พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 61
ตอนที่61
ข้อกล่าวหาเท็จ ถูกวางยา
ก่อนหน้านี้เวธัสอยากพูดอะไรสักหน่อย แต่จันวิภากลับ หัวเราะออกมาอย่างน่าตื่นเต้น วันนี้เปิดเรียนวันแรก ห้ามมา สาย พวกเรารีบไปกันเร็วๆเถออะ
“ได้เลย” เวธัสกล่าวอย่างหวังดี
จากนั้นไม่นานทั้งสองก็ถึงโรงเรียน
หากเพียงแต่ ทั้งสองถึงโรงเรียนไม่นาน มีเสียงร้องดัง ขัดจังหวะขึ้น เงยกลุ่มหนึ่งที่ห่างออก
ไป
นักเรียนกลุ่มจันวิภา
ถ้าเป็นไปได้ ช่วย หลีกทางด้วย พวก
นักเรียนคนหนึ่งยิ้มแล้วพูดว่า: “เดี๋ยวก่อน มีของจะให้เธอ ก่อน” พูดจบเขาเอาเข็มตราออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้จันวิภา
“นั่นคืออะไรหรอ?” จันวิภาถามพลางหน้านิ่ว
ชายผู้นั่นหัวเราะเสียงแปร่งๆ: “ไม่รู้จักเข็มสภานักเรียน
หรอ
ได้ยินตามที่สภานักเรียนกล่าว, จันวิภารู้ทันทีว่าเรื่องนี้ ต้องมีเรื่องของสาวจิลลาแน่นอน เธอขมวดคิ้ว: “ฉันไม่ใช่คน
ของสภานักเรียน ตอนที่61
ข้อกล่าวหาเท็จ ถูกวางยา
ก่อนหน้านี้เวธัสอยากพูดอะไรสักหน่อย แต่จันวิภากลับ หัวเราะออกมาอย่างน่าตื่นเต้น วันนี้เปิดเรียนวันแรก ห้ามมา สาย พวกเรารีบไปกันเร็วๆเถออะ
“ได้เลย” เวธัสกล่าวอย่างหวังดี
จากนั้นไม่นานทั้งสองก็ถึงโรงเรียน
หากเพียงแต่ ทั้งสองถึงโรงเรียนไม่นาน มีเสียงร้องดัง ขัดจังหวะขึ้น เงยกลุ่มหนึ่งที่ห่างออก
ไป
นักเรียนกลุ่มจันวิภา
ถ้าเป็นไปได้ ช่วย หลีกทางด้วย พวก
นักเรียนคนหนึ่งยิ้มแล้วพูดว่า: “เดี๋ยวก่อน มีของจะให้เธอ ก่อน” พูดจบเขาเอาเข็มตราออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้จันวิภา
“นั่นคืออะไรหรอ?” จันวิภาถามพลางหน้านิ่ว
ชายผู้นั่นหัวเราะเสียงแปร่งๆ: “ไม่รู้จักเข็มสภานักเรียน
หรอ
ได้ยินตามที่สภานักเรียนกล่าว, จันวิภารู้ทันทีว่าเรื่องนี้ ต้องมีเรื่องของสาวจิลลาแน่นอน เธอขมวดคิ้ว: “ฉันไม่ใช่คน
ของสภานักเรียน ชายคนนั้นกล่าวว่า: ประธานสภาขอเชิญคุณเข้าร่วม ประชุมสภา เธอทำไมรีบปฏิเสธหล่ะ หรือมันเป็นเพราะเธอกลัว ประธานสภางันหรือ?
จันวิภายิ้มเย็นเยือก: ฉันกลัวเธอหรอ? แต่เธอเป็นผู้หญิงที่ ไม่ได้รับการสั่งสอนต่างหาก!”
นึกถึงที่เธอดูถูกพ่อแม่ตน จันวิภายังแค้นเคือง
ชายคนนั้นแสดงท่าที่ไม่พอใจ แต่เขาก็ชะงักไป เมื่อ สังเกตเห็นความโกลาหลด้านหลังของฝูงชน จากนั้นหันกลับมา เห็น ประธานจิลลาตัวจริงเดินออกมา
ประธานจิลลากุมแขนเธอทั้งสองข้าง เหมือนบรรยากาศ ธุรกิจเต็มเปี่ยมด้วยสเน่ห์: จันวิภา คุณกลัวเวลาหรือ?”
จันวิภาเดิมเป็นคนใจแข็ง ไม่คล้อยตามง่ายๆ ได้ยินที่จิล ลาพูด จึงยิ้มเย็นๆ: ฉันต้องกลัวคุณด้วยหรือ? เข้าร่วมก็เข้าร่วม ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ด้านเวธัสได้ยินดังนั้นจึงพยายามขัดจันวิภาในความ หุนหันพลันแล่น การที่จิลลาให้เธอเข้าร่วมประชุมสภาครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
จันวิภากลับปลอบไปว่า: “ไม่ว่าอะไรจะมา ก็มีวิธีแก้ไขรอ
เวธัสมองหน้าผู้มีความมั่นใจสูงอย่างจันวิภา ก็จำต้อง
อยู่”
ยอมแพ้ ชายคนนั้นกล่าวว่า: ประธานสภาขอเชิญคุณเข้าร่วม ประชุมสภา เธอทำไมรีบปฏิเสธหล่ะ หรือมันเป็นเพราะเธอกลัว ประธานสภางันหรือ?
จันวิภายิ้มเย็นเยือก: ฉันกลัวเธอหรอ? แต่เธอเป็นผู้หญิงที่ ไม่ได้รับการสั่งสอนต่างหาก!”
นึกถึงที่เธอดูถูกพ่อแม่ตน จันวิภายังแค้นเคือง
ชายคนนั้นแสดงท่าที่ไม่พอใจ แต่เขาก็ชะงักไป เมื่อ สังเกตเห็นความโกลาหลด้านหลังของฝูงชน จากนั้นหันกลับมา เห็น ประธานจิลลาตัวจริงเดินออกมา
ประธานจิลลากุมแขนเธอทั้งสองข้าง เหมือนบรรยากาศ ธุรกิจเต็มเปี่ยมด้วยสเน่ห์: จันวิภา คุณกลัวเวลาหรือ?”
จันวิภาเดิมเป็นคนใจแข็ง ไม่คล้อยตามง่ายๆ ได้ยินที่จิล ลาพูด จึงยิ้มเย็นๆ: ฉันต้องกลัวคุณด้วยหรือ? เข้าร่วมก็เข้าร่วม ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ด้านเวธัสได้ยินดังนั้นจึงพยายามขัดจันวิภาในความ หุนหันพลันแล่น การที่จิลลาให้เธอเข้าร่วมประชุมสภาครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
จันวิภากลับปลอบไปว่า: “ไม่ว่าอะไรจะมา ก็มีวิธีแก้ไขรอ
เวธัสมองหน้าผู้มีความมั่นใจสูงอย่างจันวิภา ก็จำต้อง
อยู่”
ยอมแพ้ จิลลายิ้มอ่อนมุมปากอย่างมีเลศนัย บอกกับจันวิภาว่า “หลังเลิกเรียน สภานักเรียนกินข้าวกัน เธออย่ามาสายนะ”
จันวิภาเงยหน้าขึ้นพร้อมพูดว่า: “ฉันจันวิภารักษาค่าพูด ฉันดูว่าเธอจะทำยังไงกับฉัน”
เวธัสมองคนกลุ่มนี้แล้วถอนหายใจออกมา: “เธอก็ดื้อเสีย จริง ทำไมถึงไปตกลงกับผู้หญิงคนนั้นได้?”
จันวิภาบีบปากแน่น พร้อมยักไหล่: “นี่มันไม่ใช่ทางออก หรือ? หากพวกเขาตั้งใจจะสร้างปัญหาขึ้นมา อุปสรรคจะเกิด ขึ้นไม่หยุดหย่อน”
เวธัสพยักหน้าอย่างไร้ข้อกังขา แล้วเปลี่ยนท่ามา กระซิบ
ว่า: “ผมไม่รู้ว่าวันนี้จะได้เจอนราวิชญ์” พูดจบด้วยใบหน้าเต็ม เปี่ยมอย่างคาดหวัง
จันวิภาพูดติดตลก: “ตูไม่ออกเลยว่าเธอก็เป็นพวกบ้า
ผู้ชาย”
เวธัสยิ้มอย่างอายๆ
ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวธัสยืดเอวอย่างขี้เกียจๆ จัน วิภาก็รู้สึกเหนื่อยๆ เฉื่อยๆ อย่างไรก็ตาม “การประชุม” ในช่วง บ่าย ทำให้เธอมีแรงฮึดขึ้นมาเล็กน้อย
ร้านอาหารที่สภานักเรียนรวมตัวกันรับประทานอาหารค่ำ อยู่ในโรงเรียนดนตรี แม้ว่าจะเป็นร้านอาหารของโรงเรียน แต่ บรรยากาศการด้านใน ไม่ต่างจากโรงแรมห้าดาวแม้แต่น้อย จิลลายิ้มอ่อนมุมปากอย่างมีเลศนัย บอกกับจันวิภาว่า “หลังเลิกเรียน สภานักเรียนกินข้าวกัน เธออย่ามาสายนะ”
จันวิภาเงยหน้าขึ้นพร้อมพูดว่า: “ฉันจันวิภารักษาค่าพูด ฉันดูว่าเธอจะทำยังไงกับฉัน”
เวธัสมองคนกลุ่มนี้แล้วถอนหายใจออกมา: “เธอก็ดื้อเสีย จริง ทำไมถึงไปตกลงกับผู้หญิงคนนั้นได้?”
จันวิภาบีบปากแน่น พร้อมยักไหล่: “นี่มันไม่ใช่ทางออก หรือ? หากพวกเขาตั้งใจจะสร้างปัญหาขึ้นมา อุปสรรคจะเกิด ขึ้นไม่หยุดหย่อน”
เวธัสพยักหน้าอย่างไร้ข้อกังขา แล้วเปลี่ยนท่ามา กระซิบ
ว่า: “ผมไม่รู้ว่าวันนี้จะได้เจอนราวิชญ์” พูดจบด้วยใบหน้าเต็ม เปี่ยมอย่างคาดหวัง
จันวิภาพูดติดตลก: “ตูไม่ออกเลยว่าเธอก็เป็นพวกบ้า
ผู้ชาย”
เวธัสยิ้มอย่างอายๆ
ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวธัสยืดเอวอย่างขี้เกียจๆ จัน วิภาก็รู้สึกเหนื่อยๆ เฉื่อยๆ อย่างไรก็ตาม “การประชุม” ในช่วง บ่าย ทำให้เธอมีแรงฮึดขึ้นมาเล็กน้อย
ร้านอาหารที่สภานักเรียนรวมตัวกันรับประทานอาหารค่ำ อยู่ในโรงเรียนดนตรี แม้ว่าจะเป็นร้านอาหารของโรงเรียน แต่ บรรยากาศการด้านใน ไม่ต่างจากโรงแรมห้าดาวแม้แต่น้อย จันวิภาหาที่นั่ง พร้อมหัวเราะเย็นๆ : “จิลลาเป็นคนที่จัด
อะไรใหญ่โตจริงนะ”
เวธัสมองไปรอบๆ ก็ยังหาจิลลาไม่เจอแม้แต่เงา เขากล่าว ว่า: “จิลลาก็เป็นคนใหญ่คนโต แต่ทำอะไรไม่เห็นจะดีสักอย่าง อย่างนี้ซื้อใจคนได้ยังไงกันนะ”
เวธัสกวาดสายตาไปเพื่อประเมินสภานักเรียนรอบๆ
ทั้งสองคุยกันสักพัก อาหารก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ จันวิภาทั้งกิน ทั้งดื่มมากมาย เพราะถือว่าไม่ได้ออกเงินเอง
ขณะนั้นมุมหนึ่งในร้านอาหาร จิลลากำลังหยอกล้อกับ วิภากินดื่มเยอะมากจนควบคุมไม่อยู่ รอยยิ้มอันชั่วร้ายก็ผุดขึ้น
สมาชิกสภาระดับสูงอย่างเป็นกันเอง จากนั้นจิลลาเห็นจัน
มา
เมื่อกินดื่มจนอิ่มเรียบร้อย จันวิภาก็รู้สึกมีนงงเล็กน้อย เธอรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ จึงยกมือขึ้นจับหน้าผาก
พี่สะใภ้ เธอคงกินอะไรไม่ดีเข้าไปแน่ๆ ฉันจะส่งเธอไปโรง พยาบบาลนะ เวธัสพบว่าต้องมีเรื่องผิดปกติอยู่แน่ๆ
จันวิภาพยักหน้า แต่มีมือเรียวสะอาดมาวางบนใหล่ของ
เธอ
จันวิภาหันกลับไปด้วยความอับอาย พบกับใบหน้าที่เต็ม ไปด้วยความกังวลของอาจารย์จิดาภาที่พาเธอไปสำนักงาน ของนราวิชญ์ จันวิภาหาที่นั่ง พร้อมหัวเราะเย็นๆ : “จิลลาเป็นคนที่จัด
อะไรใหญ่โตจริงนะ”
เวธัสมองไปรอบๆ ก็ยังหาจิลลาไม่เจอแม้แต่เงา เขากล่าว ว่า: “จิลลาก็เป็นคนใหญ่คนโต แต่ทำอะไรไม่เห็นจะดีสักอย่าง อย่างนี้ซื้อใจคนได้ยังไงกันนะ”
เวธัสกวาดสายตาไปเพื่อประเมินสภานักเรียนรอบๆ
ทั้งสองคุยกันสักพัก อาหารก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ จันวิภาทั้งกิน ทั้งดื่มมากมาย เพราะถือว่าไม่ได้ออกเงินเอง
ขณะนั้นมุมหนึ่งในร้านอาหาร จิลลากำลังหยอกล้อกับ วิภากินดื่มเยอะมากจนควบคุมไม่อยู่ รอยยิ้มอันชั่วร้ายก็ผุดขึ้น
