พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 194 การแลกเปลี่ยนกับหนึ่งในผู้ลี้ภัย
บทที่ 194 การแลกเปลี่ยนกับหนึ่งในผู้ลี้ภัย
ในที่สุดเมื่อหลิงตู้ฉิงปรับแต่งวัสดุต่าง ๆ ลงบนรถม้าเสร็จ เขาจึงเริ่มขั้นตอนต่อไปคือการประทับอักขระเวทย์เพื่อแทรกแซงกฎแห่งแรงโน้มถ่วงและอื่น ๆ
เมื่อถึงขั้นตอนนี้ พลังวิญญาณที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์สราญรมย์อีกครั้ง
บรรดาผู้คนภายนอกต่างพึมพำกับตัวเอง ‘นี่เขาจะหล่อเลี้ยงผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์อีกรอบแล้วงั้นเหรอ? แล้วหลังจากรอบนี้มันจะพร้อมให้กินแล้วรึยัง?’
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ หลายคนที่ยังคงพะว้าพะวงยังไม่ได้เข้าไปคุยกับหลิงตู้ฉิงต่างเริ่มเปลี่ยนใจ และเตรียมพร้อมที่จะขอเข้าพบกับหลิงตู้ฉิงในคฤหาสน์สราญรมย์
อันที่จริงทุกคนเองก็รู้ดีว่าการขอเข้าพบอย่างเป็นมิตรกับคนของสำนักเก้าเทพอสูร ซึ่งหนึ่งในพวกเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์แถมยังมีอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุดอยู่ในครอบครองย่อมเป็นเรื่องที่ควรทำกว่าการเข้าโจมตี และแย่งชิงผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์มา
สถานการณ์กระแสพลังวิญญาณผัวผวนในคฤหาสน์สราญรมย์ยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลา 3 วัน หลิงตู้ฉิงได้ประทับอักขระเวทย์มากมายทุกชนิดเข้าไปทั้งด้านในและด้านนอกตัวรถ
หลังจากการทำงานอย่างหนักหลาย 10 วันที่ผ่านมา สีหน้าของหลิงตู้ฉิงจึงดูเหนื่อยอ่อน
“เฟ่ยเอ๋อ จื่อซิน ข้าต้องการใช้ร่างของพวกเจ้าเพื่อกู้คืนพลังวิญญาณของข้า” หลิงตู้ฉิงพูดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อและโจวจื่อซิน
เหลียงเฟ่ยเอ๋อ ซึ่งเข้าใจผิดคิดว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะชักชวนนางไปทำเรื่องอย่างว่า นางพูดอย่างเขินอายว่า “สามี ข้าว่าเราควรกลับไปทำกันที่ห้องกันจะดีกว่านะ…”
โจวจื่อซินรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แม้ว่านางจะเตรียมใจไว้แล้วว่านางจะยอมทำตามที่หลิงตู้ฉิงสั่งทุกอย่าง แต่การมีอะไรกันพร้อม ๆ กัน 3 คนมันก็น่าอายเกินไปสำหรับนาง
หลิงตู้ฉิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่ได้จะทำเรื่องนั้นกับพวกเจ้า ข้าแค่ต้องการเพียงกลิ่นอายของพวกเจ้าเท่านั้น”
ในที่สุดเหลียงเฟ่ยเอ๋อก็เข้าใจ นางคล้องแขนขวาของหลิงตู้ฉิงไว้และแนบชิดกับเขา ส่วนโจวจื่อซินคล้องแขนซ้ายของหลิงตู้ฉิงอย่างเขินอายและพูดแผ่วเบาว่า “นายท่าน ท่านต้องการเลือดของข้าด้วยรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้าไม่ได้ต้องการเลือดของเจ้า ข้าต้องการเพียงแค่กลิ่นอายจากร่างกายของเจ้าเท่านั้นก็พอ และอีกอย่างสายเลือดพฤกษาสวรรค์ในร่างของเจ้าตอนนี้มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งนัก หากเจ้าเสียมันออกไปบ่อย ๆ มันจะทำให้เจ้าอ่อนแอลง”
เสี่ยวเยว่เฟิงเดินมานั่งตรงหน้าหลิงตู้ฉิงและไม่สนใจหญิงทั้งสองในอ้อมแขนของเขา นางถามด้วยสีหน้าปกติว่า “นายท่าน ทำไมท่านถึงต้องลงทุนวัสดุมากมายเพื่อปรับแต่งรถม้าแบบนี้?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “นั่นก็เพราะว่าหากมีอะไรจำเป็นทำให้ข้าต้องออกไปด้านนอก ข้าไม่อยากจะต้องมากังวลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางก็แค่นั้น”
