พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 78
ตอนที่ 78 สมคบคิด
ร้านกาแฟ
นวาระเดินไปยังที่นั่งพิเศษที่อยู่ทางด้านในทางเดิน
ภายใต้แสงไฟที่สลัวๆ ควันบุหรี่รอยอิ่งมาไม่ขาดสาย ชายที่รูปร่างหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่นิ่มๆ ใน ปากสูบซิการ์เอาไว้อยู่ ขมวดคิ้วขึ้น ราวกับครุ่นคิดอะไรบาง อย่าง
ในเวลานี้ หลังจากผู้ชายคนนั้นเห็นนวาระเดินเข้ามา ริม ฝีปากของเขาก็ยกโค้งขึ้นมาอยู่เล็กน้อย
“หยุด อย่าขยับ” ชายคนนั้นออกคำสั่ง
นวาระยืนอยู่ที่หน้าประตูโดยอัตโนมัติ และปรับมุมมอง
ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์อย่างจงใจ แสดงรูปร่างอันผอม เพรียวของตนเอง แล้วยิ้มไปทางผู้ชายคนนั้น
วันนี้นวาระสวมกระโปรงสูทสีฟ้าอ่อน ขาอ่อนที่ทั้งเบาบาง และงดงามถูกหุ้มไว้ด้วยถุงน่องสีดำอันแสนจะเย้ายวน ชายคน นั้นมองดูอยู่ซักครู่แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
“มองพอรียังจ๊ะ” นวาระพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน ใช้มือ ม้วนผมของตนเอง ช่างเป็นเสน่ห์ที่หาใดเปรียบไม่ได้
“ซิมานั่งตรงนี้” ชายคนนั้นตบไปยังพื้นที่ข้างๆของตนเอง นวาระเดินไปโดยไม่คิดอะไร เข้าไปใกล้กับผู้ชายคนนั้น
ทั้งยังฉวยโอกาสล้มลงสู่อ้อมแขนของเขา
ชายคนนั้นยิ้มออกมาอีกครั้ง จากนั้นนวาระก็ถูกผลักออก ไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา “สุมิตรไม่ได้ รังแกเธอสินะ หม? เมื่อคืนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” นวาระยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พิงไปที่ชายคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง
แขนทั้งสองข้างขยับเลื้อยเล่นอยู่ตรงหน้าอกของเขา เกี่ยวและ
พันคอของชายนนั้นอย่างอ่อนโยน
“แน่นอนว่ามี แต่สถานการณ์ทั้งหมดราบรื่นดี”
“งั้นก็ดี! ” ชายคนนั้นพอใจมากกับคำตอบของนวาระ แต่เขากลับลุกขึ้นยืน เพื่อหลีกเลี่ยงจากการยั่วยวนของเธอ “ดู เหมือนว่าคืบหน้าได้ไม่เลวเลย ที ไม่ว่าจะเป็นสุมิตรหรือธน ภาค ก็ช่างอ่อนแอเสียจริง คิดไม่ถึงเลยว่าการจะหาแค่ผู้หญิง แค่คนเดียวจะมีราคาแพงเช่นนี้”
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาอ่อนแอ แต่คุณเก่งเกินไปต่างหาก คิด ไม่ถึงเลยว่าจะสามารถทำเรื่องนี้ได้ สุพจน์นะสุพจน์ คุณนี่ช่าง ยอดเยี่ยมจริงๆ! ”
นวาระหัวเราะออกมาเบาๆ การประเมินของผู้ชายคนนี้สูง มาก แต่ผู้ชายคนนี้ฉลาดเกินไป แล้วไม่ได้คิดจะกินเธอเลย การ ที่เธอยั่วยวนเขาจึงไร้ประโยชนมาโดยตลอด
ทั้งยังมีอายุอานามคล้ายคลึงกับสุมิตร ชายรูปงามหล่อ เหลา ชายที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบ และตอนที่อยู่มนงานประมูล ชายที่สวมหน้ากากเงินคนที่ประมูลจันวิภาด้วยเงินสามสิบล้าน ก็นี้คือ….สุพจน์!
