พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 67
ตอนที่ 67 เธอไม่ชอบผม
นราวิชญ์ยิ้มอย่างขึ้นขมแล้วพูดขึ้น “จันวิภาทำกับผม เหมือนกับเป็นพี่ชาย เธอไม่มีทางที่จะมอบเรือนร่างตนเองให้ ผมแน่ หลังจากที่ผมสังเกตเห็น แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะทำเรื่อง ที่ไม่ดีกับจันวิภาแน่นอน ต่อมาผมเลยไปหาจิลลาเพื่อเอายา ระงับ และนี่ก็เป็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบของเรื่องนี้”
สุมิตรและเวธัสไม่มีคำพูดอะไรออกมา
นราวิชญ์แบมือทั้งสองข้างออกแล้วพูดขึ้น “ถ้าพวกนายไม่ เชื่อก็จนปัญญา แต่นี่เป็นเรื่องจริง และผมยังต้องการที่จะให้ นายขอโทษจันวิภาซะ! ”
นราวิชญ์พูด คาดไม่ถึงเลยว่าจะโค้งตัวลงมาอย่างจริงใจ
ได้ยินนราวิชญ์พูดอธิบายเช่นนี้ เวธัสจึงเชื่ออย่างสนิทใจ เดินเข้าไปหาจันวิภาแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ ขอโทษนะ ผมผิดไป แล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ”
จันวิภายิ้มออกมาเล็กน้อย ส่ายศีรษะแล้วพูด “ไม่โทษ นายหรอก เป็นเรื่องแค่ความเข้าใจผิดแค่นั้น และนายก็ไม่ได้ ทำเรื่องอะไรที่ทำร้ายฉันออกมา”
นราวิชญ์ยืนอยู่ข้างๆ สุมิตร เขาพูดขึ้น “สุมิตร ถ้านาย ปฏิบัติกับจันวิภาให้ดีๆหน่อยล่ะ ผมก็จะวางมือ ผมรู้ว่าฉันวิภา
ไม่ได้ชอบผม”
แต่ทว่าสุมิตรกลับตกตะลึง บ่นพีมพากับตัวเองออกมา ตอนที่ 67 เธอไม่ชอบผม
นราวิชญ์ยิ้มอย่างขึ้นขมแล้วพูดขึ้น “จันวิภาทำกับผม เหมือนกับเป็นพี่ชาย เธอไม่มีทางที่จะมอบเรือนร่างตนเองให้ ผมแน่ หลังจากที่ผมสังเกตเห็น แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะทำเรื่อง ที่ไม่ดีกับจันวิภาแน่นอน ต่อมาผมเลยไปหาจิลลาเพื่อเอายา ระงับ และนี่ก็เป็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบของเรื่องนี้”
สุมิตรและเวธัสไม่มีคำพูดอะไรออกมา
นราวิชญ์แบมือทั้งสองข้างออกแล้วพูดขึ้น “ถ้าพวกนายไม่ เชื่อก็จนปัญญา แต่นี่เป็นเรื่องจริง และผมยังต้องการที่จะให้ นายขอโทษจันวิภาซะ! ”
นราวิชญ์พูด คาดไม่ถึงเลยว่าจะโค้งตัวลงมาอย่างจริงใจ
ได้ยินนราวิชญ์พูดอธิบายเช่นนี้ เวธัสจึงเชื่ออย่างสนิทใจ เดินเข้าไปหาจันวิภาแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ ขอโทษนะ ผมผิดไป แล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ”
จันวิภายิ้มออกมาเล็กน้อย ส่ายศีรษะแล้วพูด “ไม่โทษ นายหรอก เป็นเรื่องแค่ความเข้าใจผิดแค่นั้น และนายก็ไม่ได้ ทำเรื่องอะไรที่ทำร้ายฉันออกมา”
นราวิชญ์ยืนอยู่ข้างๆ สุมิตร เขาพูดขึ้น “สุมิตร ถ้านาย ปฏิบัติกับจันวิภาให้ดีๆหน่อยล่ะ ผมก็จะวางมือ ผมรู้ว่าฉันวิภา
ไม่ได้ชอบผม”
แต่ทว่าสุมิตรกลับตกตะลึง บ่นพีมพากับตัวเองออกมา “งั้นเธอชอบผมหรือไง?”