สมาชิกสภาระดับสูงอย่างเป็นกันเอง จากนั้นจิลลาเห็นจัน
มา
เมื่อกินดื่มจนอิ่มเรียบร้อย จันวิภาก็รู้สึกมีนงงเล็กน้อย เธอรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ จึงยกมือขึ้นจับหน้าผาก
พี่สะใภ้ เธอคงกินอะไรไม่ดีเข้าไปแน่ๆ ฉันจะส่งเธอไปโรง พยาบบาลนะ เวธัสพบว่าต้องมีเรื่องผิดปกติอยู่แน่ๆ
จันวิภาพยักหน้า แต่มีมือเรียวสะอาดมาวางบนใหล่ของ
เธอ
จันวิภาหันกลับไปด้วยความอับอาย พบกับใบหน้าที่เต็ม ไปด้วยความกังวลของอาจารย์จิดาภาที่พาเธอไปสำนักงาน ของนราวิชญ์ “จันวิภาดูเหมือนจะไม่สบาย ฉันพาเธอไปที่สำนักงาน ก่อนนะ ฉันจะช่วยตามหมอ”
เวธัสรีบตามไป แต่ถูกจิดาภามองด้วยสายตาเย็นชา “มันอาจไม่สะดวกสำหรับผู้ชาย คุณเวธัสก็ไม่ต้องตามไปละกัน
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของนราวิชญ์ และดูน่าเชื่อถือได้ เวธัส จึงกล่าว: “พี่สะใภ้ เธอไปกับเขานะ แล้วผมจะมาใหม่”
จิตาภาไม่พูดอะไรมาก และพาจันวิภาจากไปทันที
เมื่อถึงสำนักงานแล้ว จันวิภามีนงงและสติเลือนลางเต็มที่ อีกทั้งตัวยังร้อนจัดอีกด้วย
ความกังวลบนใบหน้าจิดาภาหายวับไป พร้อมผลักจัน วิภาลงไปบนโซฟา จากนั้นก็เดินออกไป และดูเหมือนจะไม่ช่วย
ตามหมอมา
ตอนนี้จันวิภารู้สึกเหมือนศีรษะจะระเบิด ร่างกายเริ่มค้น ยิบๆเนื่องจากอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนจัด โดยเฉพาะในร่างกาย เหมือนมีเปลวไฟมาแผดเผาอยู่
ประตูสำนักงานเปิดออก คนที่เดินเข้ามาคือนราวิชญ์ ใบหน้าดูกังวลมาก ตรงปรี่เข้ามาหาจันวิภา
นราวิชญ์เห็นใบหน้าแดงก่ำของจันวิภา เขาหยิบโทรศัพท์ ออกมาและพร้อมที่จะตามหมอมา
แต่จันวิภาไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ตรงเข้าแย่ง “จันวิภาดูเหมือนจะไม่สบาย ฉันพาเธอไปที่สำนักงาน ก่อนนะ ฉันจะช่วยตามหมอ”
เวธัสรีบตามไป แต่ถูกจิดาภามองด้วยสายตาเย็นชา “มันอาจไม่สะดวกสำหรับผู้ชาย คุณเวธัสก็ไม่ต้องตามไปละกัน
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของนราวิชญ์ และดูน่าเชื่อถือได้ เวธัส จึงกล่าว: “พี่สะใภ้ เธอไปกับเขานะ แล้วผมจะมาใหม่”
จิตาภาไม่พูดอะไรมาก และพาจันวิภาจากไปทันที
เมื่อถึงสำนักงานแล้ว จันวิภามีนงงและสติเลือนลางเต็มที่ อีกทั้งตัวยังร้อนจัดอีกด้วย
ความกังวลบนใบหน้าจิดาภาหายวับไป พร้อมผลักจัน วิภาลงไปบนโซฟา จากนั้นก็เดินออกไป และดูเหมือนจะไม่ช่วย
ตามหมอมา
ตอนนี้จันวิภารู้สึกเหมือนศีรษะจะระเบิด ร่างกายเริ่มค้น ยิบๆเนื่องจากอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนจัด โดยเฉพาะในร่างกาย เหมือนมีเปลวไฟมาแผดเผาอยู่
