พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 91
ตอนที่ 91 บังคับล่อลวง ทำแท้งลูก
สุมิตรจ้องมองไปที่หมอคนนั้นแล้วพูดขึ้นว่า: “ความ ยินยอมของคนไข้? ก็ดี เธอเป็นของฉัน ตั้งแต่ร่างกายไปถึง วิญญาณล้วนแล้วแต่เป็นของฉันสุมิตรคนนี้ แค่ฉันยินยอมมันก็ เพียงพอแล้ว ตามระเบียบกฎเกณฑ์ของโรงพยาบาลนี้ ถ้าแก รีบลงมือผ่าตัดก็จะพักฟื้นได้ไวขึ้น ไม่งั้นละก็ พรุ่งนี้ฉันจะทำให้ โรงพยาบาลของแกหายไปจากโลกนี้ซะ”
สุมิตรกวาดมองไปที่ฝูงคน กลุ่มคนที่ยืนเจี้ยวจ้าวอยู่ที่หน้า ประตูยังต่างก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกได้ อย่างเดียวว่าบนร่างกายของผู้คนนี้มีรัศมีเย็นชาเกินบรรยาย แผ่ออกมา
กลุ่มแพทย์แลดูสับสน โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นเพียงแค่โรง พยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเท่านั้น แน่นอนว่าเพียงแค่สุมิตรแค่ชี้ นิ้วออกไป พรุ่งนี้ก็อาจทำให้มันไม่อาจเปิดต่อไปอีกได้
แต่ถ้าหากต้องบังคับให้จันวิภาทำแท้งจริงๆ หากเกิด ปัญหาขึ้น คนที่จะแบกรับไว้ก็คือพวกเขา ใครจะยอมเอาชื่อ เสียงของตัวเองไปเดิมพันด้วยกันล่ะ
“ฮึ่ม? พวกแกกังวลอะไรกัน? ถ้าทำตามที่ฉันพูด พวกแกก็ จะไม่ต้องเจอปัญหาวุ่นวายใจแน่นอน อีกทั้งผลประโยชน์ยังได้เยอะกว่าด้วย”
บังคับ ล่อลวง
สถานการณ์ในขณะนี้ทำให้ผู้คนใจเต้นแรงอย่างสั่นไหว และมันก็เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลในเวลาเดียวกัน แต่ทว่า หมอทุกคนต่างมีคุณธรรมในอาชีพของตนเอง ไม่ใช่ว่าหมอจะ หน้าเงินกันกันเสียทุกคน
ใบหน้าของหัวหน้าหมอแสดงออกมาอย่างละอายใจจน ทนไม่ไหว เขามองไปที่สุมิตรแล้วพูด: “คุณสุมิตร คุณระวังคำ พูดสักหน่อยก็ดีนะครับ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ไม่ตอบรับข้อเสนอ ของคุณแน่นอน”
ในที่สุดสุมิตรก็ระเบิดความโกรธออกมา หัวเราะพร้อมพูด อย่างเย็นชา: “ได้ พวกแกไม่ทำฉันทำเอง” สุมิตรพูดจบก็พุ่ง เข้าไปทางด้านหน้าของจันวิภา
จันวิภาพยายามดิ้นรน แทบที่จะใช้แรงทั้งชีวิตของเธอ ทั้งหมดในการพยายามต่อต้าน
ในจังหวะนี้เอง ทารกที่คลอดก่อนหน้านั้นที่อยู่ในห้อง คลอด จู่ๆก็ร้องไห้งอแงออกมาเสียงดัง สุมิตรหันหน้าไปมอง ทารกน้อยที่ไม่ทันระวังตัวก็เผยขาน้อยๆสองข้างออกมาจากผ้า ที่ห่อตัวอยู่ มองดูแล้วก็ชั่งน่ารักน่าชัง
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สุมิตรราวกับถูกอะไรที่ยากจะอธิบาย บางอย่างกระแทกเข้ามา และกระแทกเข้าไปในหัวใจส่วนที่ อ่อนโยนของเขาได้อย่างแม่นยำไม่มีผิดเพี้ยน