ไม่มีใครตอบคำถาม รวมถึงตัวเขาเอง
สุมิตรเดินเข้าไปหา ดึงจันวิภาเข้ามาสู่อ้อมกอดของ ตนเอง จากนั้นจึงอุ้มเธอขึ้นมาไว้ข้างๆ แล้วเดินกลับเข้าบ้านพัก
ไป
การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของสุมิตรทำให้จันวิภารู้สึก แปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเนื่องจากเรื่องนี้เธอจึงยังง เงามืดตามติดมาโดยตลอด
มือทั้งสองของจันวิภาทุตีไหล่ของสุมิตร ตระโกนด่าออก มาจากในปาก “สารเลว วิปริต ปล่อยฉันนะ นายปล่อยฉัน! ” แต่ทว่ายิ่งเธอร้องมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอ่อนแรงลงมากเท่านั้น แรงของเธอไม่อาจผลักสุมิตรออกไปได้ และเนื่องจากการ ทรมานในคืนนี้ทำให้ร่างกายและจิตใจของเธอเหนื่อยล้ายิ่งขึ้น
ไปอีก เสียงทั้งหมดจึงแหบแห้ง แต่สุมิตรก็ไม่ได้สนใจ เขายัง
คงอุ้มเธอเดินต่อไป
และสายตาของสุมิตรในครั้งนี้มีความเย็นชาน้อยลง และ เงียบสงบมากขึ้น
สุมิตรอุ้มจันวิถาเดินเข้าไปในห้อง ในใจของจันวิภาคิดว่า สุมิตรต้องใช้เธอเพื่อระบายความใคร่อีกแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงเริ่ม
ที่จะออกแรงดิ้น
เพราะว่าครั้งนี้ดิ้นรนเสียจนรุนแรง จึงสะบัดหลุดจากข้อ มือพล จแบิด แห้งเหี เมื่อสายลาบลงกันวิภากำลังละคลิ้งลกลงไป “งั้นเธอชอบผมหรือไง?”
ไม่มีใครตอบคำถาม รวมถึงตัวเขาเอง
สุมิตรเดินเข้าไปหา ดึงจันวิภาเข้ามาสู่อ้อมกอดของ ตนเอง จากนั้นจึงอุ้มเธอขึ้นมาไว้ข้างๆ แล้วเดินกลับเข้าบ้านพัก
ไป
การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันของสุมิตรทำให้จันวิภารู้สึก แปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเนื่องจากเรื่องนี้เธอจึงยังง เงามืดตามติดมาโดยตลอด
มือทั้งสองของจันวิภาทุตีไหล่ของสุมิตร ตระโกนด่าออก มาจากในปาก “สารเลว วิปริต ปล่อยฉันนะ นายปล่อยฉัน! ” แต่ทว่ายิ่งเธอร้องมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอ่อนแรงลงมากเท่านั้น แรงของเธอไม่อาจผลักสุมิตรออกไปได้ และเนื่องจากการ ทรมานในคืนนี้ทำให้ร่างกายและจิตใจของเธอเหนื่อยล้ายิ่งขึ้น
ไปอีก เสียงทั้งหมดจึงแหบแห้ง แต่สุมิตรก็ไม่ได้สนใจ เขายัง
คงอุ้มเธอเดินต่อไป
และสายตาของสุมิตรในครั้งนี้มีความเย็นชาน้อยลง และ เงียบสงบมากขึ้น
สุมิตรอุ้มจันวิถาเดินเข้าไปในห้อง ในใจของจันวิภาคิดว่า สุมิตรต้องใช้เธอเพื่อระบายความใคร่อีกแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงเริ่ม
ที่จะออกแรงดิ้น
เพราะว่าครั้งนี้ดิ้นรนเสียจนรุนแรง จึงสะบัดหลุดจากข้อ มือพล จแบิด แห้งเหี เมื่อสายลาบลงกันวิภากำลังละคลิ้งลกลงไป มือของสุมิตรทันที เมื่อสายตามองจันวิภากำลังจะกลิ้งตกลงไป บนพื้น สุมิตรจึงรีบล้มลงไปบนเตียงทันที
ร่างกายของทั้งสองคนพัวพันกันอยู่บนเตียง แต่ไม่รู้ว่าสุ มิตรจงใจหรือไม่ เขาประทับรอยจูบลงไปบนหน้าผากของเธอ
จันวิภารู้สึกแปลกใจหนิดหนรอย เพราะว่า จูบนั่นมันช่าง เป็นรอยจูบที่อบอุ่น
นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน และหลงลืมไปช่วง เวลาหนึ่งว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจอยู่ และยังหลงลืม ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย เธออ้าปากเล็กๆ ของเธอ ด้วยความตกตะลึงอยู่เล็กน้อย
สุมิตรกดแขนค้างอยู่บนเตียง มองจันวิภาจากด้านบน มุม ปากของเขาสั่นไหวอยู่เล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากที่บางเบาก็ได้ เปิดอ้าขึ้นมา ราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่ากลับ ไม่ได้พูดออกมาแม้แต่คำเดียว
จันวิภาตกตะลึง ไม่เข้าใจ ทันใดนั้นเองร่ายกายของสุมิตร ก็ดิ่งลงมา จูบที่อ่อนโยนตกลงมาบนตาเธออีกครั้ง ใช้ริมฝีปาก สัมผัสขนตาที่ร้องไห้จนเปียกขึ้นของเธอ
จันวิภาทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงแค่หลับตาลง
บางทีครั้งนี้สุมิตรอาจจะสำนึกผิดได้..จันวิภาหลับตาลง
แล้วนึกคิดในความมืด ตอนที่จูบจันวิภาอยู่นั้น มือของสุมิตรก็ได้ต่อยๆกอดที่เอว มือของสุมิตรทันที เมื่อสายตามองจันวิภากำลังจะกลิ้งตกลงไป บนพื้น สุมิตรจึงรีบล้มลงไปบนเตียงทันที
ร่างกายของทั้งสองคนพัวพันกันอยู่บนเตียง แต่ไม่รู้ว่าสุ มิตรจงใจหรือไม่ เขาประทับรอยจูบลงไปบนหน้าผากของเธอ
จันวิภารู้สึกแปลกใจหนิดหนรอย เพราะว่า จูบนั่นมันช่าง เป็นรอยจูบที่อบอุ่น
นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน และหลงลืมไปช่วง เวลาหนึ่งว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจอยู่ และยังหลงลืม ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย เธออ้าปากเล็กๆ ของเธอ ด้วยความตกตะลึงอยู่เล็กน้อย
สุมิตรกดแขนค้างอยู่บนเตียง มองจันวิภาจากด้านบน มุม ปากของเขาสั่นไหวอยู่เล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากที่บางเบาก็ได้ เปิดอ้าขึ้นมา ราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทว่ากลับ ไม่ได้พูดออกมาแม้แต่คำเดียว
จันวิภาตกตะลึง ไม่เข้าใจ ทันใดนั้นเองร่ายกายของสุมิตร ก็ดิ่งลงมา จูบที่อ่อนโยนตกลงมาบนตาเธออีกครั้ง ใช้ริมฝีปาก สัมผัสขนตาที่ร้องไห้จนเปียกขึ้นของเธอ
จันวิภาทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงแค่หลับตาลง
บางทีครั้งนี้สุมิตรอาจจะสำนึกผิดได้..จันวิภาหลับตาลง
แล้วนึกคิดในความมืด ตอนที่จูบจันวิภาอยู่นั้น มือของสุมิตรก็ได้ต่อยๆกอดที่เอว ของเธอเอาไว้
เติมทีการเคลื่อนไหวของเขานั้นเบามาก แต่เนื่องจากเถ้า แก่เนี้ยได้ทุบตีที่เอวของเธอมาก่อนจนบาดเจ็บ ดังนั้นการ สัมผัสของสุมิตรครั้งนี้จึงทำให้เธอหดตัวลงด้วยความเจ็บปวด
ผิดปกติ สุมิตรหยุดมือลง แล้วลูบคลำเอวที่เล็กๆของจัน วิภาให้เบาลงกว่าเดิม บนผิวที่ขาวเรียบเนียนนั่น มีรอยฟกช้ำ
อยู่
“เจ็บ?”
