พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 542 ขงเบ้งรับสารภาพ
“ผม……ผม……” ทันใดนั้นขงเบ้งก็พูดไม่ออก และยิ่งไม่กล้าสบตาของเธอ
คุณหญิงอัณณ์เช็ดน้ำตา และพูดอีกว่า “คุณทำให้ฉันเจ็บปวดจนไม่มีชิ้นดี คุณมีสิทธิ์อะไรมาคิดว่าฉันยังถือว่าคุณเป็นสามี ฉันขอบอกคุณนะ คุณไม่ใช่สามีของฉันตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะไม่เลี้ยงผู้ชายเอาไว้ข้างนอกหรอก คุณอย่ามาพูดเลย การไปหาคนข้างนอกมันน่าตื่นเต้นจริงๆ”
“คุณ……คุณมันน่าไม่อาย!” ขงเบ้งโกรธจนอกกระเพื่อมขึ้นลงรวดเร็ว
คุณหญิงอัณณ์หัวเราะเสียงดัง “น่าไม่อายคืออะไร ฉันหาผู้ชายคุณหาผู้หญิง ฉันน่าไม่อาย แล้วคุณไม่ใช่เหรอ ว่าไปแล้ว ฉันทำอย่างนี้ ก็ยังเป็นเพราะถูกคุณบังคับ แล้วคุณมีคุณสมบัติอะไรมาว่าฉัน พวกเรามันก็พอๆ กันนั่นแหละ เอาล่ะ เร็วเข้าเถอะ เซ็นซะ ฉันจะได้ไปสักที”
“ผมจะไม่เซ็น คุณเลิกล้มความตั้งใจซะเถอะ” ขงเบ้งมองคุณหญิงอัณณ์ด้วยสายตามืดหม่น ชัดเจนว่าอย่างไรก็จะสู้ยิบตากับความคิดของคุณหญิงอัณณ์
คุณหญิงอัณณ์เองก็โมโหแล้ว กำลังจะพูดอะไร เสียงฝีเท้าก็พลันดังมา และตามมาด้วยเสียงหงุดหงิดใจร้อนของนัทธี “พูดจบหรือยัง”
“เขาไม่เซ็น” คุณหญิงอัณณ์หันศีรษะไปและชี้ไปยังขงเบ้ง แล้วฟ้องนัทธีว่า “นัทธีที่เธอเคยสัญญากับฉัน ว่าจะทำให้เขาหย่ากับฉัน”
นัทธีพยักหน้า “ผมจะทำ”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็เดินเข้ามา
ขงเบ้งมองดูเขาเดินเข้ามา จิตใจพลันหดหาย “แกคิดจะทำอะไร”
นัทธีไม่ได้หยิบไม่โครโฟน จึงไม่ได้ยินที่ขงเบ้งพูด แต่ดูจากปากของขงเบ้ง ก็รู้ว่าขงเบ้งพูดอะไรอยู่
เขาไม่ได้ตอบ พยักหน้าให้ผู้คุมเรือนจำข้างหลังขงเบ้ง
ผู้คุมเรือนจำเดินออกมา
นัทธีพูดกับเขาไม่กี่คำ
ผู้คุมเรือนจำเอ่ยตอบ “วางใจได้ครับคุณนัทธี”
เมื่อสิ้นเสียง ผู้คุมเรือนจำก็กลับไปข้างหลังขงเบ้ง จากนั้นก็คว้ามือขงเบ้ง ใช้กริชกรีดนิ้วหัวแม่มือของขงเบ้ง
ขงเบ้งร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด “พวกแกทำอะไร ผมต้องการอุทธรณ์ ฟ้องคุณในฐานะที่เป็นผู้คุมเรือนจำ แต่กล้าทำร้ายคน!”
