พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 76
ตอนที่ 76 คู่รักใหม่ของเขางั้นหรอ
จันวิภาโกรธเสียจนตัวสั่นอยู่เล็กน้อย
“สุมิตร นราวิชญ์ก็พู.ดไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายอมแพ้ฉัน แล้ว ครั้งนี้เขาเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้ กับนายครั้งที่แล้ว เขาจะอยู่ห่างจากฉัน และนายก็อย่าทำให้ มันเกิดปัญหาอีก”
“อย่าทำให้มันเกิดปัญหาอีก! ”
สุมิตรเปล่งเสียงที “จะบอกเธอให้นะ จันวิภา ไม่ว่าเธอจะ ทำเรื่องอะไรฉันก็มองออกหมดแหละ คำพูดของเธอ ฉันไม่เชื่อ แม้แต่คำเดียว”
“หุบเขาเจียงซานยากที่จะเคลื่อนไหว นางแพศยาก็ยังคง เป็นนางแพศยาอยู่วันยันค่ำ”
หลงจากสุมิตรพูดประโยคนี้จบจึงหันตัวแล้วเดินจากไป นี้ ทำให้จันวิภาประหลาดใจเป็นอย่างมาก เธอคิด สุมิตรจะไม่ ปล่อยโอกาสนี้ให้ล่วงละเมิดการข่มขู่นาง แต่เขาแค่มาเยาะ เย้ยนางกี่คำแล้วก็เดินจากไป
แต่ถึงกระนั้น จันวิภาก็ยังรู้สึกโกรธและไร้พลัง เธอตะโกน ที่ด้านหลังของสุมิตร “นายจะเชื่อหรือไม่ สารเลว! ”
นอนไม่หลับทั้งคืน วันรุ่งขึ้นจันวิภาเดินออกประตูไปก็ได้ เห็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่ง
ราวหับจะตระหนักได้ถึงสายตาของจันวิภา ผู้หญิงคนนั้น หันตัวกลับมา สายตาก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจเฉกเช่น เดียวกัน ทั้งยังอ้าปากออกมาเล็กน้อย
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ทั้งสองคนเอ่ยถามเกือบจะพร้อมเพียงกัน ทั้งสองฝ่ายต่าง ก็ตกใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจันวิภา เธอไม่คิดไม่ฝันเลย นวาระคนนั้นที่เห็นอยู่เมื่อวานนี้หลัดๆจะปรากฏตัวออกมาที่นี่
เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน เสียงเปิดประตูดังขึ้น สุมิตรเดิน
ออกมาจากด้านในห้อง
และเขายังคงสวมชุดนอนเอาไว้อยู่ หลังจากเดินออกมา จึงจับไหล่ของนวาระอย่างเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากจูบกันบน เส้นผมที่อยู่ถัดจากหูของนวาระ หลับตาลงแล้วเพลิดเพลินไป กับกลิ่นอายของเธอ
สุมิตรไม่สนใจสายตาของจันวิภาที่ดูอย่างไม่เชื่อสายตา อยู่เลยแม้แต่น้อย ราวกับจันวิภาเป็นอากาศธาตุ และอ่อนโยน กับผู้หญิงคนนั้น
ใบหน้าของนวาระดูแดงก่ำอยู่เล็กน้อย เมื่อเธอเห็นสุมิตร ยังคงต้องการที่จะจูบคอของเธอต่อ เธอจึงผลักสุมิตรออกไปเบาๆ และใช้สายตาแสดงออกว่ายังมีจันวิภายืนมองอยู่ข้างๆ
สุมิตรเงยหน้าขึ้นมามองจันวิภา ดวงตาเต็มไปด้วยความ เกียจคร้านและยังมีความเยือกเย็นที่ทำให้คนรู้สึกประหม่า อยากเดินจากไป
“เขาเป็นใคร?” นวาระชี้ไปทางจันวิภา “คุณจะไม่ควรจะ แนะนำตัวหน่อยหรอ?”