เหมือนกับว่าจันวิภาจะได้ยินไม่ชัดอย่างไรอย่างนั้น เธอ ลืมตาขึ้นมา จึงพบว่าสุมิตรกำลังจ้องมองที่เอวของตนเองอยู่ ทั้งยังค่อยๆลูบคล่าอย่างช้าๆ
เนื่องจากในห้องไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ ดังนั้นจันวิภาจึงมอง เห็นสายตาของเขาไม่ชัดเท่าไหร่นัก จึงแค่ส่ายหัวออกไป
“ผมพูดว่า เจ็บไหม?” สุมิตรถามอย่างเบาๆอีกครั้ง น้ำ เสียงเรียบๆ แต่กลับป่าเถื่อนและเย็นชาน้อยกว่าตอนปกติมาก จันวิภาส่ายหัวอีกครั้ง จากนั้นจึงพูดออกไปเบาๆ “ไม่เจ็บ” สุมิตรก้มตัวลง จูบลงไปบนรอยฟกช้ำบนเอวของจันวิภา
ริมฝีปากที่เปียกชื้นอยู่เล็กน้อยนั่น สัมผัสลงไปบนผิวหนัง ของจันวิภาทีละเล็กทีละน้อย ความอบอุ่นของลมหายใจที่ร้อน อยู่เล็กน้อยทำให้ร่างกายของจันวิภารู้สึกเหมือนตกลงไปใน ชนนก เธอรู้สึกเหมือนกับตนเองกำลังจะละลายอยู่อย่างไร ของเธอเอาไว้
เติมทีการเคลื่อนไหวของเขานั้นเบามาก แต่เนื่องจากเถ้า แก่เนี้ยได้ทุบตีที่เอวของเธอมาก่อนจนบาดเจ็บ ดังนั้นการ สัมผัสของสุมิตรครั้งนี้จึงทำให้เธอหดตัวลงด้วยความเจ็บปวด
ผิดปกติ สุมิตรหยุดมือลง แล้วลูบคลำเอวที่เล็กๆของจัน วิภาให้เบาลงกว่าเดิม บนผิวที่ขาวเรียบเนียนนั่น มีรอยฟกช้ำ
อยู่
“เจ็บ?”
เหมือนกับว่าจันวิภาจะได้ยินไม่ชัดอย่างไรอย่างนั้น เธอ ลืมตาขึ้นมา จึงพบว่าสุมิตรกำลังจ้องมองที่เอวของตนเองอยู่ ทั้งยังค่อยๆลูบคล่าอย่างช้าๆ
เนื่องจากในห้องไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ ดังนั้นจันวิภาจึงมอง เห็นสายตาของเขาไม่ชัดเท่าไหร่นัก จึงแค่ส่ายหัวออกไป
“ผมพูดว่า เจ็บไหม?” สุมิตรถามอย่างเบาๆอีกครั้ง น้ำ เสียงเรียบๆ แต่กลับป่าเถื่อนและเย็นชาน้อยกว่าตอนปกติมาก จันวิภาส่ายหัวอีกครั้ง จากนั้นจึงพูดออกไปเบาๆ “ไม่เจ็บ” สุมิตรก้มตัวลง จูบลงไปบนรอยฟกช้ำบนเอวของจันวิภา
ริมฝีปากที่เปียกชื้นอยู่เล็กน้อยนั่น สัมผัสลงไปบนผิวหนัง ของจันวิภาทีละเล็กทีละน้อย ความอบอุ่นของลมหายใจที่ร้อน อยู่เล็กน้อยทำให้ร่างกายของจันวิภารู้สึกเหมือนตกลงไปใน ชนนก เธอรู้สึกเหมือนกับตนเองกำลังจะละลายอยู่อย่างไร อย่างนั้น และร่างกายก็เริ่มเบาขึ้นเรื่อยๆ
ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออมาจากเอวราวกับสูญสลาย หายไปจนหมดสิ้น แต่สิ่งที่มาพร้อมกับมันเป็นเปลวไฟอ่อนๆที่ สะเทือนออกมาจากภายในใจ เปลวไฟนั่นกำลังร้อนผ่าวขึ้น เรื่อยๆจากการจูบของสุมิตร
สุมิตรจูบเอวของจันวิภาอยู่ ลมหายใจก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็น หนักแน่นและรุนแรงขึ้น และมือทั้งสองข้างของเขายังคง ลูบคลำน่องขาอันขาวผ่องและเหยียดตรงที่อยู่ใต้กระโปรง
