พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 70 นี่เพียงเริ่มต้น
บทที่ 70 นี่เพียงเริ่มต้น
เมื่อเธอรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นใคร หลินอี้จุนก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เพื่อต้องการให้วิ่งเร็วขึ้นสักหน่อย เธอถอดรองเท้าส้นสูงนั้นแล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์
โชคดีที่ลิฟต์กำลังเลื่อนลง และจะหยุดในชั้นที่เธออยู่พอดี เธอจึงกดลิฟท์หันไปมองหลิวหยานฉีที่ถูกใช้พวกนั้นตบหน้าเข้าให้แล้วลากเธอเข้าไปในห้อง
ส่วนชายอีกคนหนึ่งวิ่งอย่างรวดเร็วมาทางเธอ
“เร็วสิ เร็วๆสิ” หลินอี้จุนรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดขีด เธอเอามือเคาะไปที่ลิฟท์
ในขณะที่ชายผู้นั้นอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงห้าเมตร ประตูลิฟท์ก็เปิดขึ้น หลินอี้จุนรีบวิ่งเข้าไปในลิฟท์แล้วกดปิดทันที
เมื่อเห็นเขากำลังจะพุ่งเข้ามา หลินอี้จุนหยิบรองเท้าของเธอข้างหนึ่งแล้วปาไปที่หน้าเขา
ชายผู้นั้นยกมือปัดรองเท้าทิ้งไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดลิฟท์ไว้ได้
ลิฟท์นั้นลงไปยังชั้นหนึ่ง โชคดีที่ลูกค้าชั้นหนึ่งกดเรียกลิฟท์ ทำให้ระหว่างนั้นไม่ได้หยุดที่ชั้นไหนเลย
ลูกค้าที่ชั้นหนึ่งเห็นหลินอี้จุนไม่ได้ใส่รองเท้าและออกมาด้วยความตื่นตระหนกก็เกิดความงุนงง
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
หลินอี้จุนวิ่งออกมาจากลิฟท์ เธอวิ่งเท้าเปล่าไปจากโรงแรมและตรงไปยังรถ เมื่อเธอขับรถออกมาจากโรงแรมแล้วถึงได้ถอนหายใจ
เธอจอดรถลงที่ข้างทางแล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาลู่เฉิน
หลังจากที่รู้ว่าผู้บริหารวังคนนั้นคือวังเหวินเสวี่ย เธอก็ไม่คิดจะแจ้งตำรวจเพราะเธอรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ ต่อให้ตำรวจมาถึงหลิวหยานฉีก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรแล้ว
“คุณอยู่ที่ไหนคะ? ฉันเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คุณรีบมาช่วยพวกเราหน่อย” เมื่อลู่เฉินรับโทรศัพท์หลินอี้จุนก็รีบพูดอย่างร้อนรน
“เป็นอะไรครับ? คุณอยู่ที่ไหนผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ลู่เฉินรีบถามขึ้น
“วันนี้ฉันกับพนักงานขายอีกคนหนึ่งมาเจรจากับลูกค้า แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นวังเหวินเสวี่ยแห่งตระกูลวังคนนั้น ที่สำคัญคือหลิวหยานฉีเสียสละตนเองเพื่อรั้งพวกเขาไว้ ฉันจึงหนีออกมาได้ คุณรีบมาช่วยเธอหน่อย” หลินอี้จุนพูด
เธอรู้ว่าลู่เฉินนั้นถนัดเรื่องการชกต่อย กับวังเหวินเสวี่ยคนนี้ควรที่จะถูกลู่เฉินสั่งสอนบ้าง
ส่วนเรื่องหลังจากนี้เธอเองไม่มีเวลาคิดมากแล้ว ช่วยคนออกมาให้ได้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
“ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ คุณรอผมนะ” เมื่อได้ยินหลินอี้จุนพูดขึ้นว่าเธอปลอดภัยแล้ว ลู่เฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เขาเองก็ไม่รอช้า รีบขับรถด้วยความเร็วสูงสุดมายังโรงแรม
โชคดีที่ในเวลานี้เป็นเลยหลังเลิกงานไปแล้ว รถไม่เยอะนักจึงทำให้มาถึงได้ในเวลาไม่ช้า ลู่เฉินผ่าไฟแดงทุกแห่ง ต่อให้เขาโดนใบสั่งค่อยให้คนไปจัดการทีหลัง
“ตระกูลวัง ดีมาก ฉันยังไม่ได้จัดการกับพวกแกโดยตรง พวกแกก็มาหาเรื่องถึงที่ ถ้าอย่างนั้นคงต้องรีบเร่งแล้วล่ะ” ลู่เฉินยิ้มด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ตอนนี้เขาตรงคงต้องละทิ้งทุกอย่างเอาไว้ก่อน แล้วจัดการบ้านตระกูลวังให้เรียบร้อย
ภายในห้อง VIP ในโรงแรม
“เป็นยังไงล่ะ วิ่งหนีไปสิ ทำไมไม่วิ่งล่ะ?” หยุนแดนหวู่ตบหลิวหยานฉีเต็มหน้าแล้วหัวเราะ
หลิวหยานฉีไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ดีว่าต่อให้พูดออกมาก็ไม่มีประโยชน์ เธอหวังแค่ว่าหลิวหยานฉีจะไปแจ้งตำรวจและช่วยเธอได้ทันเวลา
ในตอนนี้เธอทั้งกลัวและหมดหวัง หากรู้ว่าหยุนแดนหวู่จะมาไม้นี้เธอก็คงไม่รับการขายครั้งนี้
แต่ยังโชคดีที่หลินอี้จุนหนีออกไปได้ หากหลินอี้จุนถูกคนเหล่านี้รังแก กลับไปเธอเองก็คงถูกไล่ออกเช่นกัน
“ลงมือ” วังเหวินเสวี่ยพูด
ก่อนหน้านี้เขาเคยพบกับหลินอี้จุน ก็รู้สึกถูกชะตาขึ้นมา
และอีกอย่างในสัญญาในครั้งนี้ที่พวกเขาไม่ยอมเซ็นเสียที เนื่องจากต้องการให้หลิวหยานฉีพาหลินอี้จุนออกมา
ในวันนี้หลินอี้จุนเดินทางมาด้วยตนเอง เขาตั้งใจวางแผนครอบครองในตัวเธอ
คิดไม่ถึงว่าหลิวหยานฉีจะช่วยให้หลินอี้จุนหนีออกไปได้ ทำให้เขาโกรธมาก
หยุนแดนหวู่ตบหลิวหยานฉีเข้าหลายที เธอเจ็บจนร้องไห้และเอามือกุมหัวไว้ก้มลงไปที่พื้น แต่หยุนแดนหวู่ไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะปล่อยเธอไป
อีกทั้งยังเตะเธอลงไปกลิ้งที่พื้น
“ผู้หญิงคนนี้ให้พวกแกเอาไปเล่นแล้วกันนะ” เมื่อวังเหวินเสวี่ยตบตีจนพอใจแล้ว ก็ตั้งใจจะมอบหลิวหยานฉีให้กับชายสองคนนั้น
พวกมันทั้งสองดีใจ ก่อนหน้านี้ที่ถูกหลิวหยานฉีเตะให้ก็รู้สึกเจ็บแค้น ตอนนี้ได้โอกาสเอาคืนแล้ว
บอดี้การ์ดทั้งสองคนดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นแล้วพาไปยังอีกห้องหนึ่ง
ในขณะนั้น มีชายผู้หนึ่งปรากฏตัวที่หน้าห้องและยืนขวางพวกเขาไว้
เป็นลู่เฉินนั่นเอง!
“ทำอะไร หลีกไปซะ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้น
ลู่เฉินมองหลิวหยานฉีที่ถูกทำร้ายโดยพวกเขาทั้งสอง ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เขาเริ่มลงมือขึ้น
หลิวหยานฉีสละตัวเองเพื่อให้หลินอี้จุนหนีออกมาได้ ต่อให้หลินอี้จุนไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่หลิวหยานฉีก็เป็นพนักงานคนหนึ่งของเขา ทำให้เขาโมโหสุดขีด
“พั่ว!พั่ก!”
