พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 1002 เจอกันอีกครั้ง
คนจำนวนมากมายในเมืองมหาดารากำลังจ้องไปที่ดวงแสงบนท้องฟ้าอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งมันคือทางออกของแม่น้ำมหาดารา
ในช่วงพันปีที่ผ่านมาตั้งแต่แม่น้ำมหาดาราเปิด ออกแสงที่เปล่งประกายออกจากดวงแสงนี้ส่องประกายเป็นปกติมาโดยตลอด แต่ตอนนี้มันกลับค่อย ๆ หรี่ลงเรื่อย ๆ ตลอดเวลา
“มันใกล้จะถึงเวลาที่แม่น้ำมหาดาราปิดตัวลงแล้วสินะ”
ผู้คนมากมายต่างคิดแบบเดียวกัน เพราะแค่ดูจากดวงแสงที่ค่อย ๆ หรี่ลงมันก็เดาไม่ได้ยากอะไร
ในระหว่างที่แสงค่อย ๆ หรี่ลงเรื่อย ๆ ผู้คนที่เคยเข้าไปในแม่น้ำมหาดาราก็ทยอยพากันบินออกมา ซึ่งแม่น้ำมหาดารานั้นจะปล่อยกลุ่มคนออกมาเป็นชุด ๆ ตามลำดับความแข็งแกร่งไล่เลี่ยขึ้นไป ดังนั้นคนกลุ่มแรกที่บินออกมานั้นเป็นพวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตศักดิ์สิทธิ์สามัญรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดบางคนที่หมดหวังกับการสำเร็จเต๋า
บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายที่รอทายาทของตัวเองอยู่เมื่อเห็นว่าทายาทของตัวเองออกมาได้อย่างปลอดภัยพวกเขาต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็หัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน
หลังจากนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อย ๆ ทยอยออกมา
“ทำไมหลานของข้ายังไม่ออกมาอีก? หรือว่าจะเป็นไปได้ไหมที่เขาทะลวงขอบเขตไปอยู่ขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์แล้ว?”
ผู้อาวุโสหลายคนต่างรอลูกหลานของพวกเขาอย่างกระวนกระวายกลัวว่าลูกหลานของพวกเขาเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ตายลงในแม่น้ำมหาดารา
อย่างไรก็ตามเมื่อกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัว สีหน้าของบรรดาผู้อาวุโสหลายคนต่างก็เปลี่ยนเป็นหม่นหมอง
ต่อให้ลูกหลานของพวกเขาจะแข็งแกร่งสักไหนหรือต่อให้พรสวรรค์ของลูกหลานพวกเขาจะเป็นหนึ่งในร้อยล้านมันก็คงไม่มีทางที่ลูกหลานของพวกเขาจะทะลวงระดับข้ามไปถึงขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จริงไหม?
ตี๋เมิ่ง เมื่อเห็นว่าตี๋ฮ่าวยังไม่ปรากฏตัวเขาก็ยิ้มอย่างพอใจและเอ่ยขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าหลานของข้าคงจะทะลวงระดับขึ้นไปถึงขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แล้วแน่นอน!”
ก่อนหน้าที่แม่น้ำมหาดาราจะเปิดออก เขาทุ่มทรัพยากรจำนวนมหาศาลให้กับตี๋ฮ่าวได้บ่มเพาะจนตี๋ฮ่าวมีรากฐานพร้อมที่จะทะลวงระดับไปยังขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอนหากมีอะไรไปกระตุ้น ยกตัวอย่างเช่นสมบัติต่าง ๆ ที่อยู่ในแม่น้ำมหาดารา
ดังนั้นเขาจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าตี๋ฮ่าวน่าจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วแน่นอน
แต่แล้วเมื่อถึงเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทยอยกันออกมา และจากนั้นก็มีพวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชาเดินตามออกมาและดวงแสงก็ดับวูบลง
สีหน้าของตี๋เมิ่งกลายเป็นแข็งค้าง
ความหวังของเผ่าอีกาทองคำดับสูญลงไปในแม่น้ำมหาดาราง่าย ๆ แบบนี้งั้นเหรอ?
อันที่จริงความรู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่แค่ตี๋เมิ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึก แต่คนอื่น ๆ หลายคนต่างก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน เพราะในท้ายที่สุดผู้ทีเป็นความหวังของเผ่าพวกเขาในอนาคตก็ไม่ออกมาเหมือนกัน
แม้แต่คนของยอดเขาเต๋าเทวะ ภูเขาฟีนิกซ์ เผ่ามนุษย์รวมไปถึงคนของต้นสังกัดลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าน่าเกลียดออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นว่าคนที่พวกเขาเฝ้ารอมากที่สุดไม่ออกมาเลยสักคน
เด็ก ๆ เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นลูก ๆ ของผู้นำสูงสุดของพวกเขา แล้วแบบนี้พวกเขาจะกลับไปให้คำอธิบายกับนายของตัวเองยังไง?