ขณะที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของสุมิตรก็ปล่อยจันวิภา ชั่ว พริบตาเดียวห้องพักผู้ป่วยก็เงียบสงัดลงทันใด มีเพียงทารก น้อยยังคงร้องให้ออกมาอย่างไม่รู้เรื่องราว
ในที่สุดสุมิตรก็ยอมปล่อยจันวิภาไป เขาหลับตาลงสงบ นึ่งแล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น หลังจากถลึงตาจ้องมองจันวิภาอย่าง โหดเหี้ยมแล้ว หลังจากนั้นก็หันกายเดินออกไป
ไม่ว่าจะพูดยังไง จันวิภาก็ถือว่ารอดไปได้อีกครั้งหนึ่ง
จันวิภาอ่อนแรงอยู่บนพื้น พยาบาลและหมอเกิดความ สงสารเข้ามาประคองยืนขึ้น จันวิภาขอบคุณเสร็จแล้ว จากนั้น จึงเช็ดน้ำตาแล้วกลับห้องพักของเธอไป
ในตอนนั้นเองนวาระก็วิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วจ้อง มองอย่างคึกคัก เดิมทีเธออยากรอจนได้เห็นจันวิภาทำแท้ง แล้วถูกแบกกลับมา แต่กลับพบว่าจันวิภาเดินกลับห้องไปอย่าง ปกติดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จังหวะนี้นวาระโกรธสุดขีดในใจเธอคิด: ถ้าไม่เอา เตรัจฉานตัวน้อยนั้นออกจากท้องล่ะก็ การที่ฉันจะเลื่อน ตำแหน่งคงมีความเสี่ยงแล้ว แม้ตอนนี้สุมิตรจะไม่เชื่อว่าเป็น เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แต่ความจริงยังคงต้องกลบให้มิด ถึงจะปลอดภัยที่สุด ไม่งั้นไม่ช้าก็เร็วสักวันต้องปรากฏออกมา แน่ ดังนั้นต้องล่อนางนั่นออกมาแล้วคอยหาจังหวะกำจัด เดรัจฉานในท้อง
แม้ว่าจะคิดมากขนาดนี้ แต่นวาระก็ยังคงรักษาสีหน้านิ่งสงบไว้
จันวิภาเห็นนวาระอยู่ที่ห้องพักคนไข้ของตัวเอง เธอจึงจ้อง มองนวาระอย่างเยือกเย็นแล้วพูดขึ้นว่า: “เธอมาที่นี่ทำไม?”
ตอนนี้จิตใจของจันวิภาย่ำแย่เป็นที่สุด ดังนั้นตอนเอ๋ย ถามน้ำเสียงของเธอจึงทำให้นวาระรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก
จันวิภารู้ว่าความทุกข์ระทมเมื่อก่อนที่ตนเองได้แบกรับเอา ไว้ทั้งหมดล้วนมีความเกี่ยวข้องกับนวาระทั้งสิ้น เห็นนวาระนิ่ง เงียบไป เลยตะโกนออกมา: “ไสหัวออกไป!”
นวาระสติพุ่งกลับมาทันที ใบหน้าไร้อารมณ์ยักไหล่ขึ้น
แล้วพูดขึ้นเรียบๆ: “สุมิตรรอเธออยู่ข้างล่าง เขาบอกมีเรื่อง อยากจะคุยกับเธอ น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกชายชู้ในท้องเธอ”
แม้ว่านวาระจะหลอกจันวิภาให้ไปกับเธอ แต่ปกติแล้วทัศ ติของเธอต่อจันวิภาก็ไม่อาจเปลี่ยนได้ ไม่งั้นก็เผยความจริง ออกมา
พอได้ยินประโยคนี้เท่านั้นจันวิภาก็แปลกใจขึ้นมาทันที เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ ที่แท้สุมิตรก็ใจดีขึ้นมา แล้วเตรียมจะ ปล่อยเด็กน้อยให้มีชีวิตต่อไปงั้นหรือ?