สุพจน์แสยะยิ้มออกมา จากนั้นจึงพูดขึ้น “แต่เธอต้องรีบ หน่อยนะ เพราะเธอไม่ใช่แมวป่าตัวน้อยที่สุมิตรกำลังตามหา อยู่! ”
“ฉันรู้ วางใจเถอะ ฉันจะทำสิ่งที่คุณต้องการอย่างแน่นอน และฉันจะทำให้จันวิภาอย่ากับสุมิตรให้ได้! ” นวาระหัวเราะ แล้วพูด เธอมุ่งมั่นที่จะเอาชนะ
“งั้นก็ดี แต่ เมื่อเธอกลายเป็นผู้หญิงของสุมิตรเข้าจริงๆ แล้ว อย่าลืมซะละว่าฉนชักใยอยู่เบื้องหลังของเธอจริงๆ! ” สุ พจน์พูดเบาๆ น้ำเสียงช่างนุ่มนวล แต่มันกลับชัดเจนด้วยภัย คุกคามและคำเตือนที่ไม่อาจปฏิเสธได้
นวาระพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ฉันไม่สนหรอกว่าคุณหญิงจะ เป็นใคร และฉันก็รู้ว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร! ”
สุพจน์ไม่ตอบ ส่งเสียง “ที” ออกมาเบาๆ สูบซิการ์ที่อยู่ใน
มือต่อ เหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
นวาระหันหน้ากลับมา จ้องมองชายหนุ่มรูปงานคนนี้ แล้ว เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ฉันคิดไม่ออก คุณเกลียดสุมิตร คุณ แต่จัดการกับเขาก็พอแล้ว แต่ทำไมจะต้องให้เขาหย่ากับจัน วิภาด้วยล่ะ?”
สุพจน์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าในสมองจะปรากฏรูป ร่างของผู้หญิงที่บริสุทธิ์และสั่นเทาคนนั้น เธออ่อนแอขนาดนั้น แต่ยังมีความเฉลียวฉลาด ความกล้าหาญและความดื้อรั้น…
“เรื่องของผม คุณไม่สามารถถามได้! ” สุพจน์พูดจบ จึง ดับซิการ์ที่อยู่ในมือ หันตัวแล้วเดินออกไปจากที่นั่งพิเศษ โดยที่ไม่ชายตามองนวาระเลยแม้แต่น้อย
นวาระจ้องไปที่แผ่นหลังของสุพจน์ที่เดินออกไป นัยน์ตา เปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็น “ฉันจะต้องทำให้สุมิตรกับจันวิภา อย่าร้างกันให้ได้ สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่แค่ตำแหน่งภรรยาของ สุมิตร แต่เป็นใจของสุมิตร ฉันนวาระคนนี้จะต้องคว้ามันมาให้
ได้! ”
จันวิภาจ้องมองผ้าปูโต๊ะลายตารางหมากรุก จ้องมอง อย่างตกตะลึง กาแฟที่อยู่ด้านหน้าของเธอไม่ได้ขยับเขยื้อน เลยแม้แต่น้อย ความร้อนเกือบจะสลายหายไปจนหมดแล้ว
พัชรีที่ นั่งตรงข้ามกับจันวิภา ข้อศอกทั้งสองตั้งอยู่บนโต๊ะ จ้องมองดูกาแฟที่อยู่ตรงหน้า ริมฝีปากสัมผัสไปบนปากแก้ว ค่อยๆดื่มทีละน้อยๆ ในขณะเดียวกันก็จ้องมองจันวิภาที่กำลัง งุนงง
“เธอเรียกฉันออกมา เพื่อมานั่งอึ้งหรือไง?”
พัชรีวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างแรงอยู่เล็กน้อย เพื่อคิด ที่จะทำลายความคิดที่เพ้อเจ้อของจันวิภา
จันวิภาเงยหน้าขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าพูดไม่เป็นภาษาอยู่เล็ก
น้อย
“เจ้าหญิงน้อยผู้เคยมีน้ำมีนวลเอ๊ย ทำไมตอนนี้ถึงได้ เปลี่ยนไปเป็นอย่างนี้? เฮ้ย ฉันว่านะเจ้าหญิงจันวิภา เธอพูดสัก คำสิว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
พัชรีกังวลเป็นอย่างมาก อยากที่จะรู้ว่าสิ่งที่จันวิภาเห็น ด้วยตานั้นคืออะไร แต่กลับเห็นเพียงความมืดมน
จันวิภาคิดไปคิดมา ตัดสินใจที่จะไม่บอกเรื่องพ่อกับ นวาระแก่พัชรี เพราะเธอทนไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ฉันถูกวิทยาลัยดนตรีไล่ออกแล้ว..จันวิภาถอน หายใจแล้วพูด “เธอนั่งเป็นเพื่อนฉันสักประเดี๋ยวหนึ่งเถอะนะ”
พัชรีพยักหน้า ไม่ได้ส่งเสียงออกมา และมองดูจันวิภาด้วย
ความเงียบสงบ
เมื่อตอนที่จันวิภาคิดเช่นนี้ จึงหันหน้าไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ เหลือบมองไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากที่นั่งพิเศษ นั่น คือนวาระนั่นเอง
จันวิภาคิดว่าตนเองโชคร้ายเข้าเสียแล้ว เธอผ่อนคลาย ขึ้นมาเล็กน้อยแต่กลับได้เห็นผู้หญิงที่น่าความอัปยศอดสูมาให้ เธอ เธอกัดฟันอยู่พักหนึ่ง มองนวาระอย่างใจลอย นิ้วมือบีบ แก้วกาแฟเสียจนขาวซีด
เมื่อพัชรีเห็นจันวิภาจ้องมองนวาระอยู่ตลอด จึงเอ่ยถามขึ้นมา “เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอ่ะ? เธอรู้จักหรอ?”
จันวิภาในตอนนี้กำลังจ้องมองนวาระอย่างใจลอย จึงตอบ กลับไปโดยไม่รู้ตัว “เธอนะหรอ เธอเป็นคนรักของสุมิตร”
พัชรีกำลังดื่มกาแฟเข้าปาก ไม่มีการตอบสนองอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นสองวินาที เธอก็ได้ตกตะลึงขึ้นมาทันที และไม่ อดทนอีกต่อไป กาแฟที่อยู่ในปากถูกพ่นออกไปโดนเสื้อผ้าของ จันวิภา
“หูฉันไม่ได้ฟาดใช่มั้ย จันวิภา! ”
จันวิภาสงบจิตใจลงอย่างรวดเร็ว มองไปยังเธออย่าง เฉยเมย แล้วพยักหน้า
“ครั้งแรกที่เจอเขา ฉันก็คิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ และรวย และฉันก็ยังคิดว่าเธอก็คงจะมีความสุขด้วยซ้ำ ต่อมาก็ได้เกิด เรื่องของกนกอรขึ้น ฉันคิดว่าเขาควรที่จะสำรวมหน่อยนะ คิด ไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะมีคนรัก โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว ไอ้สารเลว จะให้ ทนอยู่ใต้ไง”
“อย่าไปเลย! ” พัชรีกัดฟันพูด “จันวิภา เธอจะต้องอย่า
กับไอ้สารเลวนั่น! ”
จันวิภายิ้มอย่างขึ่นขม ถ้าหากสามารถอย่าร้างได้จริงๆล่ะ ก็ เธอจะมีสภาพเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้อย่างไร
ในตอนนี้ เมื่อเดินใกล้เข้ามานวาระก็ได้ถูกการกระทำของ พัชรีดึงดูดเข้า และสายตาก็เหลือบไปเห็นจันวิภาที่นั่งอยู่ตรงข้ามพัชรี
นวาระยิ้มเยาะเย้ยแล้วเดินเข้ามา *ฉันพูดว่า เธอสะกด รอยตามฉันไม่ได้หรอก ที คุณหญิงนี่มีความคิดที่ดีจริงๆ”
จันวิภาเอียงคอแล้วหัวเราะเยาะ “เธอนี่มองเห็นตัวเอง
จริงๆ แม้ว่าฉันจะสะกดรอยตามคน แต่ก็ไม่สะกดรอยตามหญิง ช้อย่างเธอหรอก” สีหน้าของนวาระเปลี่ยนเป็นเย็นชา เธอชี้ไปที่จันวิภาแล้ว
พูดขึ้น “ถ้าสุมิตรรู้ล่ะก็ ว่าเธอสะกดรอยตามฉัน เธอคิดว่าเขา จะทำอย่างไง? ฉันยังไม่เคยเห็นสุมิตรโกรธมาก่อนเลย เชื่อว่า มันคงจะน่ากลัวแน่ เธอก็คงจะเห็นมาไม่น้อยแล้วสินะ”
พัชรีฟังผู้หญิงคนนี้พูดคำก็สุมิตรสองคำก็สุมิตร ภายใน ใจจึงอยากทวงความยุติธรรมให้กับจันวิภา เธอลุกขึ้นยืน แล้ว พูดกับนวาระ “งั้นถ้าสุมิตรของเธอรู้ว่าเธอเข้ามาที่นั่งพิเศษ ไม่รู้ว่าทำอะไรไปแล้วเดินออกมา เธอเดาสิว่าเขาจะมีท่าทีอย่าง ไง?”