พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 165 สั่งถอย
บทที่ 165 สั่งถอย
ย้อนเหตุการณ์กลับไปก่อนหน้านี้
หลังจากที่ชายชราชุดเทาพาเหมยซูเอ๋อกลับมาที่พระราชวัง
เหมยซูเอ๋อที่ได้กลืนโอสถสุริยันชำระเข้าไปแล้ว ร่างกายของนางก็เริ่มต่อต้านและค่อย ๆ ขับพิษพลังอสูรปีศาจของโม่หยูถังที่ตกค้างอยู่ในร่างนางได้อย่างรวดเร็วจนหมด ซึ่งทำให้นางฟื้นขึ้นทันทีหลังจากเสร็จกระบวนการ แต่ถึงแม้นางจะฟื้นขึ้นแต่ความเสียหายอย่างสาหัสที่นางได้รับยังคงอยู่
เมื่อฟื้นขึ้นและหลังจากขอบคุณเหลียงซานแล้ว พวกเขาก็บินขึ้นมองไปยังทิศทางของอาคารประมูลตระกูลมี่จากระยะไกล แต่เนื่องจากตัวอาคารได้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังของ ‘อาณาเขต’ ที่ก่อรูปเป็นทรงโดมคริสตัลสะท้อนเงา พวกเขาจึงไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ด้านในได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แต่รอให้จักรพรรดิโอสถที่ใช้สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ชิ้นนี้ยกเลิกผลของมันก่อน
“ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าพ่อบ้านผู้นั้นที่มาจากสำนักเก้าเทพอสูรจะมีอำนาจมากเพียงใด ตราบเท่าที่เขายังไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตสวรรค์ เขาก็ไม่สามารถเอาชนะผู้ใช้สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ได้” ชายชราชุดคลุมสีเทาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใจเย็น
เหลียงซานและเหมยซูเอ๋อ ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างต่างก็พยักหน้า อันที่ขริงแล้วพวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาต่างเข้าใจชัดเจนในคำกล่าวของชายชราชุดเทา
แต่หลังจากที่ชายชราชุดคลุมสีเทาเพิ่งพูดจบ จู่ ๆ โดมคริสตัลที่ครอบอยู่บริเวณหอประมูลตระกูลมี่ก็เปิดออก จากนั้นพวกเขาก็เห็นสถานการณ์ด้านใน
“แล้วจักรพรรดิโอสถล่ะ?” พวกเขาทั้งสามต่างอุทานถามคำถามเดียวกับศิษย์สำนักเหล่านั้น
พวกเขาทั้งหมดที่เฝ้าดูจากระยะไกลอยู่ตลอด ถ้าจักรพรรดิโอสถหนีจากไปพวกเขาย่อมเห็นอย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่เห็นจักรพรรดิโอสถและเห็นเพียงแค่กลุ่มศิษย์นอนอยู่บนพื้นอย่างไร้ระเบียบ ทั้งสามมองหน้ากันและดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เห็นเศษสมบัติแปลก ๆ บนพื้นบริเวณที่จักรพรรดิโอสถเคยยืนอยู่ก่อนสมบัติวิเศษระดับสวรรค์จะถูกเปิดใช้ พวกเขาทั้งสามตกใจ สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ถูกทำลายไปได้ยังไง!? เมื่อเห็นเศษซากของสมบัติระดับสวรรค์เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปหาคำตอบว่าจักรพรรดิโอสถหายไปไหน พวกเขามองไปยังทิศทางของคฤหาสน์สราญรมย์โดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็ส่ายหัวช้า ๆ
พวกเขาไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ จากคฤหาสน์สราญรมย์ แม้แต่ความผันผวนของพลังวิญญาณก็ไม่มี ดังนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือเป็นฝีมือของโม่หยูถัง
เหลียงซานกำหมัดแน่นและตะโกนด้วยความโกรธและความกลัว “มันเป็นใคร! ทำไมคนจากสำนักเก้าเทพอสูร จึงส่งผู้เชี่ยวชาญระดับขอบเขตสวรรค์ครึ่งขั้นมาติดตามมันและอาวุธระดับราชวงศ์ขั้นสูงนั้นมาจากไหน?”
ถึงแม้ว่าจะตะโกนออกมาเช่นนี้ แต่อันที่จริงเหลียงซานเองก็มีคำตอบในใจของเขาแล้วเช่นกัน
จะมีใครอีกล่ะที่มีอำนาจทำได้ขนาดนี้?
หากว่าสำนักเก้าเทพอสูรทุ่มทุนมากขนาดนี้ ฐานะของหลิงตู้ฉิงอาจจะเป็นโอรสสวรรค์ของสำนักเก้าเทพอสูรก็เป็นได้
เหลียงซานสาปแช่งในใจ พวกมันกำลังทำอะไรอยู่ในอาณาจักรของข้า?
ระยำ! มันตั้งใจจะมาทำลายเต๋าจักรพรรดิของข้าใช่ไหม?
