พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 171 โกรธแล้ว
บทที่ 171 โกรธแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ตำรวจยังไม่มา แต่หานเทียนและคนอื่น ๆ ได้จัดการทุบทุกอย่างในซูเปอร์มาร์เก็ตพังเสียหายหมดแล้ว
ขนาดหานเทียนที่เก่งกาจมาก ทั้งร่างกายก็ยังเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ พี่หาน นี่มันสนุกเป็นบ้าเลย” จางตาวเหรินอ้าปากค้างและหัวเราะ
แม้ว่าวันนี้เขาจะทุบจนปวดแขนก็ตาม แต่ในใจของเขาก็ยังรู้สึกสนุกอยู่
ช่วงที่ผ่านมานี้เขาโดนลู่เฉินทำลายความรู้สึก ปั่นหัวเล่น และเขาค่อยที่จะคิดบัญชีกับลู่เฉินอยู่ เข้าคิดที่อยากจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว และในที่สุดวันนี้เขาก็ได้เอาคืนลู่เฉินแล้ว เขาจึงรู้สึกหมดความหดหู่และดูมีความสุขขึ้น
“ รอคืนนี้ฉันฉันหักขาเขาด้วยตัวเอง ถึงเวลานั้นมันจะสนุกกว่านี้แน่นอน” หานเทียนหัวเราะเยาะ
“ใช่เด็กคนนั้นบ้าเกินไป ฉันได้ยินมาว่าเขาไปแสดงตัวที่งานเลี้ยงขอบคุณเมื่อวานด้วยนะ และวันนี้ฉันเตรียมที่จะไปปล่อยข่าวสงครามครั้งนี้ เพื่อให้คนอื่น ๆ เห็นความน่ารังเกียจของเขา” จางตาวเหรินดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“ไม่ใช่การทำให้เขาขายหน้า แต่เป็นการที่ฉันจะเอาชนะเขาด้วยตัวเอง โดยทำให้เขากลายเป็นเศษขยะปฎิกูลต่อหน้าผู้คนมากมายด้านหน้า” หานเทียนยิ้มหัวเราะเยาะ
เขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว หากศิษย์พี่ของเขาพ่ายแพ้ให้กับลู่เฉินในตอนเย็น เขาจะต้องทำร้ายลู่เฉินอย่างแน่นอน หากถึงเวลานที่เขาลงมือ ลู่เฉินจะไม่มีวันต้านแรงของเขาได้เลย
“ใช่ ใช่ ใช่ รอดูเด็กนั้นกลายเป็นเศษขยะเน่าเสีย”จางดาวเหรินยิ้มเยาะ
“ไปกันเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว”หานเทียนโบกมือ ขว้างค้อนลงกับพื้นเหยียบสิ่งของที่ทุบพังก่อนเดินจากไป
ณ เวลานี้ทั้งซุปเปอร์มาเก็ตได้กลายเป็นซากปรักหักพัง ไม่มีแม้แต่ทางที่ให้เหยียบเดิน
วังเปาและคนอื่นๆโยนท่อเหล็กและสิ่งของอื่นๆทิ้งไว้ที่ซุปเปอร์มาเก็ต จากนั้นเดินออกไปนอกซูปเปอร์มาร์เก็ต
“คุณเป็นคนดูแลซุปเปอร์มาร์เก็ตสินะ”เดินมายังหน้าประตู หานเทียนเห็นอู่เล่ยใส่ชุดสูทผูกเนคไทเลยเดาได้เลยทันทีว่าเขาน่าจะเป็นผู้ดูแลที่นี่
“ใช่,ฉันคือผู้จัดการซุปเปอร์มาร์เก็ต,ขอถามหน่อย ทำไมพวกคุณต้องมาพังซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรา!”อู่เล่ยสูดหายใจเข้าลึก อดกลั้นความโกธรในใจเพื่อที่จะถาม
“คำถามนี่คุณควรไปถามเจ้านายของพวกคุณจะดีกว่า กลับไปบอกเจ้านายของพวกคุณว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตฉันหานเทียนพังมันเอง หากมีอะไรเย็นนี้ให้เขาไปหาฉันที่เกาะสีเขียวเพื่อล้างแค้น”หานเทียนพูดเสร็จก็เดินจากไป
สาเหตุที่เขาต้องไปพังซุปเปอร์มาร์เก็ตของลู่เฉินก่อน ก็เพราะเขากลัวว่าเย็นนี้ลู่เฉินจะหัวหดอยู่ในกระดองไม่กล้าออกมาสู้
