พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 1021 ศึกษากระบวนการกำเนิดใหม่
ไม่นานหลังจากที่หลิงตู้ฉิงเดินตรงไปที่ประตูสังสารวัฏ เขาก็ถูกหยุดลงโดยเทวะราชาขั้นสูงสุดผู้หนึ่ง
“ที่นี่คือเส้นทางแห่งการไปเกิดใหม่ ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินหน้าไปต่อ!” เทวะราชาผู้นั้นเอ่ยขึ้น
สถานะในตอนนี้ของหลิงตู้ฉิงนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้ว แต่ด้วยความสามารถพิเศษของอู๋เมิ่ง ถึงแม้เขาจะลงมายังยมโลกเขาก็ยังคงสภาพความเป็นอีกาตัวเป็น ๆ อยู่ได้ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงถูกหยุดเอาไว้
เทวะราชาผู้นี้คือหนึ่งในผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏของยมโลก ซึ่งมีหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยของประตูสังสารวัฏ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าพลางส่งอู๋เมิงเข้าไปในโลกของเขา จากนั้นเขาถามกลับ “เอาล่ะตอนนี้ข้าเข้าไปได้แล้วรึยัง?”
แน่นอนว่าเมื่อผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏเห็นหลิงตู้ฉิงเปิดโลกของตัวเอง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงตู้ฉิงคือผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเขาจึงโกรธเป็นอย่างมากที่หลิงตู้ฉิงทำตัวราวกับว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแบบนี้ “เจ้ายังมีชีวิตอยู่ชัด ๆ ข้าไม่สามารถให้เจ้าผ่านไปได้ จงถอยออกไปซะ ไม่งั้นข้าจะถือว่าเจ้าพยายามฝ่าฝืนกฎของยมโลก!”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม จากนั้นเขาเรียกง้าวเทวะพินาศขึ้นมาอยู่ในมือและตะโกนว่า “ในนามของข้า ข้าขอโมฆะพลังแห่งความตายทั้งหมดที่มีในบริเวณนี้!”
สีหน้าของผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏเปลี่ยนเป็นโง่งมในทันที เมื่อจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่าเขาไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้เลย แต่แล้วเมื่อเขาได้สติ เขาก็จำได้ทันทีจากทักษะที่หลิงตู้ฉิงใช้เมื่อครู่ว่าแท้จริงแล้วคนที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่เป็นใคร “ที่แท้ก็เป็นเจ้า! เจ้ามันคือไอ้ปีศาจร้ายตนนั้น เจ้ารู้ตัวไหมว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ที่นี่คือประตูสังสารวัฏ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะสามารถมากำแหงได้อย่างใจนึกเหมือนโลกภายนอก!”
เขาจำหลิงตู้ฉิงได้จากความทรงจำเมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ในโลกคนเป็น เขาได้ยินเรื่องราวความโหดเหี้ยมต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิง ดังนั้นเขาจึงเดาไปว่าการมาที่นี่ของหลิงตู้ฉิงนั้นมาด้วยจุดประสงค์ร้ายแน่นอน
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะอยากหยุดหยั้งหลิงตู้ฉิงมากขนาดไหน เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพลังแห่งความตายที่เคยเกื้อหนุนเขาจู่ ๆ มันก็หายไปจนหมด ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ใช้จิตสำนึกของตนเองแจ้งข่าวการมาถึงของหลิงตู้ฉิงให้กับผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏคนอื่น ๆ ได้ทราบ ในขณะที่มองหลิงตู้ฉิงกำลังเดินลึกเข้าไปยังเส้นทางที่มุ่งไปสู่ประตูสังสารวัฏ
แค่เวลาเพียงชั่วครู่เดียว ผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏคนอื่น ๆ ก็มาถึง
“เจ้าเป็นอะไรทำไมถึงต้องตื่นตระหนกขนาดนี้?” ผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏคนอื่น ๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าสับสน
“เจ้าตำหนักไร้หทัยจากโลกเบื้องบนมาที่นี่ และตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้าไปที่ประตูสังสารวัฏ ถ้าข้าเดาไม่ผิดเขาจะต้องมีจุดมุ่งหมายในการขโมยประตูสังสารวัฏไปแน่นอน สิ่งนี้พวกเราจะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นผลเสียต่อโลกและสวรรค์อย่างใหญ่หลวง!”
