พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 85
ตอนที่ 85 ทำไมถึงไม่อย่ากัน
ดังนั้นหลังจากที่จัดการตนเองเรียบร้อยแล้ว จันวิภาจึงรีบ ไปที่โรงพยาบาลทันที พอเธอไปถึงจึงพบว่า พัชรีไม่ได้อยู่ใน ห้องผู้ป่วยอีกแล้ว บนเตียงของเธอนั้นว่างเปล่า
นวาระที่อยู่ข้างๆกำลังพิงอยู่ในอ้อมกอดของสุมิตรแล้ว ร้องไห้ออกมา
“ฉันเจ็บหนักขนาดนี้ เป็นเพราะจันวิภาทำร้าย สุมิตร ไม่ นึกเลยว่าคุณจะยังไม่ลงโทษจันวิภาอีก ไหนคุณบอกว่าเธอเป็น เพียงแค่ภรรยาในนามของคุณเท่านั้น ที่จริงแล้วคนที่คุณรัก เป็นเธอใช่มั้ย?”
เติมที่จั่นวิภาคิดว่าสุมิตรนั้นเป็นคนใจร้อน แต่กลับคิดไม่ ถึงเลยว่าเขาจะโอบกอดนวาระเอาไว้อย่างนุ่มนวล แล้วพูดขึ้น “เขาเป็นเพียงแค่นางแพศยาคนหนึ่งก็เท่านั้น ที่ผมรักมากที่สุด นั้นก็คือเธอ”
แต่ทว่านวาระกลับไม่เชื่อ ทำท่าทางเหมือนกับจะเดินออก แล้วผลักสุมิตรออกไป ในกรณีนี้ เธอเกือบฆ่าฉันอยู่แล้ว ทำไม คุณยังไม่ลงมือกับเธออีก? ฉันรู้แล้ว ฉันก็เป็นแค่ชู้เท่านั้นเอง สินะ ดี ฉันจะไป.”
จากนั้นสุมิตรจึงดึงนวาระเข้ามากอดในอ้อมแขนจนแน่นอย่างอ่อนโยน ตบหลังของเธอเบาๆแล้วพูดขึ้น “เอาล่ะๆ อย่า โวยวายอีกเลย เด็กดี”
การกระทำของสุมิตรได้ทำลายความคิดแต่เดิมของจัน วิภาไปจนสิ้น
สุมิตรไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจผู้หญิง เขารู้ดีกว่าใครทั้งหมด และ เขาก็รู้ว่าในตอนนี้นวาระไม่ได้ต้องการให้อธิบายเหตุผล เพียง แค่ต้องการความรักจากเขาก็แค่นั้น
สุมิตรสามารถทำสิ่งนี้เพื่อผู้หญิงได้ แน่นอนว่ามันทำให้ จันวิภารู้สึกตกใจ
ในขณะเดียวกัน ภายในใจของจันวิภากลับรู้สึกประหลาด ใจอย่างเงียบๆ เพราะอะไรกัน?
ทำไมความสัมพันธ์ระหว่างสุมิตรกับนวาระจึงได้กลม เกลียวกันเช่นนี้ แต่สุมิตรกลับไม่ยอมที่จะหย่ากับตนเอง?
ถ้าสุมิตรยังคงยึดเยื้ออยู่เช่นนี้ เช่นนั้นนวาระจะสามารถ
นั่งในตำแหน่งคุณหญิงแห่งบ้านวิบูลย์ธนภัณฑ์ได้อย่างไร? จัน วิภาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น จึงได้ไปชนเข้ากับกริ่ง โดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นจึงทำให้เกิดเสียงดังออกมา
สุมิตรและนวาระก็มองไปที่ประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อนวาระเห็นจันวิภาปรากฏตัวออกมา จึงได้แนบแน่นกับสุ มิตรมากยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับกำลังพิสูจน์ว่าตนเองมีเสน่ห์มากกว่าจันวิภาอย่างไรอย่างนั้น
แต่สุมิตรกลับขมวดคิ้วและจ้องมองจันวิภา นัยน์ตาทั้งสอง
เปี่ยมไปด้วยความรังเกียจและเมินเฉย
จันวิภาหันตัวเดินกลับไป เธอไม่อยากให้ตนเองได้รับ ความอัปยศอดสู แต่ทว่าเมื่อก้าวเดินออกไปได้เพียงไม่กี่เก้า ก็ได้ถูกสุมิตรเรียกให้หยุดเอาไว้
“หยุด!
จันวิภาหันหลังให้สุมิตร และไม่พูดอะไรออกมา
“พัชรีถูกส่งไปห้องอื่นแล้ว ผมไม่ต้องการเห็นผู้หญิงบ้าคน นั้นที่เหมือนกับเธอ” สุมิตรโยนคำพูดที่เยือกเย็นประโยคนี้ออก
มา
แต่ทว่านวาระกลับชี้นิ้วไปทางจันวิภาแล้วพูดขึ้น “จันวิภา วันนี้เธอทำร้ายฉัน ฉันจำมันได้หมด” ตอนที่เธอพูดอยู่นั้น บาดแผลของตนเองก็ได้สั่นสะเทือนอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเจ็บ ปวดเสียจนร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
สุมิตรรีบปลอบนวาระทันที และจันวิภาจึงได้ฉวยโอกาสนี้ เดินออกจากห้องไปทันที
สุมิตรปลอบนวาระได้อยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขากดลงไปที่ไหล่ของนวาระจ้องมองที่ดวงตาของเธอ ยิ้มออก มาแล้วพูดขึ้น “จู่ๆก็คิดขึ้นมาได้ว่าต้องส่งของชวัญให้เธอชิ้น หนึ่ง เธอจะต้องตกใจแน่ๆ”
นวาระกระพริบตาและเอ่ยถาม “เพราะฉันบาดเจ็บอยู่ก็ เลยให้ของขวัญงั้นหรอ? นั่นมันไม่ค่อยที่จะจริงใจเลย..”
สุมิตรยิ้มแล้วพูดขึ้น “แน่นอนว่าไม่ใช่ ถ้าพูดว่าเป็นของ ขวัญ คงจะดีกว่าถ้าพูดว่าส่งคืนให้เจ้าของเดิม คิดดูก็คงเป็น เรื่องที่แปลกใจเซียวล่ะ”
พูดไปพลาง จู่ๆสุมิตรก็หยิบกล่องไม้ออกมาจากใน กระเป๋าของเสื้อสูท กล่องไม้ที่ถูกห่อเอาไว้อย่างประณีต แม้ว่า มันจะเป็นสีดำและไม่ได้ผูกโบว์แดงเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะมอง อย่างไรมันก็เหมือนกับกล่องที่บรรจุแหวนเพชรแต่งงานเอาไว้
นวาระตกใจแล้วพูดขึ้น “คุณยังไม่เลิกกับจันวิภาเลย จะ มาขอฉันแต่งงาน? ถ้าหากว่าใช่ตามที่พูด นี่มันเร็วเกินไปแล้ว”
สุมิตรเขี่ยไปที่คิ้วของนวาระแล้วพูดขึ้นมาอีกครั้ง “อยาก จะเดาดูสักหน่อยไหม? สิ่งนี้เดิมที่มันเป็นของเธอ”
นวาระส่ายหัวอย่างเซ่อซ่า เมื่อคิดว่ามันไม่ใช่แหวนเพชร แต่งงาน ดังนั้นความสนใจจึงมีไม่ถึงครึ่ง เธอต้องการให้สุมิตร ขอเธอแต่งงานโดยเร็วที่สุด
สุมิตรส่ายหัวและถอยหายใจ “เธอคงจะลืมเรื่องนี้แน่นอน ช่างมันๆ เธอเตรียมตัวที่จะประหลาดใจได้เลย”
หลังจากพูดจบ สุมิตรก็แทบจะเปิดปล่องไม้กล่องนั้นอย่าง ระมัดระวัง สิ่งที่วางอยู่ตรงก้นของกล่องไม้สีดำคือหยกโบราณ ก้อนหนึ่ง
ดูเหมือนว่าหยกโบราณก้อนนั้นจะเปล่งประกายแสงที่ทั้ง นุ่มนวลและเบาบางออกมา ให้ความรู้สึกเก่าแก่และประณีต
สุมิตรตั้งหน้าตั้งตารอนวาระเต็มที่ แต่ทว่านวาระกลับโง่ เขลา เธอไม่รู้จริงๆว่าหยกนี้คืออะไรกันแน่
แต่ทว่าท่าทีของนวาระกลับไม่ได้ทำให้สุมิตรรู้สึกผิดปกติ เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังคิดว่าตนเองทำให้เธอตกตะลึงเสียจน งุนงง
อันที่จริงแล้วนวาระไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับหยกก้อนนี้เลย แม้แต่น้อย
แต่ทว่านวาระผู้ซึ่งมักจะแฝงกายปะปนอยู่ในแวดวงแห่ง ชื่อเสียงและโชคลาภบ่อยๆนั้น เธอไม่ใช่คนที่กินมังสวิรัติ เธอ พลิกความทรงจำของเธออย่างบ้าคลั่ง นึกถึงสิ่งต่างๆ ที่สุมิตร พูดกับเจ้าของเดิม
หัวใจของนวาระผิดหวัง หรือว่าหยกก้อนนี้จะเป็นของผู้ หญิงคนนั้นที่สุมิตรตามหา?
มองไปที่การแสดงออกของสุมิตร ก็คงจะสักแปดถึงเก้า ในสิบที่เป็นเช่นนั้น
สีหน้าที่มีนงงของนวาระก็ค่อยๆเบิกบาน เธอยิ้มออกมา จ้องมองดูหยกก้อนนั้นด้วยความประหลาดใจแล้วพูดขึ้น “ทำไมมันถึงได้อยู่กับคุณที่นี่ล่ะ ฉันหามันมาตลอดแต่ก็หาไม่ เจอ
การเดินหมากครั้งนี้ นับว่านวาระเดินได้ถูกต้อง
สุมิตรยิ้มแล้วพูดออกไปว่า “เธอลืมครั้งแรกของพวกเรา รู้จักกันไปแล้วหรือไง ตอนที่เธอกำลังขัดขืนเธอก็ทำมันตกโดย ไม่ได้ตั้งใจ ผมเก็บมันไว้อยู่ตลอด และหวังว่าจะได้พบเธอใน อีกสักวันหนึ่ง”
นวาระกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของสุมิตร หัวใจยังคงเต้น ตุ่มๆเพราะความตึงเครียดก่อนหน้านี้ แต่ใบหน้ากลับเปี่ยมไป ด้วยความสุข และในปากก็ช่างหวานเสียเหลือเกิน
“สุมิตร ฉันมีความสุขมากจริงๆ” นวาระพยายามที่จะ ทำให้เสียงของตนเองดังออกมาแล้วดูตื่นเต้น
“เธอดีใจก็ดีแล้ว”
ที่ทั้งขึ้น สุมิตรกอดเรือนร่างที่ทั้งนุ่มนวลและหอมหวนของนวาระ ดมผมของเธอ พร้อมกับคลึงผมที่ยาวสลวยของเธอเอาไว้
ท้ายที่สุดนวาระก็ได้สวมหยกลงไปไว้บนคอของตนเอง สีหน้าแดงกำแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณค่ะ”
เพียงไม่นานจันวิภาก็หาห้องของพัชรีเจอ ในตอนนั้นพัช
รีกำลังจ้องมองเพดานสีขาวผ่องของโรงพยาบาลอย่างงุนงง ใช้เท้าดีดผ้าห่มไม่หยุดหย่อน ดูท่าทางเหมือนกับโดดเดี่ยวจน ทนไม่ไหว แต่จิตวิญญาณยังคงดีอยู่
“พัชรี เป็นไงบ้าง?” จันวิภาเห็นว่าพัชรียังคงมีชีวิตชีวาดีอยู่ ความทุกข์ที่อยู่ภายในใจก็ได้โยนทิ้งไปจนหมด และมันก็ ไม่มีความหมายที่จะคิดให้มากความ
เมื่อพัชรีเห็นว่าจันวิภากำลังเดินมา ทันใดนั้นจึงมีชีวิตชีวา
ขึ้นมาทันที เธอยิ้มแล้วพูดออกไปว่า “ไม่เป็นไร ความเจ็บปวด
ในตอนนี้ ตอนนี้พักสักหน่อยก็ดีขึ้นมาเยอะแล้ว เธอไม่ต้อง กังวลหรอก” หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ก็ได้หิวขึ้นมาอยู่ เล็กน้อย จันวิภาจึงได้ลงไปที่ชั้นล่างเพื่อซื้อของกินให้กับพัชรี