ในขณะที่บอดี้การ์ดทั้งสองยังไม่ทันตั้งหลัก ก็ถูกลู่เฉินต่อยจนล้มลง
ลู่เฉินไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งสองถูกลู่เฉินต่อยจนหมดสติ
“คุณลงไปก่อนนะ ให้หลินอี้จุนพาไปโรงพยาบาล” ลู่เฉินพยุงหลิวหยานฉีขึ้นเมื่อพบว่าเธอมีบาดแผลเพียงภายนอก ก็รู้สึกโล่งอก
“ขอบคุณมากค่ะ” หลิวหยานฉีเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถึงแม้เธอจะโดนทำร้ายร่างกายไปเมื่อครู่ แต่ก็เป็นเพียงการโดนทำร้ายภายนอก ภายในใจของเธอตอนนี้สดใสขึ้นแล้ว
เธอไม่กล้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว รีบหยิบกระเป๋าแล้วเดินไปที่ลิฟต์ทันที
“แกเป็นใคร” หยุนแดนหวู่มองด้วยสายตาเยือกเย็น
“พวกแกสอง คนใครคือวังเหวินเสวี่ย” ลู่เฉินมองไปทางทั้งสอง
“ฉันเอง มีอะไร พวกเรารู้จักกันเหรอ?” วังเหวินเสวี่ยขมวดคิ้วมองดูลู่เฉิน
“ผลั่ก!”
ลู่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาตรงเข้าไปต่อยวังเหวินเสวี่ย
คิดจะตุกติกกับภรรยาของเขา ก็ควรตายไปซะ
วังเหวินเสวี่ยไม่คิดว่าลู่เฉินจะลงไม้ลงมือโดยไม่ทันได้ตั้งตัวมาก่อน
เขายังไม่ทันจะลุกขึ้นยืนได้ ลู่เฉินก็ซ้ำอีกหนึ่งหมัด ทำให้เขาไปฟุบอยู่ที่พื้น ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ล้มระเนระนาด
“แกทำอะไรวะ รู้ไหมว่านี่คือประธานวัง?” หยุนแดนหวู่พูดด้วยความโมโห
“ท่านประธานวังของเราเป็นผู้สืบทอดสกุลอันดับหนึ่งของตระกูล ฉันเตือนแกว่าควรไปสืบมาให้ดีก่อนที่จะลงมือทำร้ายท่านประธานวัง ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป” หยุนแดนหวู่พูดด้วยความภูมิใจ
“ตระกูลวังแข็งแกร่งมากนั้นเหรอ? คนนี้ที่ผมพึ่งต่อยไปก็เป็นคนของตระกูลวังนี่” ลู่เฉินหัวเราะ แล้วดึงตัววังเหวินเสวี่ยขึ้นมา
สีหน้าของหยุนแดนหวู่ตอนนี้ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก เขาหยิบเก้าอี้และเดินไปทางลู่เฉิน ฟาดมันลงไป!
ลู่เฉินไม่ได้หันไปมอง เขาเตะไปทางด้านข้างเข้าที่หน้าอกของหยุนแดนหวู่พอดี ทำให้หยุนแดนหวู่ถึงกับร้อง และถอยหลังไปอยู่ที่มุมกำแพง
“แกก็คิดลวนลามภรรยาฉัน วันนี้ฉันจะตัดทิ้งให้สิ้นซาก!” หลังจากที่เขาต่อยวังเหวินเสวี่ยให้มีสภาพรุ่งริ่งแล้ว ก็เตะไปตรงเป้ากางเกงของวังเหวินเสวี่ย
วังเหวินเสวี่ยร้องอย่างกับหมูถูกเชือดแล้วเป็นลมไป
“กลับไปบอกบ้านตระกูลวังของแกซะว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดี เรื่องในวันนี้เป็นเพียงแค่เริ่มต้น” ลู่เฉินมองหยุนแดนหวู่ที่ทำเป็นแกล้งตายอยู่บนพื้น เขาปัดมือและเดินออกจากห้องไป