พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 54
ตอนที่54 พบกันอีกครั้ง ความวุ่นวายที่หอประชุม
เวธัสและจันวิภานั่งอยู่ตรงเขตใหม่ของหอประชุม ฟัง เสียงเพลงที่อยู่ด้านใน
เวธัสวางมือลงกดคืบอร์ดของเปียโนที่วางเปล่า นิ้วที่เรียว ยาวขยับอย่างมีจิตวิญญาณ และยังเรียนรู้ท่าทางการสะบัดผม ของนักดนตรี ดึงดูดสายตาของเด็กนักเรียนหญิงหลายคนที่อยู่ ข้างๆ
จันวิภากระดกริมฝีปากขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เวธัสคนนี้ช่าง
เก่งกาจเสียจริง
นั่งสมาธิอยู่ชั่วครู่
ในที่สุดม่านเปิดพิธีก็ถูกแหวกออกมา ชายชราหนวดเครา สีขาวคนหนึ่งเดินขึ้นมาข้างบน เขาเป็นคุณบดีที่อาวุโสที่สุด ของวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากกล่าวสุนทรพจน์กับนักเรียนใหม่ แล้ว จึงเดินถอยออกไปอย่างเงียบๆ
“เรียนเชิญประธานสามาคมที่นั่งอยู่ทางด้านล่าง
โมรี ครับ! ”
คุณ
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาอยู่ทางหลังม่าน ทำให้นักเรียนใหม่ที่ อยู่ด้านล่างเวทีสับสนกันอยู่เล็กน้อย
ก่อนที่นักเรียนจะเข้าส่าโรงเรียนก็ได้ยินมาว่าประธาน สมาคมไม่เพียงแต่มีความสามารถทางดนตรีสูงเท่านั้น ทั้งยัง เป็นสตรีที่สวยและงดงาม ด้านล่างเวทีตอนนี้ไม่รู้เลยว่ามีคนกี่ คนที่กำลังรอคอยอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกลูกคนรวยกับลูกของเจ้าหน้าที่พวกนั้นกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับว่าจะทำอย่างไรถึง จะได้สบคบกับผู้หญิงเช่นนี้
ในไม่ช้า ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดราตรีสีแดง รูปร่างสวยงดงาม คนหนึ่งเดินก้าวขึ้นไปบนเวทีช่างเชื่องช้า ขนตาดำยาว ใบหน้า ขาวซีด ริมฝีปากสีแดงสด
ดูช่างแตกต่างจากหญิงสาวจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่า โมรี มีเสน่ห์พิเศษ
แต่ทว่าเมื่อจันวิภามองผู้หญิงคนนี้ สีหน้ากลับเปลี่ยนไป เพราะว่าโมรี่คนนี้ได้ตบใบหน้าของเธอในงานเลี้ยงครั้งที่ แล้ว และก็ได้ถูกสุมิตรเตะปลิวจนกระอักเลือด
ผู้หญิงคนนี้ท่าทีเสแสร้ง ภายในใจของจันวิภามีความไม่ พอใจอยู่เล็กน้อย
ณ เวลานี้ ทันใดนั้นเองเวธัสก็ได้ยิ้มหัวเราะออกมาเบาๆ “สวยตรงไหน ผมมองว่ายังสวยไม่ได้หนึ่งในสามของพี่สะใภ้
ผมเลย”
ใบหน้าของจันวิภาแดงแจ๋ ตาเหลือบมองเขาอยู่แวบหนึ่ง “พูดมั่วชั่ว” แต่แท้จริงแล้วในใจกลับเปี่ยมไปด้วยความดีใจ
โมรีขึ้นมาบนเวทีกล่าวบางสิ่งบนเวที ต่อมา เธอได้ ประกาศถึงช่วงเวลาที่นักเรียนใหม่ต้องกล่าวคำปฏิญาณ
นักเรียนใหม่ทุกคนมีหมายเลขที่ตรงกัน ก่อนอื่นก็หยิบ ต้นฉบับที่ให้กล่าวคำปฏิญาณขึ้นมา จากนั้นก็ให้คนกลุ่มหนึ่งขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวคำปฏิญาณ
โมรีเป็นคนที่รับผิดชอบในการแจกแจงต้นฉบับ เธอ บังเอิญเหลือบไปเห็นจันวิภา จำเธอขึ้นมาได้ทันที ทั้งยังคิดถึง เรื่องในวันนั้น ความเกลียดชังได้เพิ่มขึ้นมาภายในจิตใจมาก ยิ่งขึ้น มุมปากยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างโหดร้าย
เมื่อจันวิภาเห็นโมรี ก็รู้สึกหดหูใจและคิดว่าจะต้องมายุ่ง เกี่ยวกับผู้หญิงบ้าบอคนนี้อีกครั้ง ตอนที่เธอรู้สึกรำคาญอยู่นั้น กลับได้เห็นโมรีเดินด้วยท่าแคทวอล์กเข้ามาหาเธอ
สิ่งที่ทำให้จันวิภาประหลาดใจก็คือ ใบหน้าที่แฝงไว้ด้วย รอยยิ้มที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของโมรี
โมรีเดินเข้ามาอยู่ทางด้านหน้าของจันวิภา ก้มศีรษะลง เล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “คุณจันวิภา เรื่องครั้งที่แล้วฉันต้องขอโทษ คุณจริงๆ ฉันมาคิดๆดูแล้วสิ่งที่ฉันทำนั้นมันไม่ถูกต้อง วันนี้ฉัน เลยอยากจะชดใช้ให้คุณ”
จันวิภาเป็นคนที่นิสัยตรงไปตรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ในเมื่อโมรีขอโทษเธอด้วยตนเอง เธอก็ไม่มีอะไรที่จะต้องไม่ ยอมรับคำขอโทษ ดังนั้นจึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “ตอนนั้นฉันก็ตื่น ตระหนกเกินไป จากนี้คุณก็คือรุ่นพี่ของฉันแล้ว ได้โปรดดูแล ด้วยค่ะ”
โมรีถึงมือของจันวิภาเอาไว้ “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
เสียงกัดฟันของโมรีก็ดังขึ้นมาเช่นกัน “ลืมเรื่องที่คุยกันไร้
สาระนี้ให้หมด และให้คุณจำต้นฉบับให้ดี จากนั้นเมื่อถึงเวลาคุณก็จะต้องเอ่ยตามคำพูดข้างต้น”
โมรีกล่าวแล้วนำบทความกล่าวปฏิญาณวางไว้บนมือของ จันวิภา จากนั้นจึงชี้ไปทางนักเรียนใหม่คนอื่นๆ ที่เตรียมความ พร้อมอยู่บนเวที “ไปเถอะ ตอนนี้คุณควรที่จะขึ้นไปบนเวทีได้ แล้ว”
จันวิภาพยักหน้า ทั้งสองจึงเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อม
ในช่วงเวลาที่อยู่บนหอประชุม อย่างสนิทชิดเชื้อ แต่ทันใดนั้นเท้าของปวดขึ้นมา และเธอร้องตะโกนที่หอประชุมที่อย่างเธอก้มศีรษะลงมอง จึงได้เห็นรองเท้าส้นสูงของโมรีกำลัง เหยียบย้ำบนเท้าของเธออยู่
จันวิภาขมวดคิ้ว แหงนหน้ามองโมรีอีกครั้ง จึงได้พบว่า หางตาของเธอมันแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยันและย่ามใจ
ยังไม่ทันที่จะมีท่าทีตอบสนอง โมรีก็สะบัดมือของจันวิภา ออก แล้วพูดออกมาเสียงดัง เธอเป็นอะไรไป? ไม่รู้หรอว่าที่นี่ เป็นหอประชุมใหญ่นะ? ตะโกนดังขนาดนี้ได้อย่างไง”
เสียงซุบซิบที่อยู่ด้านล่างเวทีดังออกมา ทุกคนต่างมองจัน วิภาด้วยความไม่พอใจ
จันวิภาเข้าใจได้ทันทีว่าโมรีมีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งเธอ เธอจึงอารมณ์ไม่ดี แล้วผลัก โมรีออกไปเล็กน้อย “ผู้หญิงอย่าง เธอนี่ทำมากเกินไปแล้ว! ”
คนนั้นแสร้งทำเป็นเสียการทรงตัว ทันใดนั้นเองจึงล้ม ลงสู่พื้น และท่าทางของการล้มคะก็ยังคงไว้ซึ่งความงดงาม ผู้หญิงคนนี้พยายามจริงๆ
ทันใดนั้นเองโมรีก็ได้ร้องตะโกนออกมา นักเรียนใหม่คน นี้จะอวดดีเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลงมือคน ช่วยด้วยๆ”
เธอตะโกนลั่นเช่นนี้ เหล่าบรรดานักเวที ต่างพากันกรูเข้ามา
ในเวลานี้ ในที่สุดเจ้าหน้าที่รักษาความมา และเตรียมที่จะพาจันวิภาออกไปจากสถานที่จัดงาน มีคนผู้อื่นได้ยืนอยู่ข้างหน้าของจันวิภา และโบกสะบัดมือให้เจ้า หน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินออกไป
ชายที่เข้ามาสวมชุดทักซิโด้สีดำ ร่างกายสูงโปร่ง คิ้วดู อ่อนโยนแต่กลับแฝงไว้ด้วยความคม พอเห็นก็รู้ได้ทันทีไม่ใช่เจ้านายที่ดีแน่
คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นนราวิชญ์ เขาดึงจันวิภาเข้ามาอยู่ข้างๆ เขาอย่างอ่อนโยน แล้วถามอย่างอบอุ่น “ไม่เป็นไรนะจันวิภา”
จันวิภาตกใจ เพราะอะไรกันนราวิชญ์ถึงได้มาปรากฏตัว อยู่ที่นี่ เมื่อเตรียมที่จะเอ่ยถาม ก็ได้ยินนราวิชญ์พูดกับโมรีที่ล้ม ลงอยู่บนพื้นอย่างไม่พอใจ “เธอจะเสแสร้งไปถึงเมื่อไหร่กัน ประธานสมาคมลงไปกองอยู่กับพื้นนี่มันคืออะไรกัน?
