายได้เลย ! ”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไปโดยที่แม้แต่ หน้าก็ไม่หันกลับมามอง เหลือไว้แต่เสียงสุมิตรที่นั่งอยู่ ในห้องรับแขกคนเดียว
แต่ทว่า แม้แต่ตัวของสุมิตรเองก็ไม่พบว่า เส้น ประสาทของเขามันกำลังปริออกมาจนตึง ทันใดนั้นจึง ค่อยๆผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย