พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม - บทที่ 206 ประมูลราคา
บทที่ 206 ประมูลราคา
คางเมิ่งก็จูงเนี่ยเฟิงเดินจากไปอย่างไม่หันหัวกลับมา แม้ว่าเธอจะไม่ชอบสวีเหมยมากขนาดไหน แต่คางเมิ่งก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้ง
ในตอนนี้ งานประมูลก็ได้เริ่มขึ้น พอสวีเหมยหาที่นั่งใกล้ๆคางเมิ่งกับเนี่ยเฟิงเจอแล้วก็เดินตรงเข้าไป
“คุณมาทำอะไรตรงนี้? ที่นั่งตั้งเยอะแยะ ทำไมคุณไม่ไปหาที่อื่นนั่งล่ะ?”
คางเมิ่งมองสวีเหมยเหมือนกับเป็นวิญญาณตามติด รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจไม่น้อย
“ฉันก็แค่ชอบนั่งข้างๆพวกคุณเท่านั้นเอง ทำไม? หรือว่ามีคนกำหนดเอาไว้เหรอว่าห้ามไม่ให้ฉันนั่งตรงนี้? ถ้าพวกคุณรู้สึกว่าไม่สบายใจ ก็สามารถย้ายไปอีกด้านหนึ่งได้นะ”
คางเมิ่งก็เริ่มรู้สึกมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว เห็นๆอยู่ว่าเธอจงใจเข้ามาใกล้ชัดๆ ถ้าจะย้ายก็ควรเป็นเธอที่ย้ายออก ไม่ใช่พวกเขา
ทั้งสองต่างยืนหยัดในจุดยืนของตัวเอง ต่างคนต่างไม่ยอมกัน ไม่มีทีท่าจะลุกออกไปจากที่นั่งแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกเขาต้องนั่งด้วยกันต่อไป
งานประมูลเริ่มต้นขึ้น ปกติแล้วจะเริ่มประมูลจากราคาถูกๆก่อน แล้วถึงค่อยตามด้วยของแพงๆ
“ฉันรู้แล้ว คนที่รวยแบบแฟนของคุณ คงจะไม่สนพวกของเมื่อตะกี้นี้สินะ เลยคิดจะมาประมูลของจากงานประมูลให้นี่เอง ปากทำเป็นบอกว่าไม่อยากหาทายาทเศรษฐี แล้วนี่ไม่ใช่ทายาทเศรษฐีหรือไง? คุณวางใจได้ ฉันจะไม่หัวเราะเยาะคุณแน่นอน”
คางเมิ่งขมวดคิ้ว คิดในใจว่าสวีเหมยคิดจะทำอะไรกันแน่ คำพูดคำจาแม้ว่าจะแอบจิกกัดอยู่ แต่ก็แอบพูดชมเนี่ยเฟิงอยู่ด้วยเหมือนกัน
เธอมีเจตนาอะไรกันแน่?
ในเวลานี้เองเหอเหรินเจ๋ก็มาถึงแล้ว เมื่อคืนเหอเหรินเจ๋สุราเป็นพิษ วันนี้ก็เลยยังมีกลิ่นเหล้าอยู่ที่ตัวของเขาอยู่บ้าง
แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นเสื้อสูทแล้ว ดูๆสภาพก็ยังดูไม่ได้อยู่ดี ในความเป็นจริงแล้วกลิ่นที่อยู่ที่ตัวของเขาก็ยังคงติดอยู่ไม่หายไป
“ที่รัก! คุณมาแล้วเหรอคะ?”
พอสวีเหมยพูดจบก็รีบลุกขึ้นยืนทันที เหอเหรินเจ๋มองเหยียดลงมายังเนี่ยเฟิงและคางเมิ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้า
“ใช่ ฉันมาแล้ว”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงเห็นชัดแล้วว่าเป็นหน้าของเหอเหรินเจ๋ก็ตกใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะว่าแสงไฟเมื่อคืนค่อนข้างสลัว ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงไม่ได้สังเกตอะไร ตอนนี้มองพอสังเกตดูดีๆจึงพบว่าหน้าของเหอเหรินเจ๋ ช่างน่าเกลียดจริงๆ!
โดยเฉพาะสองตาคู่นั้น ก็เล็กมากๆ ไม่ได้เข้ากับรูปหน้าเลยแม้แต่น้อย คนคนนี้โตมาได้มาได้ยังไงกัน?
เนี่ยเฟิงแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เกือบหลุดขำออกมาแล้ว
“คางเมิ่ง ขอโทษด้วยจริงๆ ในเมื่อคุณไม่ยอมคบกับคุณชายเหอเอง ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามาว่าฉันก็แล้วกันนะ!”
สวีเหมยพูดจบก็เบ้ปาก จุ๊บไปที่หน้าของเหอเหรินเจ๋หนึ่งที
คางเมิ่งรู้สึกว่าน่าขำสิ้นดี เหอเหรินเจ๋ไม่ใช่สเปคของเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แถมเธอก็ปฏิเสธเหอเหรินเจ๋มาหลายครั้งแล้วด้วย เหอเหรินเจ๋เองต่างหากที่คอยตามตื๊อเธอ
“พวกคุณอยากทำอะไรก็ทำเหอะ ไม่ต้องมารายงานกับพวกเรา ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับความสัมพันธ์ของพวกคุณทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจด้วย”
คางเมิ่งยังแทบอยากจะให้พวกเขาสองคนคบกันตลอดชั่วฟ้าดินสลายเลยด้วยซ้ำ เหอเหรินเจ๋จะได้ไม่ต้องมาเกาะเกี่ยวตนเองอีก
แต่เหอเหรินเจ๋ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง?
ที่เขาจงใจแสดงละครนี้กับสวีเหมยก็เพื่อทำให้คางเมิ่งรู้สึกเสียดายต่างหากล่ะ!
เมื่อคืนสวีเหมยบอกกับเหอเหรินเจ๋แล้วว่า จริงๆแล้วเนี่ยเฟิงไม่มีเงินเลยสักนิด ส่วนโรมานี กองติเมื่อคืนนั้น ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นของปลอมทั้งนั้น เหอเหรินเจ๋โมโหสุดๆ คิดในใจว่าจะต้องให้พวกเขาทั้งสองคนมาชดใช้ให้ได้
“ถึงยังไงพวกเราก็เป็นกองทีมงานเดียวกัน ก็ต้องมีความรู้สึกบ้างแหละน่า นั่งข้างๆคุณแล้วทำไมเหรอ? หรือเพราะว่าวันนี้ใส่ชุดเหมือนกัน คุณก็เลยกลัวที่จะเปรียบเทียบกับฉันอย่างนั้นใช่ไหม?”
สวีเหมยเอามือปิดปากหัวเราะๆ
“ใครกลัว?”
คางเมิ่งก็สงสัยแล้วว่าทำไมสวีเหมยถึงดึงดันจะชวนให้เธอมาที่นี่ให้ได้ ที่แท้ก็เพื่อมาอวดนี่เอง
ถ้าอย่างนั้นเธอก็หน่อมแน้มสิ้นดี
“ต่อไปหยกชุดที่จะทำการประมูลชิ้นนี้มีคุณค่าเหมาะแก่การสะสมเป็นอย่างมาก หยกชิ้นนี้ทำขึ้นมาระดับเทียบเท่ากับหยกเขียวของจักรพรรดิเลยนะครับ พวกเราเรียกว่า หยกเรืองแสง ราคาเริ่มต้นที่ ยี่สิบล้าน!”
“โอ้ว้าว ที่รักคะ ฉันชอบหยกเรืองแสงจังเลย คุณช่วยประมูลมาให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
สวีเหมยพูดพลางกอดแขนของเหอเหรินเจ๋ โยกๆไปมา ออดอ้อนอยู่ข้างๆ
เรียกได้ว่าสวีเหมยก็หน้าตาสวยงามอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นทักษะการแสดงระดับแค่นี้ของสวีเหมย ไม่มีทางมายืนอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างแน่นอนถ้าไม่ใช่เพราะว่าหน้าตา
“ถ้าที่รักชอบ พวกเราก็ประมูลมาเลยก็แล้วกัน ไม่เหมือนบางคนขนาดซื้อของให้แฟนสักชิ้นยังซื้อให้ไม่ได้ น่าขายหน้าสิ้นดี”
เหอเหรินเจ๋พูดพลาง เหลือบตามองไปยังเนี่ยเฟิง
“ใช่น่ะสิ ตะกี้ตอนที่เจอคางเมิ่ง เห็นสร้อยข้อมือทัวร์มาลีนราคาประมาณห้าล้านกว่าๆ พวกเขายังไม่ยอมซื้อเลย ดูท่าแล้วคงจะไม่มีเงินซื้อจริงๆละมั้ง!เมื่อคืนก็ทำตัวเป็นใจใหญ่ใจโต จะเชิญทุกคนดื่มกัน แต่ตอนนี้แค่สร้อยข้อมือเล็กๆแค่เส้นเดียวกลับไม่มีปัญญาซื้อเหรอ?”
ทั้งสองคนคนหนึ่งพูดคนหนึ่งเสริม ไม่นานก็ทำให้คางเมิ่งเริ่มรู้สึกไม่พอใจ คางเมิ่งจ้องทั้งสองคนตาเขม็ง
“คุณพูดอะไร? เห็นๆอยู่ว่าฉันไม่ชอบสร้อยข้อมือเส้นนั้น ก็เลยไม่ซื้อ หรือว่าฉันต้องซื้อของที่ฉันไม่ชอบเพียงเพราะคำแค่คำไม่กี่คำของคุณอย่างนั้นเหรอ?”
คางเมิ่งสบถเหอะออกมา
“ไม่มีปัญญาซื้อก็คือไม่มีปัญญาซื้อ ไม่ต้องทำอะไรเกินตัวเพื่อรักษาหน้าตัวเองหรอกนะ ถึงยังไงฉันก็ไม่หัวเราะเยาะคุณหรอก หรือว่าจริงๆแล้วไม่ใช่เนี่ยเฟิงซื้อไหว แต่เป็นเพราะว่าคุณไม่ได้สำคัญมากขนาดนั้น เขาก็เลยไม่อยากจะเสียเงินซื้อให้คุณสินะ”
สวีเหมยพูดพลางเอามือกุมปากหัวเราะ
“ยี่สิบเอ็ดล้าน”
เหอเหรินเจ๋ชูป้ายในมือขึ้นมาเพิ่มราคา จากนั้นก็หันไปมองเนี่ยเฟิงกับคางเมิ่งอย่างเยาะเย้ย ประมาณว่าพวกคุณก็ประมูลต่อเลยสิ!
“ยี่สิบห้าล้าน”เนี่ยเฟิงก็ยกป้ายในมือขึ้นมาเหมือนกัน จากนั้นเขาก็พูดอย่างยิ้มๆ
“คุณชายตระกูลเหอตระหนี่ขนาดนี้เชียว? เพิ่มราคาทั้งทีเพิ่มแค่ทีละล้านเนี่ยนะ นี่มันน่าขายหน้าแย่เลยนะครับ”
ดูท่าแล้วสองคนนี้คงจะไม่หราบจำ วันนี้ยังจะวิ่งแจ้นมาเรียกร้องความสนใจต่อหน้าตนแบบนี้อีก
คิดจะมาเทียบความรวยกับคนที่มั่งคั่งมีทรัพย์สินพอๆกับทรัพย์สินของประเทศ พวกเขาสองคนจบเห่แน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาทั้งสองคนถึงยังจะมาหาเรื่องให้ตัวเองขายหน้าอีก หรือบางทีคนบางประเภทมันก็เป็นแบบนี้แหละมั้ง
เป็นอย่างที่คิดไว้เหอเหรินเจ๋พอถูกเนี่ยเฟิงกระตุ้น ก็เริ่มเพิ่มทีละห้าล้านไปเรื่อยๆ ไม่นานราคาก็เพิ่มสูงถึงห้าสิบห้าล้าน
“หนึ่งร้อยล้าน”
เนี่ยเฟิงเพิ่มราคาขึ้นต่อ
เหอเหรินเจ๋กับสวีเหมยมองหน้ากัน ทั้งสองคนต้องการให้เนี่ยเฟิงเพิ่มราคาขึ้นไปเรื่อยๆ พอถึงตอนนั้นตอนที่เขาไม่มีเงินจ่าย ก็จะขายขี้หน้าบรรดาผู้คนอย่างแน่นอน!
“ทำไมเหรอ? เมื่อตะกี้ยังเพิ่มขึ้นซะใจปล้ำขนาดนั้น ตอนนี้ไม่กล้าเพิ่มแล้วเหรอ?”
รอยยิ้มที่นิ่งเฉยของเนี่ยเฟิงเหมือนกับกำลังเยาะเย้ยพวกเขาอยู่“เมื่อคืนตอนที่ดื่มกัน คุณก็ขี้งกไม่ใช่น้อยนะ หอคอยแก้วแชมเปญที่ส่งให้แฟนของผมพวกนั้นก็แค่สองสามหมื่นใบเท่านั้น น่าขายหน้าชะมัดเลย”
พอเนี่ยเฟิงพูดประโยคนี้ออกมา ก็ทำให้เหอเหรินเจ๋รู้สึกโมโหสุดๆ เหอเหรินเจ๋เปิดปากเพิ่มราคาทันที“สองร้อยล้าน!”
พอราคานี้ถูกเสนอขึ้นมาทุกคนที่นั่นก็เสียงดังกระหึ่มขึ้นมา หยกเรืองแสงเส้นนี้ไม่คุ้มค่ากับราคาขนาดนั้นเลยสักนิด!
ตอนที่ราคาถึงประมาณแปดสิบกว่าล้านมันก็เกินราคาไปแล้ว