ต่อให้เธอทำแท้งจริงๆก็ไม่มีทางปล่อยเธอไป แม้จะคิด เยอะแยะมากมายแต่ในใจของจันวิภาก็ยังมีความดีใจอยู่เล็ก น้อย
จันวิภาเล็กติดที่จะสงสัย แล้วเดินตามนวาระลงตึกไป
นวาระยิ้มอย่างเย็นชา
เสียจริง
ใจคิดว่านางจันวิภาคนนี้ช่างโง่
ระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังเดินไปอยู่ นวาระก็เดินช้าลง ปล่อยให้จันวิภาเดินนำหน้าไป
จันวิภายังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ เธอไม่รู้ว่า นวาระที่อยู่ ข้างหลังเธอสายตาส่องประกายความอาฆาตขึ้นมาครู่หนึ่ง
นวาระลงมือแล้ว ใช้มือผลักเข้าไปที่หลังของจันวิภา
จันวิภาไม่อาจยืนให้มั่นได้ ก็ล้มลงไปทางบันไดทันที ใน ตอนนั้นจันวิภารู้สึกเพียงว่าตัวเธอนั้นเย็นไปครึ่งตัว ลืมการ หายใจไปทันที
จบแล้ว ลูกคงไม่อยู่แล้ว!
ขณะที่นวาระกำลังดีใจอยู่นั้น ก็มีเงาสีสายหนึ่งพุ่งผ่านตัว เธอมาอย่างว่องไว พุ่งไปที่จันวิภา แล้วประคองเธอไว้
เงาดำนั้นไม่ใช่ใครอื่น คือนราวิชญ์นั้นเอง เขามาเยี่ยม
จันวิภาแล้วไม่เจอเธออยู่ในห้อง ทั้งยังเดินลงบันไดไปกับ นวาระอีก ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยถูกต้อง และไปล่อยจันวิภาไป อีก ดังนั้นจึงเดินตามหลังลงมา
ก่อนนวาระจะลงมือนราวิชญ่ได้เดาไว้ถึงความชั่วร้ายของ นวาระเอาไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นเลยประคองจันวิภาได้อย่างทัน ท่วงที
หลังจากที่จันวิภายีนได้อย่างมั่นคงแล้ว หายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วเบาใจลงทันที แม้ในตอนนั้นเธอจะตัดใจแล้วก็
เถอะ
จันวิภาให้นราวิชญ์ปล่อยเธอ แล้วเธอก็พุ่งตัวอย่างดุร้าย
เข้าไปหานวาระที่ทำหน้าแปลกใจ ตบอย่างแรงเข้าที่หน้าของ
บวาระ
เพี้ย!
เสียงใสกังวานสะท้อนดังไปมา
จันวิภามองไปที่นวาระที่จนตรอกอยู่แล้วพูด: “นางสารเลว เธอจะดูถูกจะแกล้งฉันยังไง ฉันไม่สนใจหรอก ตอนนี้ยังคิดจะ ลงมือกับลูกฉันอีก เธอบังคับฉันเองนะ” หลังจากพูดจบจันวิภาก็ไม่รีรอให้นวาระตอบโต้กลับมา
จึงตบไปที่ใบหน้าอย่างรุนแรงอีกหนึ่งที มือของเธอตบจนแตง
ไปหมด น่าจะรู้ว่าแรงตบนี้แรงขนาดไหน
นวาระเจ็บจนน้ำตาเล็ดออกมา มือกุมหน้าจ้องเขม็งมอง จันวิภาด้วยความโกรธ กัดฟันพูดอย่างเจ็บปวด: “นางสำส่อน แกกล้าตบฉัน”