พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 66 ลู่เฉินผิดหวัง
บทที่ 66 ลู่เฉินผิดหวัง
คนอื่นๆต่างเห็นด้วยและส่งเสียงเรียกให้เรียกหลี่เหวินกวง กล่าวอะไรเล็กน้อยก่อนเริ่มงาน
“ ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะพูดอะไรสั้นๆแล้วกันนะ” หลี่เหวินกวง ไม่ได้ถ่อมตนเพราะล้วนแต่เป็นเพื่อนกัน เขาหยิบแก้วเหล้ายกขึ้น สายตามองมาที่ลู่เฉิน ในแววตานั้นมีความภาคภูมิใจเล็กน้อย
เมื่อวานเขายังสงสัยในฐานะตัวตนที่แท้จริงของลู่เฉิน แต่ตอนนี้เขาคิดว่าลู่เฉินก็เป็นได้แค่นี้ นึกถึงเมื่อตอนที่ลู่เฉินชิงบัลลังก์ความรักกับเขา แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้กับคนกระจอกจนจนอย่างนี้ ในใจก็รู้สึกโมโห
“เพื่อนๆทุกคนครับ เมื่อแปดปีที่แล้วพวกเรา ได้มารวมตัวแล้วอยู่ห้องเดียวกัน นี่คือโชคชะตาที่เบื้องบนประทานมาให้เรา ตอนนั้นพวกเราอยู่ด้วยกันในห้องเรียนที่อบอุ่น ผ่านเหตุการณ์ต่างๆไม่ว่าจะลมหรือฝนร้อนแรงขนาดไหน ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด พวกเราก็คอยสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คอยเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่งต่อกัน มาเถอะเพื่อนที่รักทั้งหลาย ดื่มให้กับมิตรภาพอันมีค่าของเราวันนี้”
“ ชนแก้ว “
เกือบจะทุกคนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วหันไปทางหลี่เหวินกวง
“อู๋เล่ยเองก็เตรียมตัวจะลุกขึ้น แต่เมื่อมองมาทางลู่เฉินเห็นเขานั่งนิ่งไม่ขยับ ตนจึงได้ลังเลอยู่ชั่วครู่ และนั่งลงไม่ขยับเช่นกัน
หลี่เหวินกวง วางแก้วลงเห็นว่าลู่เฉินพวกเขาทั้งสองไม่ยอมลุกขึ้น เขาเหล่มองไปมองที่ทั้งสอง ในแววตาปรากฏถึงความถากถางและดูถูก ผสมกับความไม่พอใจ
ต่อด้วยการชนแก้วทีละโต๊ะ
“หัวหน้าหลี่ก็คือหัวหน้าหลี่จริงๆ คำพูดเปิดงานช่างมีระดับไม่เหมือนใคร ฉันเองก็เคยฟังบรรดาหัวหน้ากล่าวเปิดงานมาไม่น้อย แต่ไม่มีใครพูดได้ประทับใจเท่าหัวหน้าหลี่เลยนะคะ” หยูลี่ยิ้ม
“ผมก็พูดออกไปตามความคิดเท่านั้น คุณไม่ต้องชมเพื่อเอาใจผมหรอก” หลี่เหวินกวง พูดอย่างถ่อมตน
“แค่พูดออกไปตามความคิด นี่มันระดับอัจฉริยะแท้ๆ” จ่าวเทียนหยู่พูดแล้วขำขึ้น
“นั่นน่ะสิ มาๆๆ พวกเราดื่มให้กับหัวหน้าหลี่สักแก้ว” นักเรียนนอกอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
หยูลี่ จ่าวเทียนหยู่และนักเรียนนอกอีกคนหนึ่งยกแก้วขึ้นมาดื่มให้หลี่เหวินกวง
เมื่อทั้งสามดื่มให้หลี่เหวินกวง เรียบร้อยแล้ว หันไปเห็นลู่เฉินและอู๋เล่ยต่างคนต่างดื่มของตน ก็พากันขมวดคิ้ว
“ลู่เฉิน อู๋เล่ย ก่อนหน้านี้พวกเธอก็ไม่ได้ดื่มฉลองไปด้วยกัน ตอนนี้ยังไม่ดื่มให้กับหลี่เหวินกวง อีก พวกคุณคิดว่าเป็นใครกันหรือจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากจริง?” นักเรียนนอกคนนั้นพูดขึ้น
“ธรรมเนียมของการดื่มให้กัน ใครดีกว่าใครก็จะต้องไปดื่มให้เหรอ” ลู่เฉินพูดอย่างช้าๆ
“พวกแกหมายถึงว่าหัวหน้าหลี่ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกแกทั้งสองยกแก้วดื่มให้อย่างนั้นเหรอ” หยูลี่พูดอย่างประชดประชัน
