พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 84 หลินอี้จุนระเบิดอารมณ์ออกมา
บทที่ 84 หลินอี้จุนระเบิดอารมณ์ออกมา
หลังจากหลินดาไห่กลับมาถึงบ้าน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหวาดกลัวภายหลัง
ในระหว่างทางที่กลับมา เขายังไปตรวจสอบประวัติของวังซิงของตระกูลวัง ตำนานเกี่ยวกับวังซิงล้วนเป็นตำนานที่เลวร้าย ไม่มีคอมเมนต์ที่ดีแม้แต่อันเดียว
สีหน้าของหลินอี้เจียก็แย่มากเช่นกัน ไปขัดใจวังซิง นั้นก็เท่ากับว่าเป็นพฤติกรรมที่รนหาที่ตายเอง
ตอนนี้เธอก็เป็นห่วงว่าเรื่องที่ลู่เฉินไปต่อยวังซิงนั้นจะทำให้บ้านเธอต้องเดือดร้อนไปด้วย
“พ่อ อี้เจีย พวกคุณเป็นไรเนี่ย ทำไมสีหน้าแย่ขนาดนี้?เอ๊ะ ลู่เฉินได้ไปกับพวกคุณด้วยไม่ใช่หรือ?เขากลับบ้านหรือยัง?”หลินอี้จุนที่มารับฉีฉียังไม่ทันได้กลับไปก็ได้เห็นความผิดปกติของทั้งสอง จึงถามอย่างแปลกใจ
หลินดาไห่ก็ดิ้นรนอยู่ในใจ กำลังลังเลอยู่ว่าจะบอกเรื่องนี้ให้กับลูกสาวหรือเปล่า
“พี่ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว”หลินอี้เจียไม่ได้คิดมากขนาดนั้น พูดออกมาโดยตรง
“อ๊า?เกิดอะไรขึ้น?”หลินอี้จุนตะลึงทันที วังเสวี่ยก็มองไปที่หลินอี้เจียอย่างประหลาดใจ
“พี่เขยเขาก้อเรื่องขึ้นมา!”หลินอี้เจียพูดอย่างหวาดกลัว
หลินอี้จุนใจสั่นทันที วังเสวี่ยขมวดคิ้วและถามว่า”พี่เขยคุณเกิดอะไรขึ้น?”
“เขา เขาได้ตบหน้าวังซิงไปสองครั้งต่อหน้าต่อตาทุกคน ครั้งนี้เขาตายแน่ๆ แถมยังอาจจะทำให้ครอบครัวเราต้องเดือดร้อนไปด้วย!”หลินอี้เจียพูดอย่างขมขื่น
“วังซิงเป็นใคร?”แม้ว่าวังซิงเป็นลูกผู้ลากมากดีที่เลวร้ายจนขึ้นชื่อ แต่คนมีอายุหน่อยส่วนมากจะไม่รู้จักเขา วังเสวี่ยก็เช่นกัน
“เขาเป็นลูกหลานของตระกูลวังในเขตYubeiไง คนที่เคยขัดใจเขา ล้วนถูกต่อยตีจนขาพิการหรือไม่ก็มือพิการ แถมยังได้ยินมาว่า ตระกูลวูที่ล้มละลายไปในครั้งก่อน ก็เนื่องจากคนในตระกูลวูไปทำให้วังซินขุ่นเคือง สุดท้ายจึงถูกตระกูลวังทำจนล้มละลาย แถมวูซู่ฉวนยังถูกตระกูลวังหาคนไปฆ่าตายด้วย”หลินอี้เจียพูด
“อ๊ะ?คนที่คุณว่านั้นคือวูซู่ฉวนที่ผู้คนรู้จักกันดีเพราะธุรกิจล้มละลายเมื่อไม่กี่ปีก่อนใช่ไหม?”วังเสวี่ยถามอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ครั้งนี้ต้องโทษฉันด้วย เขาช่วยหากำไรให้ฉันแล้ว ฉันก็ควรที่จะให้เขารีบกลับบ้าน แต่ฉันนี่โลภเกินไป ยังคิดจะให้เขาช่วยหากำไรให้ฉันมากขึ้น”หลินดาไห่พูดอย่างเสียใจภายหลัง
สีหน้าของวังเสวี่ยซีกลงทันที
ถ้าพูดตรงๆ เธอไม่สนใจว่าลู่เฉินที่เป็นยังไง สิ่งที่เธอเป็นห่วงคือ เรื่องนี้จะติดพันมาถึงบ้านหลินของพวกเธอไหม
ถ้าหากบ้านหลินของเธอนั้นถูกบ้านวังคิดแค้นขึ้นมา นั้นผลที่ตามมาคงไม่กล้าคาดเดาได้
“ไอ้ขยะตัวนี้ ทำให้เราต้องเดือดร้อนไปด้วย เขารนหาที่ตายเอง แต่ยังต้องมาติดพันกับพวกเราอีก อี้จุน คุณอย่าลังเลเลย เขาเป็นขยะสังคมที่ก่อเรื่องเป็นอย่างเดียว คุณรีบหย่าร้างกับเขาเลย แม้ว่าคุณมีลูกสาวด้วยแต่ตามความสามารถของคุณไปหาใครสักคนหนึ่ง ล้วนต้องเก่งกว่าเราหลายเท่าแน่นอน!”วังเสวี่ยพูดอย่างโกรธ
นับเวลานี้ใจของหลินอี้จุนก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ก่อนหน้านี้ลู่เฉินก็ตบวังเหวินเสวี่ย ซึ่งคุณชายใหญ่ของตระกูลวังไปแล้ว ตอนนี้ยังไปตบวังซินอีก
สามารถคาดการณ์ได้ว่า บ้านวังจะโกรธขรึมขนาดไหน
หน้าที่พวกเขาเสียไปต้องเอากลับคืนมาให้ได้อยู่แล้ว
เธอไม่ได้สนใจวังเสวี่ย แต่กลับได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาลู่เฉิน
ไม่นานอีกฝั่งก็ได้รับสาย หลินอี้จุนถามตรงๆว่า”ตอนนี้คุณอยู่ไหน?”
