พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 112 ลู่เฉินวิ่งหนี
บทที่ 112 ลู่เฉินวิ่งหนี
“วางของลงเสร็จ แล้วออกไปให้พ้น!”
เมื่อแน่ใจว่าลู่เฉินสองคนไม่มีปืนอยู่ในตัว โจรคนหนึ่งจึงหยิบถุงอาหารในมือของลู่เฉินมา แล้วตวาดเบาๆ
“รอก่อน ในเมื่อพวกเขาสองคนเป็นคนของตำรวจนั้นก็จะต้องมาสอดแนมสถานการณ์ของเราแน่นอน จับตัวพวกเขาสองคนไว้ มีพวกเขาอยู่ในมือ ตำรวจจะต้องยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ พวกเราก็ได้เพิ่มทุนในการเจรจากับพวกเขา”ลู่เฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินโจรอีกคนหนึ่งพูด
“มีเหตุผลนะ”โจรที่มาหยิบอาหารหัวเราะอย่างน่ากลัว ปืนในมือเล็งไปที่ลู่เฉิน
“ในเมื่อมาแล้ว นั้นก็อย่าไปเลย ไปฝั่งนู้น”ระหว่างพูดเขาก็ชี้ไปที่กลุ่มคนที่กำลังนั่งยองอยู่ข้างๆ
เฉินจิงมองไปที่ลู่เฉินอย่างประหลาดใจ คิดอยู่ในใจว่ามันถูกลู่เฉินพูดถูกแล้วจริงด้วย
ขณะที่ยังอยู่ข้างนอก ลู่เฉินก็พูดว่าคนที่เข้ามา ออกมาไม่ได้แน่นอน
ตอนนี้เธอและลู่เฉินล้วนจะถูกฝั่งโจรกักขังไว้แล้ว
เธออยากจะต่อต้าน คิดจะต่อสู้กับทั้งสี่คน แต่เห็นว่าทั้งสี่คนอยู่คนละทิศ เธอก็ล้มเลิกแผนนี้
ถ้าหากไม่สามารถจัดการโจรทั้งสี่ทีเดียว นั้นไม่เพียงแค่เธอเองมีอันตรายถึงชีวิต แม้กระทั่งตัวประกันก็อาจซวยไปด้วย
ลู่เฉินสังเกตถึงความผิดปกติของเฉินจิง กลัวว่าเธอจะใจร้อนขึ้นมา เลยส่งสายตาสะกิดให้เธอเงียบขรึม
“พี่ครับ พวกคุณอยากได้รถคันหนึ่งเพื่ออจากไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่หรือ ฉันสามารถช่วยคุณไปพูดกับกับตำรวจได้”หลังจากลู่เฉินส่งสายตาสะกิดให้เฉินจิงเงียบขรึมแล้ว ก็หันไปพูดกับโจรที่อยู่ใกล้เขา
“เอ๋อ?”พอได้ยินคำพูดนี้โจรทั้งสี่ล้วนมองมาทางลู่เฉิน ใบหน้ามืดมนมาก
เฉินจิงตะลึงทันที และก็จ้องไปที่ลู่เฉิน ไม่ทราบว่าลู่เฉินจะทำอะไร รู้สึกกระวนกระวายในใจ
“ทำไมแกถึงมั่นใจขนาดนี้?”ชายหัวล้านคนหนึ่งในนี้มองไปที่ลู่เฉิน แล้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“แกคิดจะให้พวกเราปล่อยตัวประกันไปหรือ?”การเจรจาที่ปัญหาอ่อนแบบนี้ ไม่ทราบว่าตำรวจทำไมถึงให้แกเข้าไป สมองอย่างแก ยังกล้ากล้ามาเป็นคนเจรจาหรือ?”โจรอีกคนหนึ่งยิ้มอย่างดูถูก
ส่วนโจรที่เหลือสามคนก็เยาะเย้ยเขาเช่นกัน
พวกเขาเคยเห็นคนเจรจามากมาย แต่โง่อย่างลู่เฉินยังเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น
“ใช่ พวกคุณต้องปล่อยตัวประกันก่อน”ลู่เฉินพูดอย่างจริงจัง
“ฮ่าๆๆ แม่ง แกมาทำตลกหรือเปล่า?หรือคุณรู้สึกว่าพวกเราไม่ใช่โจร?”
โจรทั้งสี่พอได้ยินเช่นนี้ ยิ่งหัวเราะกันใหญ่เลย
พวกเขารู้สึกว่าลู่เฉินค่อนข้างจะน่ารัก
เฉินจริงทำตาขาวใส่เขา แม้ว่าเธอไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่มองลู่เฉิน ก็เหมือนเป็นการมองคนบ้า
“ไม่ พวกคุณเป็นโจรแน่นอน โจรหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งนี้ไม่ต้องสงสัย”ลู่เฉินยิ้มแล้วพูด
“นั้นแกมาล้อเล่นพวกกูหรือ?”ชายหัวล้านใช้ปืนเล็งไปที่หน้าอกของลู่เฉิน พร้อมตวาดใส่เขา
ลู่เฉินไม่ได้สนใจท่าทางของเขา แบมือแล้วพูดว่า”พี่ คุณไม่เข้าใจความหมายที่ฉันพูด ความหมายของฉันคือ ตัวประกันยี่สิบกว่าคนนี้ล้วนไม่สำคัญเท่าพวกเราสองคน ถ้าพวกคุณปล่อยพวกแกไป จับแต่พวกเราสองคนไว้ มีประโยชน์มากกว่าจับพวกเขา.บอกกับคุณตามตรงเลยก็ได้ ผู้อำนวยการเสี่ยวเป็นห่วงชีวีตของตัวประกันกลุ่มนี้ แต่สิ่งที่เขาห่วงกว่าคือจะสามารถจับพวกคุณสี่คนได้หรือเปล่า ดังนั้น ถ้าพวกคุณยังคงยืนกรานอยู่แบบนี้ นั้นพวกเขาก็จะใช้วิธีหักโหม เพื่อที่จะฆ่าพวกคุณอย่างสิ้นเชิง.คุณลองคิดดู ถ้าถึงเวลานั้น อยู่ภายใต้การหักโหมของพวกเขาพวกคุณสี่คนจะสามารถฆ่าตัวประกันได้เท่าไหร่?แถมยังมีปืนไรเฟิลหลายอันเล็งตรงมาที่ทางออกธนาคาร ขอให้แค่พวกคุณปรากฏตัว ก็จะกลายเป็นเป้าของพวกเขา.แถมพวกคุณล้วนเป็นวีรบุรุษ จะไม่ตระหนักถึงชีวิตของตัวเองแม้แต่น้อยบนหรือ?ในทางมองของฉัน ชีวิตของตัวเองถึงเป็นสิ่งมีค่าที่สุด แม้ว่าคุณสามารถฆ่าตัวประกันได้มากมาย แต่ในที่สุดพวกคุณล้วนต้องตาย มันคุ้มหรือ?.ไม่คุ้มเลยใช่ไหม?.มนุษย์อย่างเรา มีแต่ตระหนักถึงความสำคัญของชีวิตตัวเองมากกว่าชีวิตคนอื่น ถึงจะสามารถมีชีวิตอย่างสนุกใช่ไหม”.
เมื่อได้ยินคำพูดที่ลู่เฉินพูดมา เห็นได้ชัดว่าทั้งสี่คนล้วนรู้สึกหวั้นไหว
ใช่ไง พวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ พวกเขาฆ่าตัวประกันเท่าไหร่ไปก็ไร้ประโยชน์
พวกเขาเป็นตั้งโจรที่มีชื่อมีเสียง เดิมทีชีวิตก็สนุกกว่าคนปกติพวกนี้แล้ว จะสามารถใช้ชีวิตของคนธรรมดาพวกนี้มาแลกเปลี่ยนกับชีวิตของตัวเองได้ยังไงล่ะ?
“พวกเราจะเชืาอแกได้ยังไง?แล้ว แกสามารถรับประกันได้ยังไงว่ารถที่พวกเขาให้พวกเราไม่มีปัญหา?”ผู้ชายหัวล้านครุ่นคิดแล้วพูด
“โอเค ฉันควรที่จะบอกฐานะที่แท้จริงของฉันให้พวกคุณแล้ว คุณน่าจะก็ฟังออก ฉันเป็นคนในเมืองหลวง แถมพ่อของฉันเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหลวงด้วย พวกเขาจะไม่สามารถให้ฉันเกิดเรื่องที่ยวี่โจว ไม่นั้นพวกเขาจะให้อธิบายกับคุณพ่อของฉันไม่ได้”ลู่เฉินพูด
คำพูดของเขาจริงบ้างปลอมบ้าง เขาได้มาจากเมืองหลวงจริงๆ ฟังจากสำเนียงของเขาก็จะรู้ คุณพ่อของเขาเมื่อก่อนก็ถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหลวง แต่อยู่ในวงการธุรกิจ ส่วนลู่เฉินทำให้โจรเข้าใจผิดว่าเป็นคนใหญ่คนโตในหน่วยงานของรัฐ
ตามจริงในช่วงเวลานี้ แม้กระทั่งเฉินจิงก็เข้าใจผิดว่าพ่อของลู่เฉินเป็นคนใหญ่คนโตในหน่วยงานของรัฐด้วย
ไม่นั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้จักอย่างคุ้นเคยกับผู้อำนวยการเสี่ยวเช่นนี้ ผู้อำนวยการเสี่ยวก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเพียงคำพูดสองสามประโยคของเขา
“หรือว่าคนนี้มาจากกองทหาร พ่อของเขาเป็นคนในกองทหารหรือ?”เฉินจิงแอบสังเกตลู่เฉิน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าพ่อของลู่เฉินเป็นคนใหญ่คนโตของกองทหาร ส่วนลู่เฉินก็น่าจะเป็นคนเก่งในนั้นด้วย ไม่นั้นเมื่อเผชิญหน้ากับโจรเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีสติได้อย่างนี้
เขายิ่งคุยกับพวกโจร ยิ่งทำให้พวกโจรรู้สึกหวั่นไหว
หัวล้านสี่คนมองสังเกตที่ลู่เฉิน กำลังแยกแยะความจริงเท็จของคำพูดลู่เฉิน
แต่พวกเขาได้แต่ฟังออกว่าสำเนียงที่ลู่เฉินพูดนั้นเป็นสำเนียงเมืองหลวงแท้ๆ
“โอเค กูจะเชื่อแกก่อน แต่ถ้าระหว่างทางเกอดอะไรขึ้นมา กูจะยิงแกตายคนแรก”หัวล้านคิดแล้วจ้องมาพูดกับลู่เฉินด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“โอเค นั้นแกออกไปคุยกับพวกเขาตอนนี้เลย”ลู่เฉินพูด
“กูให้แกสิบนาที อีกสิบนาทีถ้ายังคุยไม่เสร็จ กูก็ยิงไอ้หญิงคนนี้ตาย”หัวล้านใช้ปืนพกเล็งไปที่หัวของเฉินจิงเพื่อคุกคามลู่เฉิน
ลู่เฉินหันไปมองเฉินจิง เห็นว่าในตาของเฉินจิงไม่มีความกลัวอยู่แม้แต่นิด แอบพยักหน้าในใจ พร้อมพูดว่า”ได้ ฉันเชื่อว่าผู้อำนวยการเสี่ยวเป็นคนรู้กาลเทศะ จะไม่ทำให้พวกเราผิดหวังแน่นอน”
พูดเสร็จลู่เฉินก็หันตัวเดินออกไป
“พี่สาม คุณว่าเป็นไปได้ไหมที่ไอ้เหี้ยนั้นไม่อยากเป็นตัวประกัน ถึงตั้งใจพูดพวกนี้เพื่อหนีออกไป?”โจรคนหนึ่งมองไปดูเงาหลังจองลู่เฉินและพูด
ทุกคนล้วนตะลึงทันที มันก็มีความเป็นไปได้นะ ใครจะยอมเป็นตัวประกันล่ะ?
ถ้าเป็นตัวประกันจะมีอันตรายถึงชีวิต
พอคิดแบบนี้ หัวล้านรู้สึกว่าตัวเองถูกเขาหลอกลวงแล้ว
“สัตว์เอ๋ย ไอ้เหี้ยนั้นช่างเจ้าเล่ห์หรือเกิน แต่ไม่เป็นไร ในมือของพวกเรายังมีไอ้หญิงคนนี้อยู่ เธอก็เป็นชิบในการต่อรองของเราด้วย”หัวล้านมองไปที่เฉินจิง และยิ้มอย่างกลั่นแกล้ง
ในใจของเฉินจิงรู้สึกโกรธเล็กน้อย เธอมาเพื่อปกป้องลู่เฉิน
แต่คาดไม่ถึงว่าในที่สุดกลับถูกลู่เฉินทอดทิ้ง
“ไอ้เหี้ย ดีที่สุดทีหลังอย่าตกในมือฉันนะ ไม่นั้นฉันจะเอาแกให้น่าดูแน่ๆ”
เฉินจิงคิดอยู่ในใจอย่างโกรธ จากนั้นก็ถูกหัวล้านจับตัวเข้าไปนั่งยองกับฝูงคนแล้ว