“ใครก็มีคุณสมบัติทำให้ผมไปดื่มให้ได้ หรือไม่ทำให้ผมไปดื่มก็ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออารมณ์ แต่แน่นอนถ้าคุณเข้าใจว่าหลี่เหวินกวง ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่ให้ผมไปดื่มแก่เขา งั้นเขาก็คงมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ” ลู่เฉินยักไหล่แล้วยิ้ม
ในวันนี้หลี่เหวินกวง เชิญเขาและภรรยามาร่วมงานเลี้ยง จากเดิมก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่ยินดีนัก เหตุใดวันนี้ลู่เฉินจึงต้องให้เกียรติเขาด้วย
อย่าว่าแต่หลี่เหวินกวง ที่เป็นแค่หัวหน้า ต่อให้ลุงของเขาที่เป็นถึงรองสำนักเดินทางมา ลู่เฉินก็ไม่ได้เห็นอยู่ในสายตา ไม่ได้อยากไปประจบประแจงด้วย
“โอ้โห พวกเรารีบฟังเข้าสิ ยังมีคนหน้าด้านอย่างนี้อยู่ด้วย มาร่วมงานเลี้ยงที่เขาจัดแท้ๆแต่กลับบอกอย่างหน้าไม่อายว่าเขาไม่มีคุณสมบัติให้ดื่มฉลองให้” หยูลี่ชี้ไปทางลู่เฉินแล้วพูดเสียงดัง กลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
“หึหึ บอสลู่ผู้ยิ่งใหญ่ เปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?รายได้เดือนละหลายแสนหรือหลายล้านล่ะยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัว ช่วยสนับสนุนเพื่อนหน่อยนะ”
“นั่นน่ะสิพวกเราก็เป็นเพื่อนกันมานาน จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับเพื่อนสักเล็กน้อยคงไม่เหนือบ่าฝ่าแรง”
เมื่อบรรดาเพื่อนคนอื่นได้ยินก็พากันเยาะเย้ยขึ้นมา
“อิจฉาหัวหน้าหลี่ก็ยอมรับว่าอิจฉาสิ จะมาทำเป็นเท่ทำไม พวกแกสองคนเป็นยังไงพวกเราไม่รู้หรอกเหรอ?” เกาหูขำด้วยความเยือกเย็น
ก่อนหน้านี้ที่ห้อง VIPในร้านอาหาร เขาก็ไม่ถูกชะตากับลู่เฉินเข้าแล้ว ตอนนี้เมื่อได้โอกาสต้องเยาะเย้ยสักหน่อย
“ก็นั่นน่ะสิ ในสมัยนี้มีคนทุกอย่างทุกประเภท คนบางคนก็มีแต่ความอิจฉาตาร้อน เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้” หยูลี่ใช้สายตาดูถูกมองไปที่ลู่เฉิน เมื่อเธอเห็นคนอื่นๆพากันเยาะเย้ยเขา เธอก็รู้สึกถึงความภาคภูมิใจ
“สำหรับลู่เฉินผมก็ไม่อยากพูด แต่ว่าอู๋เล่ย สถานการณ์ที่บ้านเธอเป็นยังไงพวกเราทุกคนก็รู้ดี ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นทายาทเศรษฐีแล้วนะ พูดง่ายๆก็คือตอนนี้แกก็เป็นแค่คนจนคนหนึ่ง หัวหน้าหลี่ยอมให้เธอนั่งร่วมโต๊ะด้วย ก็ให้น่าให้เกียรติเธอมากเกินพอแล้ว แต่เธอยังไม่ดื่มให้กับเขาสักแก้ว นี่มันช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริงๆ” เบ้าหรงหรงมองดูอู๋เล่ยแล้วส่ายหัว
อู๋เล่ยเจ็บปวดเหมือนโดนทิ่มแทงไปที่กลางใจ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เขาไม่ใช่ว่าไม่ต้องการดื่มให้หลี่เหวินกวง แต่ก่อนหน้านี้ที่ทุกคนหัวเราะเยาะเขา มีเพียงลู่เฉินเท่านั้นที่ออกมายืนหยัดเพื่อเขา จึงทำให้เขาไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับเพื่อนพวกนี้
ประกอบกับที่ลู่เฉินไม่ดื่มให้หลี่เหวินกวง เขาเองก็ขี้เกียจที่จะดื่ม
หลี่เหวินกวง ใช้สายตาเยือกเย็นมองไปที่อู๋เล่ย ลู่เฉินไม่ดื่มให้แก่เขา เขายังพอเข้าใจได้ เนื่องจากเขาทั้งสองยังมีความแค้นส่วนตัวต่อกัน อย่างไรเสียก็เคยเป็นคู่แข่งกันมาก่อน
แต่อู๋เล่ยเป็นใครกัน เขาอุตส่าห์เห็นแก่การเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมา จึงให้คนไปบอกข่าวนี้กับเขา แต่กลับไม่ให้เกียรติเจ้าของงานอย่างนี้
อู๋เล่ยคล้ายว่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ถูกลู่เฉินชิงตัดบทไปก่อน
“ในสายตาของพวกคุณ หลี่เหวินกวง อาจจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โต แต่สำหรับผมแล้วก็เป็นได้เท่านั้น ถ้าพวกคุณต้องการจะไปประจบประแจงเขานั่นเป็นเรื่องของพวกคุณ อย่านำพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แน่นอนว่าถ้าพวกคุณยังยืนยันจะมีปัญหากับผม ผมก็คงต้องตอบสนอง” ลู่เฉินมองเห็นและเข้าใจความคิดของเพื่อนคนอื่นดี
แต่ละคนล้วนหาโอกาสประจบประแจงหลี่เหวินกวง เพียงแค่มีโอกาสสักเล็กน้อย ก็ต้องเข้าข้างเขาให้ได้เพื่อทำผลงาน
กระทั่งบางคนยังยอมทิ้งหลักการของตน
เพื่อนเก่าแบบนี้งานเลี้ยงแบบนี้ ลู่เฉินเองรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
๐เชอะ การที่ให้พวกเธอดื่มกับหลี่เหวินกวง นั้นถือว่าให้เกียรติเกินไปแล้ว โตๆกันแล้วควรรู้จักที่ต่ำที่สูง แกคิดว่าหลี่เหวินกวง จะดื่มให้กับทุกคนที่มายกแก้วให้เขาหรอ” หยูลี่มองมาทางลู่เฉินแล้วพูดอย่างไม่ไยดี
“ลู่เฉิน เมื่อตอนเรียนมหาลัย คุณมีปัญหากับหลี่เหวินกวง แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ได้เอามาใส่ใจแล้ว ทำไมคุณถึงยังทำอย่างนี้อยู่อีก คุณไม่รู้สึกซึ้งน้ำใจของเขา ยังกระทำกิริยาที่ไม่ให้เกียรติอีก จิตใจของคุณมันทำด้วยอะไรกัน” โจวจุนหัวนักเรียนนอกก็ได้กล่าวคำพูดเสียดสีเช่นกัน
“ลู่เฉิน ด้วยพวกเธอทำเกินไปจริงๆนะ หัวหน้าหลี่เขาไม่ติดใจเอาความพวกเธอแล้ว ก็ควรจะรู้สึกขอบคุณเขาสิ ถ้าเป็นพวกเราคงดื่มลงโทษตัวเองก่อนเพื่อให้หัวหน้าหลี่ยกโทษให้ เกิดเป็นคนบางครั้งก็ควรจะยืดหยุ่นบ้างนะ ถ้าแข็งเกินไปก็จะทำให้ตัวเองสะดุดล้มได้” เบ้าหรงหรงพูดเตือน
ลู่เฉินส่ายหัวแล้วลุกขึ้นยืน สายตาเขามองไปที่เพื่อนๆทุกคนแล้วพูดเบาๆว่า “เห็นแก่ที่พวกเราเคยเรียนร่วมกันมาตั้งสี่ปี ผมจึงยังนั่งอยู่ตรงนี้ และพวกคุณยังพูดจาเสียดสีเช่นนี้อีก ไม่อย่างนั้นละก็……”
ลู่เฉินส่ายหัวอีกครั้ง เขาไม่พูดอะไรต่อไป ดูเหมือนเขารู้สึกผิดหวังและถอนหายใจ
“ไปเถอะ งานเลี้ยงรุ่นแบบนี้ไม่มีความหมายอะไรหรอก”
เขาพูดแล้วเดินออกไปข้างนอก
อู๋เล่ยก็เดินตามออกไปเช่นกัน
หลินอี้จุนก็ได้แต่ถอนหายใจ เพื่อนแบบนี้เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเช่นกัน เธอทำได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินตามไป
เมื่อพวกเขาทั้งสามเดินออกไปจากโรงแรม ก็เจอชายวัยกลางคนคนหนึ่งลงจากรถ
ชายผู้นั้นเมื่อมองเห็นลู่เฉินก็เดินรีบเดินมาแล้วทำความเคารพ