กลุ่มของผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏที่เพิ่งมาใหม่รู้สึกนิ่งอึ้งไปในทันที
หน้าที่ของพวกเขาคือการปกป้องประตูสังสารวัฏอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับประตูสังสารวัฏมันจะเป็นความผิดของพวกเขาเต็ม ๆ แต่คนที่พวกเขาเผชิญด้วยอยู่ตอนนี้คือเจ้าตำหนักไร้หทัยผู้โด่งดังที่พวกเขาสู้ไม่ไหว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แน่ใจว่าควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี
แต่แล้วในระหว่างที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ จู่ ๆ หนึ่งในผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง
“เมิ่งจุน นี่เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มันน่าสนุกมากงั้นเหรอ?” ผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏคนอื่น ๆ ต่างหวาดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจไปยังผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏที่ชื่อเมิ่งจุนที่เพิ่งหัวเราะขึ้น
เมื่อหัวเราะจนพอใจแล้ว เมิ่งจุนพูดกับผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏคนอื่น ๆ ว่า “พวกเจ้าลองคิดดูดี ๆ สิว่าสุดปลายทางแห่งการกำเนิดใหม่ใครเป็นผู้เฝ้าอยู่? คนผู้นั้นคือจักรพรรดิเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเราผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏ! ต่อให้เจ้าตำหนักไร้หทัยจะแข็งแกร่งขนาดไหนในโลกภายนอก แต่ที่นี่มันคือถิ่นของพวกเราเหล่าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏอยู่วันยังค่ำ เขาไม่มีวันที่จะเอาชนะท่านผู้นั้นไปได้หรอก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรดาผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏต่างพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาต่างมั่นใจว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏจะต้องสามารถเอาชนะเจ้าตำหนักไร้หทัยได้อย่างแน่นอน
จากนั้นไม่นานต่อมาพวกเขาทั้งหมดก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณอันรุนแรงพวยพุ่งออกมาจากด้านในประตูสังสารวัฏ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ถ้างั้นพวกเรามารอดูกันว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง!” ผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏคนอื่น ๆ ต่างเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้หลิงตู้ฉิงเดินเข้าไปในประตูสังสารวัฏเรื่อย ๆ ตามเส้นทางแห่งการเกิดใหม่
ระหว่างที่เขาเดินลึกเข้าไปนั้น เขาก็สังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอย่างละเอียดเพื่อเก็บเป็นข้อมูลให้ได้มากที่สุด ซึ่งในขณะเดียวกันเขาก็เห็นว่ายิ่งเขาเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเห็นดวงวิญญาณจำนวนมากขึ้นเท่านั้น และดวงวิญญาณทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ในสภาวะเหม่อลอยและความทรงจำต่าง ๆ ของดวงวิญญาณเหล่านั้นก็เริ่มเลือนลางหายไปเรื่อย ๆ ในระหว่างที่เดินทางลึกเข้าไปในเส้นทางแห่งการเกิดใหม่
จากนั้นเมื่อเขาเดินแฝงกายไปกับเหล่าดวงวิญญาณไปได้พักใหญ่ หลิงตู้ฉิงก็ไปถึงสุดปลายทาง ซึ่งที่ปลายทางนั้นมีบางสิ่งบางอย่างคล้ายกับหลุมดำขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่ และที่ด้านข้างหลุมดำก็มีรูปปั้นหินขนาดมหึมานั่งอยู่บนบัลลังก์คอยเฝ้าอยู่เคียงข้าง
แน่นอนว่าในทันทีที่หลิงตู้ฉิงปรากฏกายขึ้น รูปปั้นหินยักษ์ลืมตาขึ้นทันทีและจากนั้นมันปลดปล่อยพลังแรงกดดันจำนวนมหาศาลออกจากร่างปกคลุมพื้นที่โดยรอบ
รูปปั้นหินยักษ์ตนนี้ไม่ใช่ใครอื่น มันคือหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏ จักรพรรดิเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในยมโลกรองจากเจ้ายมโลกนั่นเอง! ไอรีนโนเวล
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงเองก็ไม่รอช้า เขารีบเปิดฉากโจมตีทันที “ในนามของข้า ข้าขอโมฆะเต๋าแห่งการกำเนิดใหม่ในร่างศัตรูของข้า!”
หัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏตวาดลั่นด้วยสีหน้าเย็นชาทันที “ที่แท้ก็เป็นเจ้า! ข้ารับหน้าที่ดูแลประตูสังสารวัฏมาตั้งแต่บรรพกาล เจ้าคือคนที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ข้าเหนื่อยกับภาระหน้าที่ของข้ามากที่สุด!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดพร่ำอะไรให้มันมากมาย ตอนนี้มันถึงเวลาที่เจ้าจะได้ไปเกิดใหม่บ้างแล้ว!”