น่องขาที่ราวกับขนแกะที่ข่าวผ่องสวยงามและนุ่มนวลตก ไปอยู่ในมือของสุมิตร นิ้วมือของเขาเกี่ยวจากหลังเท้าของเธอ ไปจนถึงขอบกระโปรงที่สั้นจู่
นิ้วมือที่หยาบอยู่เล็กน้อยทำให้จันวิภารู้สุกทั่วทั้งตัว ราวกับโดนไฟฟ้าช็อต แม้แต่ลมหายใจของเธอก็เปียกชื้นและ หนักแน่นขึ้นมา
ในที่สุดนิ้วมือของเขาก็เข้าไปในกระโปรงของจันวิภา…
แต่ทว่าตอนที่จันวิภาหลงลืมตัวอยู่นิดหน่อยนั้น สุมิตร กลับหยุดมือลงทันที คิ้วขมวดขึ้นมาจนแน่น
“เป็นอะไรไป?” จันวิภาเอ่ยถามราวกับลูกแมวน้อย อย่างไรอย่างนั้น
สุมิตรลุกขึ้นยืน แต่กลับไม่ตอบอะไร ใช้แต่เพียงหลังหัน ให้จันวิภา อย่างนั้น และร่างกายก็เริ่มเบาขึ้นเรื่อยๆ
ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออมาจากเอวราวกับสูญสลาย หายไปจนหมดสิ้น แต่สิ่งที่มาพร้อมกับมันเป็นเปลวไฟอ่อนๆที่ สะเทือนออกมาจากภายในใจ เปลวไฟนั่นกำลังร้อนผ่าวขึ้น เรื่อยๆจากการจูบของสุมิตร
สุมิตรจูบเอวของจันวิภาอยู่ ลมหายใจก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็น หนักแน่นและรุนแรงขึ้น และมือทั้งสองข้างของเขายังคง ลูบคลำน่องขาอันขาวผ่องและเหยียดตรงที่อยู่ใต้กระโปรง
น่องขาที่ราวกับขนแกะที่ข่าวผ่องสวยงามและนุ่มนวลตก ไปอยู่ในมือของสุมิตร นิ้วมือของเขาเกี่ยวจากหลังเท้าของเธอ ไปจนถึงขอบกระโปรงที่สั้นจู่
นิ้วมือที่หยาบอยู่เล็กน้อยทำให้จันวิภารู้สุกทั่วทั้งตัว ราวกับโดนไฟฟ้าช็อต แม้แต่ลมหายใจของเธอก็เปียกชื้นและ หนักแน่นขึ้นมา
ในที่สุดนิ้วมือของเขาก็เข้าไปในกระโปรงของจันวิภา…
แต่ทว่าตอนที่จันวิภาหลงลืมตัวอยู่นิดหน่อยนั้น สุมิตร กลับหยุดมือลงทันที คิ้วขมวดขึ้นมาจนแน่น
“เป็นอะไรไป?” จันวิภาเอ่ยถามราวกับลูกแมวน้อย อย่างไรอย่างนั้น
สุมิตรลุกขึ้นยืน แต่กลับไม่ตอบอะไร ใช้แต่เพียงหลังหัน ให้จันวิภา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
แผลอยู่เยอะมาก”
สุมิตรพูดขึ้นว่า “บนร่างกายเธอมี
จันวิภาไม่ได้พูดอะไร รู้สึกแต่เพียงว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิด ขึ้นอย่างกะทันหันนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ต่อมา สุมิตรจึงพูดอีกว่า “ทุกครั้งเวลาที่ผมอ่อนโยน พอ นึกถึงแม่เธอขึ้นมา ฉันก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”
นี่เป็นความจริงอันยิ่งใหญ่ หรือนี่จะเป็นสิ่งที่สุมิตรอยาก
จะพูด
จันวิภาไม่ได้อารมณ์เสียเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว และก็ไม่