“อยู่ระหว่างทางที่จะกลับบ้าน”
“มารับพวกเราที่บ้านแม่หน่อย วันนี้ฉันไม่อยากขับรถ”หลินอี้จุนระงับความห่วงใยในใจลงไปแล้วจึงพูด
“โอเค อีกประมาณสิบนาทีถึง”
หลินอี้จุนวางสายลง เมื่อนึกถึงคำพูดของหลินอี้เจีย ใจก็ยิ่งสงบไม่ได้
“อี้จูน ยังเรียกเขามาอีกทำไม?คุณกลัวว่าบ้านหลินยังตายไม่เร็วพอหรือ?”วังเสวี่ยถามอย่างโกรธ
“แม่ ฉันแค่ให้เขามารับฉัน ไม่ให้เขาขึ้นมาหรอก”หลินอี้จุนถอนหายใจออก และพูดอย่างเสียใจ
จนถึงเวลานี้แล้ว ไม่คิดวิธีมาช่วยลู่เฉิน แต่กลับกลัวว่าลู่เฉินจะมาหาที่บ้าน
ทันใดนั้น เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อก่อนลู่เฉินถึงไม่ชอบมาที่นี่แล้ว
เพราะไม่เพียงแต่ไม่ได้รับการเคารพ แถมยังไม่ได้รับความห่วงใยจากพ่อตาแม่ยายอีก อย่าไปพูดถึงลู่เฉินเลย บางทีเธอเองก็ไม่อยากมาด้วยซ้ำ
“คำพูดของคุณหมายความว่าอย่างไร ทำไมถึงไม่ให้เขาขึ้นมาล่ะ?แม้ว่าเขามีความผิด แต่ต้นเหตุก็มาจากฉันเอง”แม้ว่าหลินดาไห่หวาดกลัวในใจ แต่ก็ยังช่วยพูดให้ลู่เฉิน
“ต้นเหตุมาจากคุณหรือ?คุณเป็นคนที่ไปขัดใจวังซินหรือไง?”วังเสวี่ยหน้าซีกทันที ถ้าหากต้นเหตุของเรื่องนี้เป็นเพราะสามีตนเอง นั้นบ้านหลินจะต้องตายแน่ๆเลย
“แม่ เรื่องมันเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้พี่เขยช่วยพ่อค้นพบ(เจียงถิง พูดถึงภาพโบราณ)ซึ่งเป็นภาพที่เขียนขึ้นโดยถังโป๋หู่ แท้ๆ จึงถูกจั่วชิงเฉิงซึ่งเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลจั่วซื้อไปด้วยเงินสี่สิบล้านทันที จากนั้นพี่เขยก็เลยขึ้นชื่อทันที ไม่นาน วังซินก็มาหาพี่เขยเพื่อให้พี่เขยแยกแยะความจริงเท็จของหินหยาบให้ เขาจะให้เงินยี่สิบล้านเป็นค่าจ้าง แต่พี่เขยปฏิเสธ ดังนั้นจึงขัดใจวังซิน ต่อจากนั้น ขณะที่ไปร่วมงานเดิมพันบนหิน พี่เขยได้ขึ้นไปตบหน้าวังซินสองครั้งอย่างไร้สาเหตุ ทันใดนั้นพวกเราก็มึนงงไปหมด ฉันเลยรีบพาพ่อกลับมา”หลินอี้เจียพูดเรื่องทั้งหมดออกมาคร่าวๆ
“ได้กำไรมาสี่สิบล้าน?แล้วเงินล่ะ?”พอวังเสวี่ยได้ยินว่าได้เงินมา ก็ลืมเรื่องนี้ไปชั่วคราว
“เงินก็ต้องอยู่ในบัญชีของฉันสิ ระหว่างทางที่กลับมาถึงจะเข้าบัญชี”หลินดาไห่พูด
“เอาบัตรมาให้ฉัน”วังเสวี่ยเอื้อมมือไปถึงตรงหน้าของหลินดาไห่
“นี่มันเวลาไหนแล้ว คุณยังคิดแต่เรื่องเงินอย่างเดียว?”หลินดาไห่พูดอย่างโกรธ ตอนนี้เป็นเวลาที่ควรจะไปคิดวิธีต่อต้านการแก้แค้นของบ้านวัง แต่คาดไม่ถึงว่า ในสายตาของวังเสวี่ยมีแต่เรื่องเงิน