แม้แต่กิเลนในเวลานี้ก็เริ่มร้องห่มร้องไห้ “นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม? นายน้อยยู่ชาน นี่ท่านตายแล้วจริง ๆ เหรอ? แล้วทีนี้ข้าจะกลับไปให้คำอธิบายกับนายน้อยต้วนฉิงยังไง แล้วไหนจะนายท่านอีก ข้าจะกล้าสู้หน้าพวกเขาในอนาคตได้ยังไง!?”
ในตอนนี้กิเลนคิดว่าทั้งหลิงยู่ชานและหมิงจู้ล้วนตายไปหมดแล้วในแม่น้ำมหาดารา
ในตอนนี้มีแค่เพียงกุยไห่เหรินหวางเท่านั้นที่ไม่ได้แสดงสีหน้าทุกข์ร้อนอะไร เพราะเขารู้ดีว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นไม่มีใครเป็นอะไรแน่นอนเพราะคนที่พาพวกเขาเข้าไปคือ หลิงตู้ฉิง!
ในระหว่างที่กิเลนกำลังร้องห่มร้องไห้ จู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้ามันและถามว่า “เจ้าร้องไห้เรื่องอะไร?”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงเปิดโลกของเขาให้หลิงยู่ชานและคนอื่น ๆ เดินออกมา
“นี่มัน…” กิเลนผงะถอยหลังด้วยสีหน้าตกตะลึง
กิเลนสัมผัสได้ว่าชายตรงหน้าเหมือนกับเจ้านายของเขาไม่มีผิด แต่ทำไมกลิ่นอายมันถึงได้ดูแตกต่างเป็นคนละคนขนาดนี้?
ในเวลาเดียวกัน บรรดาผู้คนของยอดเขาเต๋าเทวะ ภูเขาฟีนิกซ์และฝ่ายต่าง ๆ ก็รีบวิ่งเข้ามาหาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงทันทีด้วยสีหน้าตื่นเต้น
นายน้อยของพวกเขาได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว พวกเขาจะไม่ดีใจได้ยังไง?
ส่วนจางซิงอี้ ในตอนนี้เขาทะลวงระดับกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว เพราะเขาบังเอิญได้พบกับโชคใหญ่ในแม่น้ำมหาดารา
ความหวังของจางซิงอี้ในตอนนี้คือเขาต้องการบ่มเพาะให้ตัวเองกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพให้เร็วที่สุด เนื่องจากเขาหวังเอาไว้ว่าถ้าเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพเมื่อไหร่ อาจารย์ของเขาคงจะอภัยให้เขาแล้วรับเขากลับไปอยู่ด้วยเหมือนเดิม
เมื่อเห็นหลิงว่านถิงปรากฏกายขึ้น จางซิงอี้รีบเดินเข้ามาทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันที “ศิษย์น้องข้า ยินดีกับเจ้าด้วยจริง ๆ ที่สามารถทะลวงระดับการบ่มเพาะได้สำเร็จ”
หลิงว่านถิงขมวดคิ้วมองไปที่จางซิงอี้ จากนั้นนางมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาซับซ้อน
นางจำได้ว่าในโลกเบื้องล่างพ่อของนางเคยกล่าวเอาไว้ว่า หากจางซิงอี้ปรากฏตัวให้เห็นอีกเมื่อไหร่ เขาจะฆ่าจางซิงอี้ทันที แต่แล้วตอนนี้พวกเขาได้เจอกันแล้ว ดังนั้นพ่อของนางคงไม่ปล่อยให้จางซิงอี้ยืนลอยหน้าลอยต่ออยู่แบบนี้ต่อไปแน่นอนจริงไหม?
จางซิงอี้รู้สึกงุนงงเหมือนกันกับปฏิกิริยาของหลิงว่านถิง
จากนั้นจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งลอยออกมาจากกลุ่มคน “ไม่ใช่ว่าข้าเตือนเจ้าไปแล้วรอบหนึ่งไม่ใช่เหรอว่าอย่ามาปรากฏกายให้ข้าเห็นอีก? ข้าไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าเจ้าจะไม่ใส่ใจในคำพูดของข้าขนาดนี้กล้ามาปรากฏกายให้ข้าเห็น”
จางซิงอี้ขมวดคิ้ว “เจ้าคือ….”
จากนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงเดินออกมาจากกลุ่มคน สีหน้าของจางซิงอี้เปลี่ยนเป็นโง่งมทันที “เป็นเจ้า!?”
“ใช่แล้วเป็นข้าเอง!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้น “เอาล่ะข้าจะให้โอกาสเจ้าลงมือโจมตีก่อน!”