“แล้วตอนนี้นายท่านทำให้มันแข็งแกร่งไปถึงระดับไหน? และมันทำอะไรเพิ่มขึ้นได้บ้าง ท่านบอกข้าได้ไหม?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามอย่างสงสัย แม้ว่านางจะเฝ้าดูการปรับแต่งทุกขั้นตอนของรถม้าอย่างใกล้ชิด แต่นางก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะมีอะไรแปลกไปกว่าเดิม
“เจ้าจะรู้เองเมื่อถึงเวลา” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน หุ่นเชิดที่เฝ้าประตูก็ส่งข้อความมาว่า “นายท่าน ชายชราชื่อ หลูซ่างเก๋อ ขอเข้าพบท่าน”
หลิงตู้ฉิงตอบว่า “ให้เขามอบวัสดุที่เทียบเท่ากับตัวตนของเขาก่อนที่จะเข้ามา”
ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะได้พูดอะไรต่อ เสี่ยวเยว่เฟิงพูดอย่างประหม่า “นายท่าน หลูซ่างเก๋อ คนนี้เป็น ‘ผู้ลี้ภัย’ อีกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลชางหมาง และไม่มีสักคนที่รู้ประวัติของเขาว่าเขาเป็นคนมาจากที่ไหน แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นได้มาถึงขอบเขตนภาระดับ 12 แล้ว นอกจากนี้เขายังมีไม้เท้าที่เป็นสมบัติวิเศษระดับราชวงศ์ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงอย่างมากในอาณาเขตทะเลชางหมาง”
“ข้าไม่สนใจชื่อเสียงอะไรของเขาทั้งนั้น ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ทำอะไรข้าไม่ได้อยู่แล้ว” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างไม่แยแส
ที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์สราญรมย์ หุ่นเชิดทั้งสองพูดว่า “นายท่านแจ้งว่าเจ้าต้องส่งมอบวัสดุที่เทียบเท่าตัวตนของเจ้า เจ้าจึงจะสามารถเข้าไปได้”
หลูซ่างเก๋อขมวดคิ้ว แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของหลิงตู้ฉิงในฐานะ ‘สำนักเก้าเทพอสูร’ เขาจึงมอบลูกปัดธุลีแดนเทวะ ซึ่งมันเป็นวัสดุที่อยู่ในระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุดให้กับหุ่นเชิด
เมื่อมอบค่าธรรมเนียมผ่านประตูไปเรียบร้อย หลูซ่างเก๋อ เมื่อก้าวมายังด้านในคฤหาสน์เขาก็รู้สึกประหลาดใจ เพราะเขาสัมผัสได้ว่าผนึกป้องกันของคฤหาสน์สราญรมย์มีพลังมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก
หลังจากเข้าสู่คฤหาสน์สราญรมย์แล้ว เขามองสำรวจเส้นทางจากจุดที่เขายืนอยู่จนไปถึงจุดที่หลิงตู้ฉิงนั่ง แม้ว่าสองข้างทางจะดูไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาได้ทุกวินาที ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะมาถึงจุดสูงสุดขอบเขตนภาแล้วก็ตาม
เมื่อเขามาถึงหน้าหลิงตู้ฉิง สายตาเขาเหลือบไปมองโจวจื่อซินที่อยู่ด้านซ้ายของหลิงตู้ฉิง เขาอดใจเต้นแรงไม่ได้เพราะความความโหยหา
เขาได้รับข้อมูลที่แม่นยำมาแล้วว่านี่คือลูกหลานของเผ่าภูติพฤกษา ซึ่งร่างกายของคนเผ่านี้สามารถใช้สร้างโอสถระดับสวรรค์ได้ นอกจากนี้เขายังได้กลิ่นอายของโอสถระดับสวรรค์จาง ๆ มาจากร่างของโจวจื่อซิน
จากนั้นเขามองไปทางขวาของหลิงตู้ฉิงและพบกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ สีหน้าของเขาก็หยุดนิ่ง ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความปีติยินดี
“นี่มัน…นี่มัน!” เมื่อเผลออุทานจบ หลูซ่างเก๋อรีบสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วและพูดกับหลิงตู้ฉิง “ท่านเป็นเจ้าของคฤหาสน์สราญรมย์?”
หลิงตู้ฉิงถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอะไร?”