เมื่อโมรีที่อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ได้ยินคนอื่นสั่งสอนเธอเช่น นี้ จึงลุกขึ้นมาทันทียิ้มให้กับนราวิชญ์อย่างเย้ยหยันแล้วพูดขึ้น “นายเป็นสิ่งของอะไรกัน? จะมาหาผู้หญิงก็มาหาที่หอประชุมนี้ หรอไง?”
“และเธอ จันวิภา? หากสุมิตรรู้ว่าเธออยู่ข้างนอกกับชาย ป่าเถื่อนคนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไงนะ คุณชาย สุมิตรคงไม่ยอมที่จะแบ่งภรรยาของตนเองให้กับชายคนอื่น หรอกนะ” โมรีพูดพล่อยๆออกมาตามอำเภอใจ ชี้ไปทางนรา วิชญ์กับจันวิภาแล้วพูดอย่างเหยียดหยาม
นราวิชญ์ขมวดคิ้วขึ้น เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่หยาบคาย เช่นนี้มาก่อน
โมรี่ด่าโขมงโฉงเฉงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คาดไม่ถึงเลยว่า เธอยังมีหน้าไปเรียกบอดี้การ์ดมาอีกครั้ง
นราวิชญ์ยิ้มเยาะเย้ยอยู่ในใจ พูดไปทางบอดี้การ์ดที่อยู่ ข้างๆ “พวกนายมานี่ ลากผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไปที”
บอดี้การ์ดพยักหน้า และเริ่มลงมืออย่างไม่มีความลังเล
เลยแม้แต่น้อย
นราวิชญ์สาดสายตาไปทางโมรีอย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้น อย่างไม่แยแส “โมรี เธออาศัยเรือนร่างของเธอเพื่อให้ได้รับค ตำแหน่งประธานสมาคม เธอคิดว่าคนที่ตำแหน่งอยู่ด้านบนไม่ รู้จริงๆหรอ?”
“นายเป็นใคร?” โมรีถูกบอดี้การ์ดจับเอาไว้อยู่ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและอับอาย
นราวิชญ์พูดอย่างไร้ซึ่งความอดทน “ผมเป็นประธานของ วิทยาลัยแห่งนี้”
พูดจบนราวิชญ์จึงโบกมือ บอดี้การ์ดลากโมรีที่มีสีหน้าสิ้น หวังออกไป
หอประชุมเงียบสงัดไปอยู่ครู่หนึ่ง
นราวิชญ์ตบไหล่ของจันวิภาเพื่อที่จะปลอบประโลม จาก นั้นเขาจึงยิ้มให้กับฝั่งที่อยู่ทางด้านล่างหอประชุม “ตอนนี้กล่าว คำปฏิญาณต่อเถอะ ถ้าหากว่ามีใครที่ทำลายความเป็น ระเบียบเรียบร้อยแล้วละก็ อย่ามาหาว่าผมไม่เกรงใจนะครับ”
แม้ว่านราวิชญ์จะมีรอยยิ้มและน้ำเสียงดูจะสงบนิ่ง แต่ กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ทำให้ทั้งหอประชุม ตึงเครียดขึ้นไปอีก
จันวิภาเดินขึ้นไปบนเวที และเริ่มกล่าวคำปฏิญาณพร้อม กันกับสมาชิกในกลุ่มคนอื่นๆ แต่หลังจากที่เธอได้เห็นบทกล่าว ของตนเอง ก็แทบที่จะสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว