พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 90
ตอนที่ 90 บังคับให้เอาเด็กออก
ในเวลานี้ลำคอของนวาระได้ส่งเสียงอักๆออกมา ร่างกาย ของเธอเย็นเฉียบจนถึงขีดสุด สีหน้าก็ขาวซีดราวกับกระดาษ
จันวิภารู้สึกว่านวาระอาจจะตายได้ทุกเมื่อ ภายในใจจึง กระวนกระวาย
ณ ตอนนี้ ตอนที่นวาระไม่สามารถที่จะทนได้อีกต่อไป นรา วิชญ์อาจจะรู้สึกว่าเขาทำเกินไปหน่อย ดังนั้นจึงคลายมือลง จึง ทำให้นวาระล้มลงกับพื้น
นวาระไอออกมาอย่างรุนแรง อีกนิดเดียวเธอก็เกือบจะถูก นราวิชญ์ฆ่าจริงๆแล้ว และตอนนี้ เธอก็ยังคงรู้สึกว่ารอบตัวของ นราวิชญ์ยังคงมีจิตสังหารที่หนังหน่วงอยู่
ไม่สามารถจัดการอะไรได้อีกแล้ว นวาระลุกขึ้น ก้าวขา
แล้ววิ่ง
ใบหน้าของนราวิชญ์ยังคงขุ่นมัวอยู่ มองแผ่นหลังของ นวาระที่วิ่งหนีไป เขาหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม จากนั้นจึง หันหน้ากลับมายิ้มให้กับจันวิภา
“พี่นราวิชญ์ พี่ทำฉันตกใจแทบแย่ ถ้าพี่ฆ่าเธอจริงๆ ล่ะก็ พี่ ก็จะต้องรับผิดชอบอย่างเลี่ยงไม่ได้นะ” จันวิภามองนราวิชญ์แล้วบ่นออกมา
นราวิชญ์ถอนหายใจอยู่เฮือกหนึ่ง ใช้มือตบไปที่ไหล่ของ จันวิภา “พี่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรังแกเธอมากขนาดนี้กัน นะ พูดคำพูดอย่างนั้นออกมา มันก็เลยทนไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง โทษ ที่นะที่ทำให้เธอกังวล”
จันวิภากล่าว “ฉันรู้ว่าพี่ดีกับฉัน แต่ว่า….”
สุมิตรตบไปที่ศีรษะของจันวิภาเฉกเช่นวัยเด็กแล้วพูดขึ้น “เอาล่ะๆ ผมรู้แล้ว ครั้งหน้าจะจำเอาไว้”
จันวิภาแบะปาก มองดูรอยยิ้มของนราวิชญ์ที่อบอุ่น ราวกับแสงตะวัน จึงอดไม่ได้ที่จะดำหนิความบ้าบิ่นของเขา ก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะเขาเป็นห่วงตนเองมากเกิน ไปจึงหุนหันพันแล่นออกไปเช่นนั้น
นราวิชญ์ลูบผมจันวิภาอย่างเจ็บปวดใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะ พูดอะไรออกมา สถานการณ์ของจันวิภาดูเหมือนจะซับซ้อนเกิน กว่าที่เขาจินตนาการไว้
ยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลของจันวิภาในการยืนยันที่จะอยู่กับสุ มิตรยังคงเงียบอยู่ตลอด นั่นจึงทำให้นราวิชญ์ไม่สามารถที่จะ ทำอะไรได้ ทำได้แต่เพียงถอนหายใจออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อคนทั้งสองไม่มีอะไรจะพูด ทันใดนั้นเองจู่ๆ พัชรีก็เดิน เข้ามาจากทางด้านนอก
ทั้งสามคนทักทายกันทันที จากนั้นพัชรีจึงได้เอ่ยถาม จันวิภาจึงได้บอกเรื่องที่ตนเองท้องให้พัชรีฟังอีกครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นพัชรีก็โกรธขึ้นมาทันที ต้องการที่จะไปวิวาทกับสุ มิตร และฆ่าชายคนนั้นเสีย!
และในตอนนี้ นวาระที่กำลังวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก ก็ได้ไปเจอกับสุมิตรเข้า
ทันทีที่เห็นนวาระสุมิตรก็ได้แสดงรอยยิ้มอันอ่อนโยนออก
มาให้เธอ
แต่ทว่านวาระกลับกำลังร้องไห้ จับรอบคอของตนเองด้วย ใบหน้าที่เศร้าโศก “สุมิตร คุณต้องจัดการทนฉันนะ”
สุมิตรโอบนวาระเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง แล้วเอ่ย ถามอย่างอบอุ่น “เป็นอะไรไป? เจ้าแมวป่าตัวน้อย?”
“ก่อนหน้านี้ฉันไปที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะเยี่ยมจันวิภา แต่…แต่ฉันเห็นนราวิชญ์ ทั้งสองคนกำลังจับมือกัน มองหน้า กันแล้วกันแล้วพูดอะไรบางอย่าง พอฉันเข้าไปก็เลยบังเอิญเห็น มันเข้า..” นวาระพูดไปพร้อมกับมีน้ำตาไหลซึม ในออกมา จากในดวงตา
“เธอพูดอะไร? ! ” สุมิตรพูดด้วยน้ำเสียงที่เงียบสงบ “และ พวกเขาทำอะไรเธอ?”
นวาระร้องไห้พร้อมกับพูดไปด้วย “พวกเขาถูกฉันเห็น เรื่องที่ไร้ยางอายพวกนี้ นราวิชญ์ก็เลยมาบีบคอฉัน อีกนิดเดียว ฉันก็จะถูกเขาฆ่าตายแล้ว! ”
นวาระเอาศีรษะของเธอมาซบที่อกของสุมิตร แต่ทว่าริม ฝีปากกลับยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
.เมื่อสุมิตรได้ยินเช่นนี้ ความโกรธที่ค่อยๆลดลงก่อน หน้านี้ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่นวาระก็รับรู้ได้ถึงความโกรธ ครั้งนี้ของสุมิตรได้
จันวิภาถูกปลุกด้วยเสียงที่ดังสนั่น นั่นเป็นเสียงของสุมิตร ที่พังประตูเข้ามา
สุมิตรดึงจันวิภาออกมาจากผ้าห่ม เนื่องจากแรงอัน มหาศาล บนข้อมือที่อ่อนนุ่มของจันวิภาจึงถูกนิ้วมือกดทับจน แดงกลายเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้า มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
จันวิภามองสุมิตรด้วยความโกรธ แล้วพูดตะโกนออกไป “สุมิตร แกมันสารเลว จะทำอะไรกับฉัน? ! ”
ความอดทนก่อนหน้านี้ ณ ตอนนี้มันถูกระเบิดขึ้นมาทันที เธอได้หลงลืมชะตากรรมของพ่อเธอจนหมดสิ้น และลืมว่า ตนเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ คิดเพียงแค่ตระโกนออกไป
สุมิตรจ้องมองเธออย่างเยือกเย็นแล้วพูดขึ้น “ฉันทำอะไร? ภรรยาของสุมิตรคนนี้แอบคบชู้… ทีที จันวิภา นราวิชญ์ไม่ได้ ไปต่างประเทศแล้วหรอ? งั้นเธอบอกผมสิว่าทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ ทั้งยังมาพูดคุยกระแนะกระแหนกับเธออีก”
ไม่ต้องคิดจันวิภาก็รู้ว่าที่นวาระกลับมาก็เพื่อที่จะล้างแค้น เธอแน่ๆ ใส่ไฟเรื่องของเธอกับนราวิชญ์แล้วไปบ่นให้สุมิตรฟัง
อย่างไรก็ตาม จันวิภาที่อยู่ต่อหน้าของสุมิตรในตอนนี้ไม่มี แรงเหลืออยู่เลย เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าเด็กเป็น ลูกใคร นอกจากนี้ชะตากรรมของพ่อก็ยังอยู่ในมือของสุมิตร อีก
จันวิภายับยั้งความโกรธและขยะแขยงในใจตนเองที่มีต่อ สุมิตร ทำเพียงแค่ยิ้มอย่างข่มขื่นแล้วพูดออกไป “ทำไมนายถึง ต้องติดพันกับเขาด้วย เพราะฉันบาดเจ็บ เขาเลยมาเยี่ยมฉันก็ แค่นั้น นี่มันก็ง่ายมาก นายอยากจะฟังอะไรอีก?”
สุมิตรเข้าไปใกล้จันวิภา พูดออกมาทีละคำๆ “ไม่ใช่ว่าผม อยากฟังอะไร แต่เธอทำอะไร ตอนนี้ดูเหมือนว่า เด็กคนนั้นจะ เป็นลูกของนราวิชญ์งั้นสินะ?”
ดวงตาของจันวิภาเบิกกว้างอย่างหวาดกลัว คิดไม่ถึงเลย ว่าจู่ๆสุมิตรก็พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา
“ไม่ว่าจะเป็นใคร มันก็ไม่มีทางที่จะใช่พี่นราวิชญ์แน่นอน ฉันกับเขาไม่ได้สกปรกเหมือนอย่างที่นายคิด”
“อ๋อ? งั้นเธอพูด ที่แท้เป็นใครกันแน่?”
“ฉัน..”
“ท์ ที่แท้ที่ฉันให้เธอใช้ชื่อเป็นภรรยาของผม ก็เพื่อที่จะให้ กำเนิดลูกของไอ้ชุ้นราวิชญ์สินะ?” ในที่สุดสุมิตรก็ระเบิดความ โกรธออกมาอีกครั้ง
จันวิภารู้สึกว่าตนเองเกือบจะถูกลากออกมาจากห้องคนไข้ สุมิตรลากเธอออกมาถึงแผนกสูตินารี!
จันวิภาพิ้งเข้ากับกำแพง เธอจะต้องไม่ให้เด็กทารก
อย่างเด็ดขาด
ตาย
แผนกสูตินารีในตอนนี้เนื่องจากการบุกเข้ามาของสุมิตร จึงได้วุ่นวายกันยกใหญ่ แม้แต่ผู้หญิงที่พึ่งคลอดลูกเสร็จต่างก็ กรีดร้องออกมาด้วยความกลัว และพวกหมอเหล่านั้นก็ได้มา ล้อมรอบสุมิตรอยู่ทางด้านหน้า แต่ทว่ากลับไม่มีใครกล้าลงมือ กับสุมิตร
“คุณสุมิตรครับ คุณทำเช่นนี้ทำให้พวกเราลำบากมาก ถ้า คุณต้องการที่จะผ่าตัดคุณก็ต้องลองทะเบียนก่อนแล้วรอคิว” หมอที่ใส่หน้ากากอนามัยพูดอย่างกำกวม มือทั้งสอง เคลื่อนไหวเสริม เพื่อต้องการจะผลักเขาออกไป
แต่ทว่าสุมิตรกลับไม่สนใจ
“คุณสุมิตรครับ ในเมื่อผู้หญิงท่านนี้ไม่เต็มใจที่จะทำแท้ง ทำไมคุณต้องบังคับเธอด้วย? นั่นเป็นหนึ่งชีวิตเลยนะครับ”
ในเมื่อหมดหนทางที่จะลงมือ คณะหมอจึงทำได้เพียงแค่
ใช้ลิ้นในการต่อสู้ ค่อยๆพูดโน้มน้าวสุมิตร
จันวิภาที่กำลังดูเรื่องราวทั้งหมดนี้ รู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ แต่ ภายในใจของเธอกลับไร้ซึ่งความหวังใดๆ
รูปแบบในการทำสิ่งต่างๆของสุมิตรนั้นโหดเหี้ยมอยู่ เสมอ แล้วตอนนี้ก็กำลังโกรธอยู่ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่หมอจับจ้อยที่พูดโน้มน้าวอยู่แค่ไม่กี่คน จะทำให้เขาปล่อยวางได้
เป็นเช่นนั้น สุมิตรหัวเราะเยาะออกมา มองหมอพวกนั้น แล้วพูดอย่างเยือกเย็น “พูดจบยัง? ถ้าพูดจบแล้วก็รีบลงมือ ผ่าตัด แล้วเอาลูกชายชู้ที่อยู่ในตัวของนางร่างคนนี้ออกไปซะ”
นิ้วมือของสุมิตรชี้ไปทางจันวิภา มันดูเหมือนกับดาบที่เย็น เฉียบขี้มาทางเธอ ทำให้เรือนร่างของเธอสั่นเทาอย่างช่วยไม่ ได้
เหล่าคณะหมอต่างก็มองหน้ากันและกัน แต่ทว่าไม่มีใคร เลยที่จะลงมือผ่าตัด คนหนึ่งในผู้อำนวยการพูดขึ้นมาว่า “คุณสุ มิตรครับ นี่ขัดกับระเบียบของโรงพยาบาล เราต้องได้รับความ ยินยอมจากคู่กรณีก่อน และถ้าคุณทำเช่นนี้ ก็เท่ากับทำลายกฎ ระเบียบของโรงพยาบาลเรา..”