จันวิภารู้สึกว่ามันน่า ข่า เมื่อวานนวาระก็คงจะรู้แน่ชัดอยู่ แล้วว่าตนเองเป็นภรรยาของสุมิตร แต่ทว่าวันนี้กลับเปลี่ยนไป เป็นคนละคน?
“เธอเป็นภรรยาของฉัน” สุมิตรโอบเอวนวาระ ฝ่ามือของ เขาค่อยๆขยับผ่านชุดนอนไถลเข้าไป
นวาระตกใจอยู่เล็กน้อย ไม่รู้จะทำอย่างไรดีในขณะนี้
จันวิภาเม้มปากเน้นจนปากซีดอยู่เล็กน้อย สุดท้ายแล้วก็ ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เธอหมดคำจะพูดอะไร
จริงๆ
ในตอนนี้นวาระกลับถลึงตาจ้องมองสุมิตรแล้วพูดขึ้นว่า “สุมิตร คุณไม่เคยบอกฉันเลยว่าคุณมีภรรยาแล้ว คุณควรบอก
ฉันให้เร็วกว่านี้หน่อยนะ”
สุมิตรโอบไปที่ไหล่ของเธอแล้วพูด “นวาระ ที่ฉันชอบนะ
มันเธอ”
นวาระส่ายหัวแล้วพูด “ไม่ สุมิตร แม้ว่าฉันจะรู้ว่าคุณเป็นคนพรากครั้งแรกของฉันไป แต่ฉันไม่ยอมให้ตนเองเป็นเมีย น้อย แล้วทำลายครอบครัวของคนอื่นหรอก ฉันทำไม่ได้”
นวาระพูดจบก็หันตัวเดินไป แต่ทว่าพึ่งจะเดินออกไปได้ เพียงก้าวเดียวก็ถูกสุมิตรดึงเข้ามาสู่อ้อมแขน เขากอดนวาระ จนแน่น แล้วพูดขึ้นอย่างอบอุ่น “นวาระ ที่ฉันแต่งงานกับจัน วิภาก็แค่เพื่อผลประโยชน์เท่านั้นแหละ ในสายตาของฉันเธอ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ และไม่มีค่าพูดที่จะทำลายครอบครัว ได้ คนที่ฉันรักน่ะคือเธอ”
สุมิตรกล่าวในขณะที่ใช้นิ้วมือของเขาลูบคลำเส้นผมอ่อน นุ่มนั่นของนวาระ สายตาไร้ซึ่งความเยือกเย็นใดๆ มีแต่เพียง แค่ทำให้จันวิภารู้สึกเหน็บหนาวราวกับคนแปลกหน้า
จันวิภาไม่เคยคิดเลยว่าสุมิตรจะมีช่วงเวลาที่แสนจะอบอุ่น เช่นนี้ และที่เสียดสีเป็นอย่างยิ่งนั่นก็คือ เขาอ่อนโยนกับผู้หญิง คนอื่นต่อหน้าเธอ
สุมิตรไม่สนใจจันวิภา เรียกสาวใช้ออกมา แล้วพูดกับสาว ใช้ “ไปจัดเตรียมห้องให้คุณนวาระ และจัดวางของที่จำเป็นใน ชีวิตประจำวันไว้ให้หมด”
สาวใช้คนนั้นพยักหน้า จากนั้นจึงมองจันวิภาอย่างเย้ย หยันและย่ามใจ โค้งเคารพนวาระอย่างเคารพ “คุณนวาระ เชิญทางนี้นะคะ”
นวาระจ้องมองจันวิภาที่มีสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ไดๆด้วย ความกังวลอยู่เล็กน้อย แล้วมองมาที่สุมิตรอีกที สุมิตรดบใหล่ของเธอด้วยความอบอุ่น “ไปเถอะ ไม่เป็นไร”
นวาระพยักหน้า แล้วเดินตามสาวใช้ไป
จันวิภาที่เห็นเรื่องราวทั้งหมดนี้ ไม่ได้ร้องให้สักแอะ มีแต่ เพียงความท้อแท้ที่อยู่ในหัวใจ
เธอไม่เคยหักหลังสุมิตร แม้ว่ามันจะเป็นความเข้าใจผิดที่ ถูกสุมิตรเยาะเย้ยถากถางจนถึงขนาดทรมานร่างกาย เธอก็ อดทนอดกลั้นมันเอาไว้
แต่ทว่าครั้งนี้ จันวิภาไม่อาจที่จะยอมรับการอยู่ร่วมกัน ของสุมิตรกับคนรักใหม่ของเขาได้