“ระหว่างการพิจารณาคดีครั้งแรก คุณถูกลิดรอนสิทธิทางการเมืองไปตลอดชีวิต ดังนั้นคุณไม่มีสิทธิอุทธรณ์ผม” ผู้คุมเรือนจำตอบอย่างเลือดเย็น
ข้างนอก คุณหญิงอัณณ์มองภาพนี้ด้วยความตกตะลึง “นัทธี นี่คือ……”
“เดี๋ยวคุณก็รู้” นัทธีตอบโดยไร้การแสดงออกทางสีหน้า
คุณหญิงอัณณ์เห็นดังนั้นจึงพยักหน้าไม่พูดอีก แล้วมองเข้าไปข้างใน
ผู้คุมเรือนจำเปิดข้อตกลงการหย่าร้าง จากนั้นบีบนิ้วมือของขงเบ้งให้เลือดออกแล้วกดประทับตราลายเซ็น
คุณหญิงอัณณ์เข้าใจในทันที สองมือสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
ขงเบ้งเองก็เข้าใจจุดประสงค์ของผู้คุมแล้ว ตะโกนด่าอย่างบ้าคลั่ง “คุณปล่อยผม ปล่อย พวกแกใช้กำลังบังคับ”
ผู้คุมเรือนฟังถ้อยคำต่อต้านของขงเบ้ง โดยไม่แยแสแม้แต่น้อย มือใช้กำลังกดนิ้วมือของขงเบ้งลงบนคอลัมน์ลายเซ็น
ขณะนั้น จู่ๆ ขงเบ้งก็หยุดดิ้นรนและเลิกตะโกนด่า
เพราะเรื่องมันจบแล้ว การต่อสู้หรือตะโกนด่า มันไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
ดังนั้นในขณะที่ขงเบ้งเหมือนจะสูญเสียจิตวิญญาณ ทึ่มทื่อไร้ซึ่งการตอบสนอง
ผู้คุมเรือนจำปิดข้อตกลงการหย่าร้าง แล้วใส่กลับเข้าไปในร่อง
คุณหญิงอัณณ์รีบหยิบขึ้นมาพลิกเปิดดู มองลายนิ้วมือที่สดใหม่บนนั้น น้ำตาแห่งความตื่นเต้นพลันรินหลั่ง “เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก ในที่สุดฉันก็เป็นอิสระ”
การหย่ากับขงเบ้ง ทรัพย์สินของขงเบ้ง เธอสามารถแบ่งได้ครึ่งหนึ่ง บวกกับธุรกิจที่เป็นสินสอดทองหมั้นของเธอ เช่นเดียวกับพวกอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และเครื่องประดับ แถมด้วยเงินหลายพันล้าน
ชีวิตที่เหลืออยู่ เธอเชิดหน้าชูตาได้เลย
“ในเมื่อได้ข้อตกลงการหย่าร้างแล้ว คุณก็ไปได้ ตรงไปขอใบหย่าที่สำนักงานกิจการพลเรือน ผมจะให้มารุตส่งคนไปกับคุณ หลังจากได้รับใบหย่า ภายในสามวัน ย้ายออกจากคฤหาสน์ไชยรัตน์ไปซะ” นัทธีมองคุณหญิงอัณณ์ที่กำลังมีความสุข พร้อมกับพูดอย่างเย็นชา
คุณหญิงอัณณ์พยักหน้าซ้ำๆ “วางใจได้ ภายในสามวันจะย้ายออกแน่นอน”
“ไปได้แล้ว” นัทธีโบกมือ
หลังจากคุณหญิงอัณณ์ไปแล้ว นัทธีก็มองไปยังขงเบ้ง
ขงเบ้งได้สติกลับมาแล้วในตอนนี้ รู้สึกเกลียดเขาเข้าไส้ “แกทำลายครอบครัวของฉัน ตอนนี้แกพอใจแล้วใช่ไหม”
“แน่นอน” นัทธีสอดสองมือลงในกระเป๋ากางเกง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ขงเบ้งตัวสั่นไปหมด “รู้อยู่แล้ว……รู้อยู่แล้วว่าแกมันลูกหมาป่าแว้งกัดเลี้ยงไม่เชื่อง ฉันควรฆ่าแกให้ตายไปตั้งแต่ตอนแกยังเด็ก ถึงคุณพ่อจะมีหลักฐานว่าฉันฆ่าธีรวัฒน์กับภรรยาอยู่ในมือ ฉันก็ไม่ควรปล่อยแก ไม่อย่างนั้นตอนนี้ฉันก็คงไม่มาตกที่นั่งลำบากอย่างตอนนี้”
“แต่บนโลกนี้ไม่มีใครรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า” นัทธีพูดประโยคสั้นๆ ได้ใจความในการทำลายความหวังลมๆ แล้งๆ ของเขา
ขงเบ้งทุบหน้าอก “ใช่ มันไม่มี เพราะงั้นฉันถึงได้แพ้”
“วางใจเถอะ อีกไม่นานจะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ฆาตกรคนที่สองเป็นใคร ผมรู้แล้ว” นัทธีหรี่ตาพูด
ขงเบ้งมองเขาอย่างรวดเร็ว “เป็นใคร”
“นวิยา” นัทธีตอบ
“นวิยา?” เหมือนจะเป็นคนที่คาดไม่ถึง ขงเบ้งสีหน้าค่อนข้างว่างเปล่า
นัทธีเม้มริมฝีปาก “ตระกูลแก้วสุทธิ เป็นลูกทูลหัวที่ก่อนหน้านี้คุณแม่ผมรู้จัก”
“เป็นเธอ!” ขงเบ้งนึกขึ้นได้ ดวงตาเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง สิบแปดปีก่อนหน้านี้ เธอเด็กขนาดนั้น……”
“จากข้อเท็จจริง ฆาตกรคนที่สองคือเธอ เธอพาคุณพ่อคุณแม่ผมไปที่ถนนสายนั้น คนของคุณถึงได้มีโอกาสลงมือ ดังนั้นผมคิดดูถึงได้รู้ เธอบอกคุณยังไง ว่าคุณพ่อคุณแม่ผมอยู่บนถนนสายนั้น” นัทธีจับจ้องขงเบ้ง
ขงเบ้งหุบปากไม่ตอบ
นัทธีก็ไม่ได้โกรธ ในดวงตามีแววเยาะเย้ย “คุณไม่บอกก็ไม่สำคัญ หลังจากจับนวิยาได้ ผมก็จะรู้ไม่ต่างกัน”
พูดจบ เขาหันหลังกำลังจะไป
ทันใดนั้นขงเบ้งก็พูดขึ้น “เป็นจดหมายฉบับหนึ่ง”
“อะไร” นัทธีหยุดก้าวเดิน หันหน้ากลับมา
ขงเบ้งเผชิญหน้ากับเขา “เช้าวันนั้น ตอนที่ฉันออกไปทำงานที่บริษัท มีเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ให้จดหมายฉบับหนึ่งแก่ฉัน บอกว่ามีคนเอารูปของฉันให้เขาดู แล้วให้เขาเอาจดหมายมาให้ฉัน”
“จดหมายบอกว่าอะไร” มือของนัทธีที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงกำเข้าหากัน
“ฉันไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ให้เด็กคนนั้นเอาจดหมายมาส่งให้ฉัน ฉันคิดว่ามีใครเล่นพิเรนทร์ก็เลยไม่ได้ดู ทิ้งจดหมายไป แต่ตอนเที่ยงมีเด็กอีกคนมาขวางฉัน ให้จดหมายฉันอีก ฉันจึงรู้ว่าอาจจะไม่ใช่การเล่นพิเรนทร์ จึงเปิดจดหมายออกดู เนื้อความในจดหมายทำให้ฉันตกใจ ในนั้นเขียนว่า ‘ฉันรู้แล้วว่าคุณอยากฆ่าธีรวัฒน์ ได้แผนงานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปแล้ว’”
“แค่นี้เหรอ” นัทธีคิ้วขมวดแน่นจนระหว่างคิ้วขึ้นสามเส้น
ขงเบ้งพยักหน้า “ไม่ผิด มีแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว เนื้อความในจดหมายไม่ได้เขียนด้วยปากกา แต่เป็นการพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ คนที่ให้จดหมายไม่ได้เขียนด้วยลายมือดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ส่ง ยิ่งไม่รู้ว่าคนคนนั้นรู้ได้ยังไงว่าฉันมีใจคิดฆ่า ฉันกังวลอยู่เป็นสองวัน แล้วก็ได้รับจดหมายอีกฉบับ”
ขงเบ้งหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ ดูเหมือนจะรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือกแล้ว จึงละทิ้งการดิ้นรนเอาชีวิตรอด เขาไม่คิดปิดบังอะไรอีก พูดต่อไปว่า “ในจดหมายฉบับนี้บอกว่า เขาก็อยากฆ่าธีรวัฒน์กับภรรยา หวังว่าฉันจะร่วมมือกับเขา เขาบอกว่าเขาสามารถพาธีรวัฒน์กับภรรยาไปสถานที่หนึ่งได้ ให้ฉันส่งคนไปฆ่าพวกเขา ถ้าเห็นด้วย ก็ติดต่อเขา ดังนั้นท้ายจดหมายจึงระบุเบอร์โทรศัพท์”
“ต่อไป” นัทธีลดสายตาลง ทำให้คนอื่นไม่เห็นแววตา แต่ความเย็นเยียบรอบกาย กลับพาให้คนรู้สึกหวาดผวา
ขงเบ้งเหลือบมองเขา “ตอนนั้นเพราะฉันแพ้เรื่องโครงการหนึ่งให้ธีรวัฒน์ ถูกคุณพ่อด่าและเปรียบเทียบกับธีรวัฒน์ เพราะงั้นความเกลียดชังของฉันที่มีต่อธีรวัฒน์จึงถึงจุดที่เกินเยียวยา จากนั้นจึงโทรไปเบอร์นั้น หลังจากต่อสายติด คนคนนั้นกลับไม่พูด แต่วางสายไปแทน แล้วส่งข้อความมาให้ฉัน ให้ฉันเตรียมคนฝีมือดี ไปยังถนนเส้นนั้นแล้วรอฟังข่าวจากเขา แล้วฉันก็ทำตามนั้น”
“นี่คือทั้งหมดแล้ว แกยังอยากรู้อะไรอีกไหม” ขงเบ้งแววตาหมองหม่น น้ำเสียงอ่อนแรงลง