หลูซ่างเก๋อยิ้มและพูดว่า “ข้าคิดว่าท่านรู้ดีว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่ ถ้าให้ข้าพูดตามตรง ข้ามาที่นี่เพราะท่านได้ครอบครองผู้สืบสายเลือดของเผ่าภูติพฤกษา”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “จื่อซิน เป็นเพียงรุ่นหลานของเผ่าภูติพฤกษาเท่านั้น เลือดของนางยังไม่มีสรรพคุณของอายุวัฒนะ แต่ถ้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ในอนาคตเลือดของนางถึงจะมีสรรพคุณใกล้เคียงกับโอสถระดับสวรรค์ได้”
หลูซ่างเก๋อพูดอย่างจริงจัง “ข้าต้องการแบ่งปันเลือดของนาง ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนของสำนักเก้าเทพอสูร ข้าต้องการทำข้อตกลงกับท่าน ถ้าข้าต้องการมัน ข้าต้องจ่ายให้ท่านเท่าไหร่?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าจะให้ทางเลือกเจ้าสองทาง ทางเลือกแรกเจ้าต้องมาเป็นผู้ติดตามข้า 100 ปีและข้ารับประกันว่าข้าจะทำให้เจ้าทะลวงขอบเขตไปถึงขอบเขตสวรรค์ได้ในอีก 100 ปีต่อมา ส่วนทางเลือกที่สอง ข้ามีวิธีการลับบางอย่างที่สามารถช่วยให้นางสามารถเติบโตได้เร็วขึ้น แต่ทางเลือกนี้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าด้วย และข้าก็สามารถช่วยให้เจ้าทะลวงไปยังขอบเขตสวรรค์ได้เช่นกัน”
“ข้าต้องทำอะไรให้ท่าน?” หลูซ่างเก๋อถามขึ้น
หลูซ่างเก๋อไม่คิดเรื่องการเป็นผู้ติดตามของหลิงตู้ฉิงแม้แต่น้อย มันน่าตลกสิ้นดี! ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในจุดสูงสุดขอบเขต เขาจะไปเป็นผู้ติดตามให้กับคนอื่นง่าย ๆ ได้ยังไง?
หลิงตู้ฉิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้าอย่างนั้น ข้าต้องการเลือดของผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งมาก ๆ สัก 2-3 ถ้วย เพื่อเร่งการเติบโตของผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์ นอกเหนือจากนั้นข้ายังต้องการสมุนไพรหายากบางชนิด ตัวอย่างเช่น ดอกหินเพลิง ที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการกระตุ้นการเติบโตของผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์”
หลูซ่างเก๋อส่ายหัวด้วยความเสียใจ “ข้าไม่มีสมุนไพรอะไรแบบนั้นหรอก ส่วนเลือดของผู้แข็งแกร่ง ตอนนี้ข้าอยู่ที่จุดสูงสุดขอบเขตนภา ซึ่งน่าจะถือได้ว่าข้าเองก็มีพลังที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเลือดของข้าใช้ได้หรือไม่?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “แน่นอนว่าใช้ได้ งั้นข้าขอเลือดของเจ้ามาก่อนสัก 1 ถ้วย เมื่อถึงเวลาข้าจะให้ส่วนแบ่งในเลือดของนางกับเจ้า”
หลูซ่างเก๋อคิดสักพักจึงพยักหน้า “ไม่มีปัญหา!”
แค่เลือดถ้วยเดียว ไม่มีผลกระทบใด ๆ กับเขาอยู่แล้ว
หลิงตู้ฉิงรับเลือดของหลูช่างเก๋อมา และพูดว่า “ข้าทำข้อตกลงที่ยุติธรรมมาโดยตลอด เมื่อเลือดของนางพร้อมที่จะใช้งานได้เมื่อไหร่แล้ว ข้าจะส่งข่าวให้เจ้ามารับมันไปทันที”
หลูซ่างเก๋อพยักหน้า “ข้ามั่นใจในชื่อเสียงของท่านที่ยุติธรรมกับการแลกเปลี่ยนและรู้กฎของท่านดี ดังนั้นข้าจะรอข่าวดีจากท่าน อ๋อ! ใช่แล้ว คนที่อยู่ทางขวาของท่าน นางมีสถานะเป็นอะไรกับท่านงั้นหรือ?”
“นางเป็นภรรยาของข้า!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม
“ภรรยาท่านช่างงามนัก งามมาก ๆ!” หลูซ่างเก๋อยกย่อง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและจากไป ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แฝงความนัย