จั่นวิภากลับไปที่ห้องหยิบกระเป๋าเดินทางของตนเองออก มาคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างใจลอยพร้อมกับหยิบเสื้อผ้า ยัดใส่กระเป๋าสัมภาระ
ความอัปยศอดสูที่อยู่ภายในใจเป็นดั่งมีดที่ที่มแทง ความ คิดเช่นนั้นของเธอได้ตอกทะลวงเข้าไปสู่หัวใจ
แต่ทว่าจันวิภากลับไม่ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา และไม่มีความ เศร้าโศก เธอเงียบสงบเสียจนน่าแปลกประหลาดตั้งแต่ต้นจน
จบ
เธอนิ้วกระเป๋าเดินทาง เตรียมที่จะออกไป แต่สุมิตกลับ ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าเธออีกครั้ง
“เธอคิดจะทำอะไร?” สุมิตรขวางจันวิภาเอาไว้อยู่ข้างหน้า ไฟที่สาดส่องลงมาจากบนเพดาน ทำให้เงาของเขาสูงใหญ่และทำให้เขาดูเย็นชามากขึ้นไปอีกภายใต้แสงไฟ
“เรื่องมันก็เห็นชัดๆอยู่” จันวิภายกกระเป๋าสัมภาระขึ้นมา และอ้อมไปทางด้านข้างของสุมิตร
แต่ในวินาทีต่อมา ข้อมือของจันวิภาก็ได้ถูกมือที่ใหญ่โต และแสนจะเย็นเฉียบของสุมิตรบีบเอาไว้ มีอที่ถือสัมภาระอยู่ได้ ปล่อยลงมาด้วยความเจ็บปวด
สุมิตรโยนกระเป๋าเดินทางไปไว้ข้างๆ จ้องมองแผ่นหลัง ของจันวิภาแล้วพูดขึ้น “เธอคิดว่าบ้านวิบูลย์ธนภัณฑ์เป็นที่ที่ เธออยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไปอย่างนั้นหรอ? จันวิภา เธอ คิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันง่ายเกินไปแล้ว เธอคิดว่าฉันจะปล่อย
เธอไปง่ายๆงั้นหรอ?” จันวิภาไม่ได้หันตัวกลับมา และพูดอย่างเยือกเย็น “อยาก มาก็มา? อยากไปก็ไป? ที สุมิตร เดิมที่ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาที่ นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ชีวิตฉันดีอยู่แล้ว แต่ทันใดนั้นนายก็บุกรุก เข้ามาในชีวิตของฉัน แล้วลากฉันมาที่นี่ ทรมานฉัน ปู่ยี่ปู่ยำฉัน และทำลายฉัน”
“ฉันขอถามนายหน่อย ฉันทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อนายกันแน่ หรือ?” จันวิภาพูดเสียงสูงอยู่เล็กน้อย
สุมิตรกอดไหล่ของจันวิภา บังคับให้ร่างกายของเธอ เผชิญหน้ากับตัวเอง จากนั้นจึงใช้แรงบีบไปที่คางของเธอ แล้ว พูดอย่างโหดเหี้ยม “เธอถูกขายมา แล้วฉันใช้เงินซื้อ ฉันจะ จัดการอย่างไรก็ได้ เธอต้องเข้าใจเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
“และ เรื่องที่เธอทำผิดต่อฉัน เกรงว่าฉันจะไม่ต้องพูดให้ มากความ คืนแรกของงานแต่งงานเธอกลับปล่อยให้ตนเอง ตกลงไปสู้เหวลึก ทุกสิ่งที่ ทุกสิ่งที่คุณได้รับต้องโทษแม่ของเธอ ที่พานางแพศยาอย่างเธอเกิดขึ้นมาบนโลก”