“คุณจะให้หรือไม่?”วังเสวี่ยพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ไม่ให้ เงินนี้มีครึ่งหนึ่งเป็นของลู่เฉิน ถ้าจะให้ก็ต้องเอาส่วนที่ของลู่เฉินคืนเขาก่อน”หลินดาไห่พูดอย่างแข็งแกร่ง
“จะให้เขาครึ่งหนึ่งไปทำไม เขาทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนต้องหวาดกลัว ไม่ต้องให้เขาแม้แต่บาทเดียวเลย แถมก็ยังไม่ทราบว่าเขาจะรอดพ้นเรื่องนี้ไปได้หรือเปล่า ให้เขามันก็แค่เสียดายเงินหรอก”วังเสวี่ยพูดอย่างมีเหตุมีผล
“พอแล้ว!”หลินอี้จุนโกรธขึ้นมาจริงๆ
“พ่อ น้องสาว ฉันมองนิสัยที่แท้จริงของพวกคุณออกแล้ว ลู่เฉินช่วยหากำไรตั้งสี่สิบล้านให้พวกคุณ แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้นมา พวกคุณกลับทอดทิ้งเขาไว้และหนีกลับมาเอง พวกคุณมีน้ำใจหน่อยหรือเปล่า?”
จากนั้นเธอหันไปมองวังเสวี่ยอย่างโกรธขรึม”แล้วคุณแม่ พ่อก็บอกแล้วว่า เงินสี่สิบล้านนี้มียี่สิบล้านเป็นของลู่เฉิน แต่คุณกลับไม่อยากให้เขาแม้แต่บาทเดียว ถ้าไม่มีลู่เฉิน คุณพ่อจะได้เงินนี้มาได้ยังไงล่ะ?คุณไม่มีนํ้าใจบ้างเลยหรือ?หรือว่าคุณลืมไปแล้ว พวกคุณชอบรังแกดูถูกลู่เฉินมาตลอด แต่ครั้งก่อนเขาก็ยังช่วยคุณได้คำสั่งซื้อจากบริษัทจวินเยวี่ยอย่างเงียบๆ แล้วทุกครั้งที่พวกคุณด่าว่าเขา ดูถูกเสียดสีเขา เขาได้ด่าพวกคุณกลับไหม?ไม่ เขาไม่ได้พูดอะไรเลย อย่างน้อยเขาไม่เคยได้พูดอะไรที่ไม่ดีของพวกคุณต่อหน้าฉันเลย”
อาจจะเป็นเพราะมีความหวาดกลัวเกิดขึ้นในใจ สุดท้ายหลินอี้จุนก็ได้ระเบิดออกมา
หลินดาไห่ วังเสงี่ยมและหลินอี้เจียทั้งสามคนล้วนก้มน้อยลงด้วยความละอายใจ
ใช่แล้ว พวกเขาไม่เคยปฏิบัติดีต่อลู่เฉินมาตลอด แค่เพราะว่าพวกเขาล้วนรู้สึกว่าลู่เฉินยากจน เป็นขยะสังคม ไม่คู่ควรที่จะเป็นสามีของหลินอี้จุน ไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกเขยของบ้านหลิน
แต่ลู่เฉินไม่เคยพูดอะไรเลย แถมยังคอยช่วยเหลือพวกเขาอยู่เบื้องหลังมาตลอด
“แม่ จริงๆแล้วเงินสี่สิบล้านนี้ พี่เขยบอกว่าเขาไม่เอาแม้แต่บาทหนึ่ง แต่คุณพ่อเกรงใจ เลยบอกว่าจะช่วยเก็บเงินยี่สิบล้านนี้ไว้ให้พี่เขย ทีหลังถ้าพี่เขยต้องใช้เงินค่อยเอาไปให้เขา”หลินอี้เจียพูดอย่างอ่อนแรง
“เฮ้อ แล้วมันก็ยังไงล่ะ เขาแต่งงานกับลูกสาวของฉัน ก็ถือว่าเป็นลูกชายของฉัน การที่ช่วยเหลือพวกเราเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ?”
วังเสวี่ยแค่ละอายใจไปไม่วินาที ก็พูดอย่างรังเกียจขึ้นมาอีก
หลินอี้จุนโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรดี
ขณะที่เธอเพิ่งจะพาฉีฉีลงตึก ก็เห็นว่าลู่เฉินผลักประตูเดินเข้ามา