“หานเทียน?เป็นคนยังไงกัน เป็นศัตรูของลู่เฉินหรอ?”อู๋เล่ยขมวดคิ้ว ฉันไม่รู้จักว่าหานเทียนเป็นใครเลยสักนิด
“ผู้จัดการอู๋ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆคนนั้นจางดาวเรน หนึ่งในสี่เจ้าชายของจางดาวเรน”ชายหนุ่มข้างๆอู๋เล่ยพูดขึ้น
อู๋เล่ยตกใจ เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคนนั้นคือจางดาวเรนจริงๆ
ก่อนนั้นเขาเป็นลูกเศรษฐี ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับจางดาวเรน แต่รู้จักจางดาวเรนอย่างแน่นอน
ณ เวลานั้นเขาเพียงแต่กระวนกระวายใจใจจดใจจ่อแต่กับตัวของหานเทียน เลยมองไม่ออกว่าเป็นเขา
“หรือว่าพี่ลู่ทำผิดต่อบ้านจาง?”อู๋เลย์จิตใจไม่สงบ,แต่จางดาวยังเป็นยักษ์ใหญ่ที่ยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าลู่เฉินจะเก่งไม่แพ้กัน แต่ในมุมมองของเขาแล้วในสายตาของบ้านจางความสำเร็จของลู่เฉินก็ยังคงเป็นขยะนั้นแหละ
เมื่อกี้อู๋เล่ยยังคงอดกลั้นความโกธรที่มีอยู่ แต่ในเวลานี้มีเพียงรอยยิ้มฝืนๆและความไม่เต็มใจในใจเขา
ในเมื่อจางดาวเรนพาคนมาพังซุปเปอร์มาร์เก็ตแต่แน่นอนว่าเป็นการพังอย่างไร้ประโยชน์ ไม่ว่าลู่เฉินจะ
โกธรขนาดไหนเขายังรู้สึกว่าความเกลียดชังนี้มันล้างแค้นไม่ได้
ในช่วงเวลานี้ เขาก็รู้แล้วว่าทำไมพวกเขาโทรแจ้งตำรวจแล้วครึ่งชั่วโมง ตำรวจก็ยังไม่มา
นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าเป็นสิ่งที่บ้านจางมาทักทาย
จางดาวและคนอื่นๆเพิ่งจะออกไปได้ไม่นานลู่เฉิน คนอื่นๆ และตำรวจก็มาถึงในเวลาไล่เรียงกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับซุปเปอร์มาร์เก็ตพวกคุณ?”เมื่อตำรวจมาถึงก็เอ่ยถาม
อู่เล่ยมองที่ตำรวจ ในใจของเขาได้แต่อดกลั้นความโกธรที่มีต่อพวกเขา ถึงแม้ว่าการพังครั้งนี้จะเป็นการมาพังที่เปล่าประโยชน์แต่ถ้าหากพวกตำรวจรีบมาเร็วกว่านี้ก็คงจะไม่ถูกพังไม่หมดซักทุกอย่าง
เขาไม่ได้สนใจตำรวจเลยสักนิดและเดินตรงไปหาลู่เฉินและคนอื่นๆที่เพิ่งลงจากรถ
“พี่เฉิน จางดาวเรนเป็นคนที่พาคนมาพัง”อู๋เล่ยพูด
“จางดาวเรน”ลู่เฉินหยักหัว นัยตาพร้อมที่จะฆ่า
“อยากถามพวกคุณว่าใครเป็นคนแจ้งตำรวจ และมันเกิดอะไรขึ้น?”เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามา สีหน้าดูไม่สู้ดีนัก
“พวกคุณแจ้งตำรวจเมื่อไหร่?”ลู่เฉินถามอู๋เล่ย ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้วตำรวจเพิ่งจะมาถึง แบบนี้มันตั้งใจชัดๆ
“เมื่อพวกเขาเริ่มเข้ามาพังก็รีบโทรแจ้งผ่านไปตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วพวกตำรวจก็เพิ่งจะมา”
ลู่เฉินพยักหน้า ในใจเสียอารมณ์มาก เขาหันไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ:“ผู้อำนวยการ ส.ภ พวกคุณคือ จางกุ้ยใช่ไหม?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจมองลู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา,ดูถูกและพูดว่า:“ทำไม เรื่องแบบนี้คุณต้องการให้ผู้อำนวยการออกมาตรวจด้วยด้วยเองอีกหรือไง?”
“ไอ่หนู คิดว่าตัวเองมีเงินไม่เท่าไหร่คงเป็นเรื่องที่เจ๋งสุดๆแล้วสินะทำให้พวกเราเดินรอบๆตัวคุณ?”เจ้าหน้าที่อีกคนน้ำเสียงประชด
ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไร แค่หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา…….
เสี่ยวซัวจุนเป็นผู้อำนวยการ ส.ภ ตำรวจภูธรจังหวัดผู้อำนวยการ ส.ภ ตำรวจ ย่อยต่างๆล้วนเป็นลูกน้องของเขาทั้งหมด
“พี่ลู่,โทรมาอยากไปดื่มกับฉันใช่มั้ยล่ะ?”เสี่ยวซัวจุนหลังจากรับโทรศัพท์ก็พูดจาติดตลก
ตอนนี้เขารู้สึกผิดกับลู่เฉินเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วลู่เฉินรู้เรื่องที่สระน้ำมากน้อยแค่ไหน หรือว่าเขาจะรู้ความลับทั้งหมดแล้ว
“เจ้าหน้าที่เสี่ยวครั้งก่อนฉันเคยบริจาคเงิน50ล้านให้พวกคุณ คุณจะทำกับลู่เฉินอย่างนี้หรอ?”
เสี่ยวซัวจุนถึงกับตะลึงและสงสัย:“พี่ลู่ พี่พูดอย่างนี้ ฉันงงไปหมดแล้ว”
“ซุปเปอร์มาเก็ตฉันที่เขตต่าตู้ถูกพังหมดแล้วพนักงานของฉันโทรแจ้งตำรวจไปครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คนของพวกคุณเพิ่งจะมาฉันแค่คิดว่าตอนนี้พวกคุณมาดูฉันพูดจาตลก?”ลู่เฉินถึงแม้กำลังพยายามอดกลั้นความโกธรแต่น้ำเสียงก็ยังดังเพิ่มขึ้น
“พี่ลู่,พี่วางใจได้เรื่องนี้ฉันจะอธิบายให้พี่ได้แน่นอน”เสี่ยวซัวจุนแค่ฟังก็รู้แล้วลู่เฉินเป็นคนโปรดของเซี่ยชูเจี่ยแม้แต่เขาก็ไม่กล้าเมินเฉยคิดไม่ถึงว่าลูกน้องของเขาจะเล็งต่อต้านลู่เฉินนี่คงไม่ใช่การหาเรื่องตายล่ะมั้ง?
หลังจากวางสายเสี่ยวซัวจุนไม่เพียงแต่ไม่กลัว และกลับมีรอยยิ้มบนดวงตาของเขา
“จางกุ้ย จางกุ้ย” ยากที่จะพูดว่าฉันทำให้เธอเป็นแพะรับบาปแล้วล่ะ
ไม่กี่วันมานี้เสี่ยวซัวจุนคุ่นคิดวิธีแก้ไขความสัมพันธ์กับบ้านจาง,เพื่อชะล้างเรื่องที่แปดเปื้อนที่Moonlight Baths คาดไม่ถึงว่าสายโทรศัพท์จากลู่เฉินครั้งนี้กลับทำให้เขาจุดประกายความคิดขึ้นมาได้เขาสามารถพลักเรื่องราวทั้งหมดให้ไปอยู่กับจางกุ้ยได้อย่างพอดิบพอดี
ยังไงก็ตามจางกุ้ยก็เป็นคนของบ้านจางอยู่แล้วเรื่องสระน้ำเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องดึงเขาเข้ามาเป็นแพะรับบาปเขาก็ไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว
“เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์บ้านจางแน่นมาก เรื่องนี้จำเป็นต้องส่งต่อหลักฐานให้กับเซ่ซูเจี๋ย ให้เซ่ซูเจี๋ยลงมือด้วยตัวเองจึงจะจัดการจางกุ้ยได้แต่บ้านจางจะตอบโต้หรือไม่ฉันก็ไม่สามารถจะหยุดความโกธรของบ้านจางได้”
เสี่ยวซัวจุนมีความคิดในใจ สายตาของเค้าหรี่ลงเป็นเส้น เขาหยิบบุหรี่หนึ่งมวนขึ้นมาจุดไฟ สูบบุหรี่ไปขณะเดียวกันก็คิดไปด้วย จนกระทั่งบุหรี่หมดลงเขาก็ค่อยลุกไปที่ประตูเตรียมที่เข้าเมืองไปหาเซ่ซูเจี๋ย