จางซิงอี้ตะโกนเสียงดังลั่นทันที “นี่เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นเจ้าตำหนักไร้หทัยผู้ไร้เทียมทานเหมือนในอดีตอย่างงั้นเหรอ! ตอนนี้เจ้าเพิ่งจะเกิดใหม่และมีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตเทวะราชาขั้นต้นเท่านั้น เจ้าคิดว่าจะสู้กับข้าได้เหรอไง?”
คำตะโกนของจางซิงอี้ทำให้ทุก ๆ คนหันมาสนใจหลิงตู้ฉิงทันที
พวกเขาต่างตกตะลึงว่าแท้จริงแล้วคนผู้นี้คือเจ้าตำหนักไร้หทัยอย่างนั้นเหรอ? ว่าแต่ทำไมกลิ่นอายของหลิงตู้ฉิงในตอนนี้มันถึงดูไม่น่ากลัวเหมือนในอดีตกัน?
หลิงตู้ฉิงมองไปที่จางซิงอี้ด้วยสีหน้าขบขันและพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะตะโกนเสียงดังแค่ไหน คนเหล่านี้ก็ไม่ร่วมมือกับเจ้าทุกคนหรอก”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงเรียกง้าวเทวะพินาศออกมาอยู่ในมือทันที ซึ่งมันทำให้จางซิงอี้รู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างมาก
ส่วนคนอื่น ๆ ที่มุงอยู่เมื่อเห็นง้าวเทวะพินาศปรากฏขึ้น พวกเขาก็รีบถอยหลังหนีทันทีเช่นกัน
“องค์หญิงรีบถอยมาเร็ว อย่าไปอยู่ใกล้กับไอ้เจ้ามารร้ายนั่น!” ผู้อาวุโสของยอดเขาเต๋าเทวะตะโกนขึ้นไปหาหลิงว่านถิง
“นายน้อย รีบถอยมาเร็วอย่าไปเข้าใกล้เขา!” คนของเผ่าเงานิรันดร์ตะโกนขึ้นไปหาหลิงเทียนหยุนเช่นกัน
จากนั้นจู่รอยแยกมิติก็ปรากฏขึ้นที่ด้านข้างหลิงฟ่างหัว และแขนข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจับแขนนางเอาไว้พร้อมที่จะดึงหลิงฟ่างหัวกลับเข้าไปในรอยแยกมิติได้ทุกเมื่อ
หลิงฟ่างหัวกลอกตาและพูดว่า “ทำไมพวกท่านทุกคนถึงต้องตื่นตระหนกกันด้วย? เขาเป็นพ่อของข้า พวกท่านคิดว่าพ่อของข้าจะทำอะไรข้างั้นเหรอ!?”
หลิงว่านถิงถอนหายใจ จากนั้นนางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้าขอตัวไปคุยกับคนของข้าก่อนก็แล้วกัน”
ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบขี้หน้าศิษย์พี่ของนาง แต่มันก็ดูไม่เหมาะที่นางจะอยู่ข้าง ๆ พ่อของนางในระหว่างที่พ่อของนางสังหารศิษย์พี่ของนางเอง
หลิงเทียนหยุนยิ้มและพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ งั้นข้าถอยออกไปดูกับคนของข้าก็แล้วกันนะ!”
ในชั่วพริบตาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงก็เดินแยกไปอยู่กับกลุ่มของพวกเขา เพราะถ้าหากเขายังคงยืนอยู่ใกล้ ๆ มันจะกลายเป็นว่าพวกเขาถ่วงหลิงตู้ฉิงซะเปล่า ๆ
กิเลนรีบเดินมาตีข้างพร้อมกับเอาหัวของมันถูไปที่แขนของหลิงตู้ฉิง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าประจบประแจง “เจ้านาย ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย มันนานจริง ๆ ที่พวกเราไม่ได้เจอกัน ว่าแต่ท่านมีของฝากอะไรดี ๆ ติดไม้ติดมือมาให้ข้าบ้างรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงตบไปที่หัวของกิเลนและตวาดใส่มัน “ออกไปให้พ้นจากตรงนี้ รอให้ข้าจัดการธุระเสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน!”
เมื่อไล่กิเลนออกไปเสร็จ หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่จางซิงอี้ และพูดว่า “โจมตีเข้ามาได้แล้ว ถ้าเจ้าไม่โจมตีข้าจะเป็นฝ่ายที่โจมตีเจ้าเอง!”
จางซิงอี้พ่นลมหายใจด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้างั้นเหรอ? เจ้าไม่เห็นหรือไงว่ารอบ ๆ มีแต่ผู้คนที่เกลียดเจ้าทั้งนั้น เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถกำแหงที่นี่ได้งั้นเหรอ? ว่าแต่สาเหตุที่ลูกหลานของใครหลายคนไม่ได้ออกมาจากแม่น้ำมหาดารา มันเป็นเพราะเจ้าฆ่าพวกเขาใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าเกลียดชังทันที