ได้ตอบโต้กลับไป เพียงแค่พูดออกมาเบา ๆ “เรื่องของพวกเขา ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่ต่างก็ไม่เคยบอก อะไรให้ฉันมาก่อนเลย แต่ฉันเหมือนจะรู้ได้ลางๆว่า มันคง ไม่ใช่เรื่องดีแน่”
สุมิตรถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “มีความแค้นก็ต้องมี การแก้แค้น ความชั่วที่แม่ของเธอทำเอาไว้ กำลังตามหลังเธอ สองคนพ่อลูกมา ที่นี้ ตอนนี้พ่อของเธออาจจะเกลียดแม่เธอ มากกว่าผมเสียอีก”
เป็นการยากที่สุมิตรจะพูดเรื่องในใจมากมายขนาดนี้ให้ จันวิภาฟัง ยังไม่ทันที่จะรอให้จันวิภามีท่าทีตอบสนอง เขาก็ เดินออกจากประตูห้องไป
เมื่อได้ฟังค่าพูดของสุมิตร มันเหมือนกับเขาจะรู้ สถานการณ์ของพ่อเธออย่างไรอย่างนั้น แต่เธอก็ถามออกไป สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
แผลอยู่เยอะมาก”
สุมิตรพูดขึ้นว่า “บนร่างกายเธอมี
จันวิภาไม่ได้พูดอะไร รู้สึกแต่เพียงว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิด ขึ้นอย่างกะทันหันนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ต่อมา สุมิตรจึงพูดอีกว่า “ทุกครั้งเวลาที่ผมอ่อนโยน พอ นึกถึงแม่เธอขึ้นมา ฉันก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”
นี่เป็นความจริงอันยิ่งใหญ่ หรือนี่จะเป็นสิ่งที่สุมิตรอยาก
จะพูด
จันวิภาไม่ได้อารมณ์เสียเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว และก็ไม่
ได้ตอบโต้กลับไป เพียงแค่พูดออกมาเบา ๆ “เรื่องของพวกเขา ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่ต่างก็ไม่เคยบอก อะไรให้ฉันมาก่อนเลย แต่ฉันเหมือนจะรู้ได้ลางๆว่า มันคง ไม่ใช่เรื่องดีแน่”
สุมิตรถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “มีความแค้นก็ต้องมี การแก้แค้น ความชั่วที่แม่ของเธอทำเอาไว้ กำลังตามหลังเธอ สองคนพ่อลูกมา ที่นี้ ตอนนี้พ่อของเธออาจจะเกลียดแม่เธอ มากกว่าผมเสียอีก”
เป็นการยากที่สุมิตรจะพูดเรื่องในใจมากมายขนาดนี้ให้ จันวิภาฟัง ยังไม่ทันที่จะรอให้จันวิภามีท่าทีตอบสนอง เขาก็ เดินออกจากประตูห้องไป
เมื่อได้ฟังค่าพูดของสุมิตร มันเหมือนกับเขาจะรู้ สถานการณ์ของพ่อเธออย่างไรอย่างนั้น แต่เธอก็ถามออกไป ไม่ทัน
จันวิภาคิดอยากที่จะตามออกไป แต่ว่าเนื่องจากร่างกายที่ เหนื่อยล้าจนอ่อนแรง จึงทำได้เพียงแค่ยอมแพ้
“พรุ่งนี้ค่อยถามเขาแล้วกัน”
จันวิภาครุ่นคิดอยู่นานในความมืด ในท้ายที่สุดจึงยิ้ม
เจื่อนๆแล้วหลับใหลลงไป ไม่ทัน
จันวิภาคิดอยากที่จะตามออกไป แต่ว่าเนื่องจากร่างกายที่ เหนื่อยล้าจนอ่อนแรง จึงทำได้เพียงแค่ยอมแพ้
“พรุ่งนี้ค่อยถามเขาแล้วกัน”
จันวิภาครุ่นคิดอยู่นานในความมืด ในท้ายที่สุดจึงยิ้ม
เจื่อนๆแล้วหลับใหลลงไป