เขาตะโกนสั่งอย่างขมขื่นไปยังชายชราชุดเทา “บอกคนของเราว่าอย่าไปยุ่งกับหลิงตู้ฉิง นอกจากนี้บอกคนของเราที่อยู่ในสถาบันราชวงศ์ให้ถอนตัวกลับมาให้หมด! ตอนนี้เราต้องถอยห่างและไม่ยุ่งกับเขา”
ในฐานะจักรพรรดิผู้ครองอาณาจักร ใจจริงเขาไม่เต็มใจที่จะล่าถอย แต่เมื่อเผชิญกับฐานะที่คลุมเครือของหลิงตู้ฉิง เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วในตอนนี้
ขนาดหวางฟู่ฉียังถูกฆ่าตายในขณะที่ใช้สมบัติวิเศษระดับสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรหากเขาจะต่อต้านหลิงตู้ฉิง ถึงแม้ว่าเขาเองจะมีสมบัติวิเศษระดับสวรรค์อยู่เช่นกัน
“ฝ่าบาท… ” ผู้อาวุโสชุดเทาพูดอย่างไม่เต็มใจ
เหลียงซานพูดด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว “ทำตามที่ข้าสั่งไปก่อน!”
หลังจากพูดจบ เหลียงซานก็บินกลับไปที่วังของเขาทันที ส่วนชายชราชุดเทาก็พุ่งตัวหายไปในพริบตา
สำหรับเหมยซูเอ๋อ เมื่อเห็นว่าทั้งสองจากไปแล้ว นางจึงพาร่างที่บาดเจ็บของนางเองไปรับศิษย์สำนักของนางจากมี่ตั้วตั้ว
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน
ขณะนี้ สำนักอื่น ๆ ต่างก็จากไปอย่างเงียบ ๆ
ตอนที่มา พวกเขาคิดว่าตนเองถือไพ่ที่เหนือกว่าอยู่ในมือ พวกเขาเดินทางเข้าสู่อาณาจักรจันทราอย่างหยิ่งผยอง แต่ตอนขากลับ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร ได้แต่ลอบขี่สมบัติวิเศษวิญญาณที่บินได้ของสำนักตัวเองจากไปอย่างเงียบ ๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังจากไป เหลียงเย่ก็ออกมาส่งจิ๋วจียง รัชทายาทแห่งอาณาจักรเพลิงพิสุทธิ์
“พี่เหลียง ไหน ๆ ก็ถือว่าเราเป็นพันธมิตรกัน แล้วเรายังเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน ถ้าท่านต้องการความช่วยเหลือ ท่านสามารถส่งข้อความถึงข้าได้” จิ๋วจียงบอกกับเหลียงเย่อย่างจริงใจ
เหลียงเย่ตอบว่า “ขอบคุณมากน้องจิ๋ว ข้าจะรายงานเรื่องนี้เสด็จพ่อข้าทราบ”
เมื่อร่ำลากันเสร็จ จิ๋วจียงก็พาเหล่าผู้ติดตามของเขาขึ้นไปบนเรือเหาะและจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อออกห่างจากเมืองมาได้สักพัก จิ๋วจียงก็ส่ายหัวและถอนหายใจให้กับผู้ติดตามที่อยู่ข้าง ๆ เขา “เฮ้อ…ราชวงศ์เหลียงจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่แน่นอนกับการปรากฎตัวของขุมพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ในเขตแดนของตัวเอง ถ้าพวกเขาไม่จัดการมันให้ดี พวกเขาจะต้องเดือดร้อนแน่ ๆ”
ผู้ติดตามที่อยู่ข้าง ๆ ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “สำนักเก้าเทพอสูรอยู่ห่างจากที่นี่หลายล้านลี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงมายังสถานที่แห่งนี้ แต่ถ้าหากสำนักยินดีที่จะสนับสนุนพวกเรา เราก็ไม่ต้องกลัวสำนักเก้าเทพอสูรเลยแม้แต่น้อย!”
จิ๋วจียงพยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก
“ฝ่าบาท พวกเราจะจัดการกับโอสถกำเนิดรากฐานคุณภาพสูงสุดที่เราได้มาอย่างไร?” คนรับใช้ถาม
จิ๋วจียงส่ายหัว “หลังจากกลับไปค้นคว้าสูตรโอสถกำเนิดรากฐานแล้ว พวกเราจะผลิตมันและใช้พวกมันในหมู่พวกเราเองอย่างเงียบ ๆ ข้าไม่ต้องการผลิตมันมาจำหน่าย ตอนนี้ข้าต้องหลีกเลี่ยงความขุ่นเคืองของตระกูลมี่ เฮ้อ! ใครจะไปคิดว่าตระกูลเล็ก ๆ เช่นนี้จะมีผู้หนุนหลังที่น่ากลัวอยู่ด้วย”
ผู้ติดตามชราของจิ๋วจียงพยักหน้าพลางถอนหายใจเช่นเดียวกัน
ขณะนี้ บรรยากาศภายในอาณาจักรจันทรา หัวข้อที่หลายคนกำลังคุยกันมากที่สุดนั้นไม่พ้นประเด็นเกี่ยวกับตระกูลมี่
ในขณะที่เรื่องราวของตระกูลมี่ถูกเลื่องลือออกไปเรื่อย ๆ
มี่ตั้วตั้ว ในเวลานี้ได้ทำการสร้างอาคารประมูลที่แต่เดิมกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง ขึ้นมาใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพื่อเป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า นับแต่ต่อไปนี้เป็นต้นไปการเพิ่มพูนความมั่งคั่งและอำนาจของตระกูลมี่จะเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้
แต่ในบรรดาหัวข้อที่พูดคุยกันในอาณาจักร ก็มีบางส่วนที่พูดคุยเกี่ยวกับตระกูลหลิง เนื่องจากยังมีคนบางกลุ่มเช่นกันที่ทราบถึงเหตุผลที่ตระกูลมี่ประสบความสำเร็จอย่างมากก็เพราะพวกเขามีลูกเขยที่ดีอยู่เบื้องหลัง!
“ตู้ฉิง ขอบคุณมากในครั้งนี้!” มี่ตั้วตั้วยิ้มขณะมองไปที่หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “วันนี้ข้าได้นำวัสดุระดับสูงขึ้นไปที่ข้าไม่สามารถเอาพวกมันไปใช้ประโยชน์ได้มามอบให้เจ้า เพื่อตอบแทนสำหรับความช่วยเหลือครั้งนี้”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม ท่านคิดถูกแล้วที่นำพวกมันมามอบให้ข้า เอาล่ะข้าจะตอบแทนท่านสำหรับของเหล่านี้ เดี๋ยวข้าจะให้โอสถชำระดารา และโอสถเสริมแกร่งร่างกายแก่ท่าน ท่านจงนำพวกมันกลับไปและเริ่มบ่มเพาะทันที ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของท่านที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 2 มันออกจะต่ำไปหน่อยแล้ว ระดับของท่านจะเป็นตัวกำหนดความยิ่งใหญ่ของตระกูลมี่ นอกจากนี้ ข้าต้องการให้ท่านหาเวลาว่างไปที่ชั้นเรียนของศาลาศักดิ์สิทธิ์และฟังพ่อบ้านโม่ ครูถังและคนอื่น ๆ สอนด้วย มันจะดีสำหรับเส้นทางการบ่มเพาะท่าน”
มี่ตั้วตั้วพยักหน้าอย่างมีความสุข “พวกเราเป็นครอบครัวกันเจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก ข้าจะไปศาลาศักดิ์สิทธิ์บ่อย ๆ แต่ว่าข้ามีสิ่งหนึ่งอยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าได้ไหม มี่ยี่ถง ลูกชายของข้าเป็นคนไม่เอาไหนอย่างแท้จริง ข้าขอให้เจ้าช่วยชี้แนะเขาได้ไหม?”
จริง ๆ แล้วเขาตั้งใจจะถามคำถามนี้ตั้งแต่ที่เมืองฟีนิกซ์ แต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายสนิทกันมากขึ้น ในที่สุดเขาก็กล้าที่จะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “แม้ว่าข้าจะยัดเขาเข้าไปในศาลาศักดิ์สิทธิ์หรือต่อให้เขาจะมาที่คฤหาสน์ของข้า มันก็คงไม่ได้ช่วยให้เขาดีขึ้นสักเท่าไหร่หรอก บางทีการให้เขาลองเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะเดียวกับท่านอาจจะช่วยได้ก็ได้ ส่วนถ้าจะใช้วิธีการอื่นในการบ่มเพาะเขานั้นข้าแนะนำว่าถ้าอย่าได้ไปลองเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้มี่ตั้วตั้วรู้สึกหดหู่มากในทันที เขาไม่คาดคิดว่าแม้แต่หลิงตู้ฉิงยังไม่สามารถช่วยเหลือลูกชายเหลือขอของเขาคนนี้ได้เช่นกัน
แต่เมื่อเขาคิดไปคิดมาถึงทางออกของเรื่องนี้ ทันใดนั้นเขาก็ได้แนวความคิดใหม่ขึ้นมาที่ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด
เขาพลางคิดได้ว่าในเมื่อตอนนี้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราแล้ว อายุขัยของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และในเมื่อลูกชายของเขาคนนี้โง่เขลามากจนเกินเยียวยา ดังนั้นเขาควรกลับไปผลิตบุตรเพิ่มขึ้นอีกสัก 2-3 คน ยังไงซะหากเขามีบุตรมากพอ อย่างน้อย ๆ มันก็ต้องมีสักคนที่ฉลาดบ้างจริงไหม?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้เขาก็รีบบอกลาหลิงตู้ฉิงและรีบกลับคฤหาสน์เพื่อผลิตบุตรชายเพิ่มขึ้นทันที