ประตูสำนักงานเปิดออก คนที่เดินเข้ามาคือนราวิชญ์ ใบหน้าดูกังวลมาก ตรงปรี่เข้ามาหาจันวิภา
นราวิชญ์เห็นใบหน้าแดงก่ำของจันวิภา เขาหยิบโทรศัพท์ ออกมาและพร้อมที่จะตามหมอมา
แต่จันวิภาไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ตรงเข้าแย่ง โทรศัพท์จากนราวิชญ์ จนหล่นไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเขาก็พูดขึ้น ว่า: ฉันร้อนมาก พี่นราวิชญ์ ร้อนมาก ช่วยฉันด้วย
นราวิชญ์มองจันวิภาอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ เธอถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้
จันวิภาพูดโดยไม่รู้ตัว: “ช่วยฉันด้วย พี่นราวิชญ์ พี่ชาย พี่ ชาย” เธอพูด พลางยื่นแขนไปพาดที่คอนราวิชญ์
นราวิชญ์ตะลึงงั้นไป เดิมทีเขาชอบจันวิภา แววตาเขาเต็ม ไปด้วยความปรารถนาและลุกโชนด้วยไฟ จึงเข้าสวมกอดจัน วิภาแน่น เขารู้สึกว่าตัวของจันวิภาร้อนมาก จนทำให้เขาทนไม่ ได้
“ฉัน..พี่นราวิชญ์ ฉันร้อนมาก ร้อนมาก”
จันวิภารู้สึกผ่อนคลาย ความร้อนจากลมหายใจที่ระบาย มาโดนตัวนราวิชญ์ ทำให้เขายากจะควบคุมตัวเอง: “จัน
วิภา…”
ในเวลานี้ มีคนที่อยู่ในประตูสำนักงานฝั่งหนึ่งได้ยินเสียง
ของทั้งสอง
เวธัสยังสงสัยว่ามันเป็นเสียงของจันวิภาหรือไม่ แต่เมื่อจัน วิภาร้องเรียกชื่อผื่นราวิชญ์ เขารู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า โทรศัพท์จากนราวิชญ์ จนหล่นไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเขาก็พูดขึ้น ว่า: ฉันร้อนมาก พี่นราวิชญ์ ร้อนมาก ช่วยฉันด้วย
นราวิชญ์มองจันวิภาอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ เธอถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้
จันวิภาพูดโดยไม่รู้ตัว: “ช่วยฉันด้วย พี่นราวิชญ์ พี่ชาย พี่ ชาย” เธอพูด พลางยื่นแขนไปพาดที่คอนราวิชญ์
นราวิชญ์ตะลึงงั้นไป เดิมทีเขาชอบจันวิภา แววตาเขาเต็ม ไปด้วยความปรารถนาและลุกโชนด้วยไฟ จึงเข้าสวมกอดจัน วิภาแน่น เขารู้สึกว่าตัวของจันวิภาร้อนมาก จนทำให้เขาทนไม่ ได้
“ฉัน..พี่นราวิชญ์ ฉันร้อนมาก ร้อนมาก”
จันวิภารู้สึกผ่อนคลาย ความร้อนจากลมหายใจที่ระบาย มาโดนตัวนราวิชญ์ ทำให้เขายากจะควบคุมตัวเอง: “จัน
วิภา…”
ในเวลานี้ มีคนที่อยู่ในประตูสำนักงานฝั่งหนึ่งได้ยินเสียง
ของทั้งสอง
เวธัสยังสงสัยว่ามันเป็นเสียงของจันวิภาหรือไม่ แต่เมื่อจัน วิภาร้องเรียกชื่อผื่นราวิชญ์ เขารู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า