“ทัณฑ์ฟ้าดิน!” หลิงตู้ฉิงเขวี้ยงง้าวเทวะพินาศออกไปในทันที
หัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏแสดงสีหน้าตึงเครียดในทันที จากนั้นเขาเอาอาวุธเต๋าของตนเอง ซึ่งมีรูปร่างเหมือนกงจักรเข้าปะทะกับง้าวเทวะพินาศพร้อมกันนั้นบังคับให้อาวุธเต๋าของตัวเองเปิดใช้งานเขตแดนไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อตกอยู่ในเขตแดนอาวุธเต๋าของหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏ หลิงตู้ฉิงเห็นภาพทั้งหลายที่เกิดขึ้นย้อนไปถึง 3 ชาติที่แล้วของเขาภายในพริบตา ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างกะทันหันกับข้อมูลมากมายที่จู่ ๆ ก็หลั่งเข้ามาอย่างกะทันหัน
หลิงตู้ฉิงรีบเปิดใช้งานทักษะทำลายเขตแดนของง้าวเทวะพินาศทันที เพื่อหยุดเขตแดนอาวุธเต๋าของหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏ
“อาวุธเต๋าของเจ้าไม่เลวเลย!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าด้วยอาการเหนื่อยหอบเล็กน้อย
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงเริ่มการโจมตีรูปแบบใหม่ ครั้งนี้เขาเปลี่ยนไปใช้ทักษะหกปรารถนาก่อเกิดเจ็ดอารมณ์วิบัติ
หัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏยิ้มเยาะทันทีเมื่อเห็นทักษะนี้ของหลิงตู้ฉิง เขาถอดดวงวิญญาณของตัวเองออกจากร่างเพื่อหลบหนีผลของทักษะหกปรารถนาก่อเกิดเจ็ดอารมณ์วิบัติทันที ซึ่งมันก็ได้ผล การกระทำเช่นนี้มันดูราวกับว่าเขาตั้งใจจะแสดงให้หลิงตู้ฉิงเห็นว่าทักษะหกปรารถนาก่อเกิดเจ็ดอารมณ์วิบัติมีจุดอ่อนอย่างไร
หลิงตู้ฉิงหัวเราะด้วยความชอบใจ จากนั้นเขาพุ่งไปที่ดวงวิญญาณของหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏและปล่อยหมัดเข้าใส่ตรง ๆ ผลักให้ดวงวิญญาณของหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏตกลงไปในหลุมดำ
“ในฐานะที่เจ้าทำหน้าที่ดูแลประตูสังสารวัฏมานานแล้ว ข้าจะตอบแทนให้เจ้าโดยการปลดปล่อยให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ 30,000 ปี! ส่วนหน้าที่การดูแลประตูสังสารวัฏในระหว่างนี้ที่เจ้าไม่อยู่ ข้าจะดูแลให้เองและเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงร่างของเจ้า ข้าจะเก็บรักษามันไว้ที่นี่อย่างดีที่สุด เพื่อวันที่เจ้ากลับขึ้นมาเจ้าจะได้กลับมาทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดิม และข้ามีเรื่องจะวานเจ้าเรื่องหนึ่ง เมื่อไหร่ที่เจ้าได้ความทรงจำคืน เจ้าช่วยเดินทางไปที่อาณาเขตนภาตามหาตระกูลหลิง และบอกกับพวกเขาทีว่าให้ส่งข่าวออกไปบอกกับผู้คนของอาณาเขตนภาทั้งหมดว่าเมื่อไดที่ใครจะขึ้นไปโลกเบื้องบน จงเดินทางไปที่อาณาเขตทะเลโกลาหลเพื่อขึ้นสู่โลกเบื้องบนจากที่นั่น”
หลังจากส่งข้อความให้กับดวงวิญญาณของหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็จัดการให้ร่างของหัวหน้าผู้พิทักษ์ประตูสังสารวัฏไปยืนอยู่ที่ด้านข้างอีกฝั่งของหลุมดำ ส่วนตัวเขานั้นขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์คอยเฝ้าดูเหล่าดวงวิญญาณที่กำลังจะไปเกิดใหม่แทน
แน่นอนว่าในระหว่างนี้เขาก็คอยเฝ้าดูกระบวนการไปเกิดใหม่ทั้งหมดเพื่อที่จะนำไปใช้กับโลกของเขาเอง