พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 213 ล่อลวงอีกครั้ง
บทที่ 213 ล่อลวงอีกครั้ง
เมื่อทุกคนในเมืองจันทราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของโจวจื่อซิน สำหรับคนธรรมดาพวกเขาไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น แต่สำหรับบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่จับตาดูโจวจื่อซินอยู่นั้น พวกเขาเข้าใจดีว่าตอนนี้สายเลือดของนางได้ตื่นขึ้นแล้ว
หลายคนมีความคิดผุดขึ้นในหัวที่อยากจะลุยเข้าไปในคฤหาสน์สราญรมย์เพื่อชิงตัวโจวจื่อซินและกินนางซะ แต่โชคดีที่คนเหล่านั้นยังคงข่มความต้องการไว้ได้อยู่เมื่อพวกเขานึกถึงเรื่องที่จือหมิงฮ่าวได้เคยกล่าวว่า โจวจื่อซินจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีสายเลือดของนางถึงจะมีสรรพคุณทางโอสถอย่างสมบูรณ์
“นี่มันกลิ่นอายของสายเลือดพฤกษาสวรรค์ แต่ดูเหมือนว่าสรรพคุณทางโอสถของมันยังไม่สมบูรณ์” จือหมิงฮ่าวส่ายหัว “ถ้าหากวัดจากเกณฑ์ความเข้มข้นของสรรพคุณโอสถ เมื่อคำนวนดี ๆ แล้วข้าคิดว่าสรรพคุณทางโอสถตอนนี้มีค่าเท่ากับสิบเต็มร้อย”
หมิงเซียนจ้าวถามขึ้น “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เราควรจะไปตรวจสอบดูสักหน่อยไหม ไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าหลิงตู้ฉิงอาจจะอดใจไม่ไหวกินนางเข้าไปก่อน”
จือหมิงฮ่าวเริ่มรู้สึกลังเลและกังวลอยู่นิดหน่อย ถึงแม้ว่าความเข้มข้นของสรรพคุณโอสถในตัวของโจวจื่อซินตอนนี้จะมีเพียงแค่ 10 เต็ม 100 แต่ถ้าหากกินเข้าไปมันก็ยังให้ประโยชน์เป็นอย่างมากอยู่ดี
ถึงแม้ว่าชื่อเสียงในการแลกเปลี่ยนของหลิงตู้ฉิงจะซื่อตรงมาโดยตลอด แต่มันก็ยังอดไม่ได้ที่เขาจะต้องคิดมาก เนื่องจากนี่มันคือสายเลือดที่เทียบเคียงได้กับโอสถระดับสวรรค์
สำหรับโอสถระดับนี้ ต่อให้เป็นการผิดคำสัญญามันก็ยังถือว่าคุ้ม และโดยเฉพาะที่เขาแลกเปลี่ยนกันมันเป็นเพียงสัญญาปากเปล่า
“อืม เข้าจงไปเจอเขาหน่อยก็แล้วกัน” จือหมิงฮ่าวในที่สุดก็ตัดสินใจได้ “และลองขอเลือดของนางมาสักหน่อยด้วยเพื่อทดสอบหลิงตู้ฉิง”
หมิงเซียนจ้าวพยักหน้าและบินไปยังคฤหาสน์สราญรมย์ทันที
“รบกวนแจ้งท่านหลิงที ว่าข้าขอเข้าพบเขาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเมื่อครั้งล่าสุด” หมิงเซียนจ้าวพูดกับหุ่นเชิดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูคฤหาสน์สราญรมย์
หุ่นเชิดนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นมันตอบกลับว่า “นายท่านของข้าบอกว่า หากเจ้าต้องการที่จะเข้ามาพูดคุย เจ้าจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมค่าเข้าก่อน”
หมิงเซียนจ้าวเมื่อได้ยินเช่นนี้เขากัดฟันกรอด ที่ผ่านมาสำนักของเขาได้มอบทั้งสมุนไพรและโอสถเป็นจำนวนมหาศาลให้กับหลิงตู้ฉิง แล้วนี่แค่การเข้าพบธรรมดาเขาจะยังต้องจ่ายค่าเข้าเหมือนเดิมอีกงั้นเหรอ? คิดได้เช่นนี้ หมิงเซียนจ้าวนั้นไม่อยากจะเข้าไปเลยจริง ๆ แต่เมื่อเขาลองคิดทบทวนอีกครั้ง นี่อาจจะเป็นอุบายของหลิงตู้ฉิงก็เป็นได้เพื่อถ่วงเวลาของเขา ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจกำลังกินโจวจื่อซินอยู่ก็เป็นได้
หลังจากคิดทบทวนแล้วเขาจึงรีบยื่นวัสดุจากนั้นจึงเข้าไปด้านในคฤหาสน์ทันที
ด้านในคฤหาสน์สราญรมย์ หลิงตู้ฉิงที่ได้รับรายงานของหุ่นเชิด เขายิ้มและพูดกับโจวจื่อซิน “มีใครบางคนมาตรวจสอบเจ้าแล้วน่ะ เดี๋ยวเจ้าจงหลับตาและยืนอยู่เฉย ๆ แกล้งทำเป็นหุ่นเชิดไว้ซะ”
โจวจื่อซินหัวเราะคิกคักและตอบกลับ “ได้เลยนายท่าน”
นายก้มลงมองไปยังร่างกายอันเปลือยเปล่าของตัวนางเอง จากนั้นนางบังคับพลังแห่งพฤกษาหลอมรวมเข้ากับพลังของสมุนไพรและโอสถที่อยู่ในอ่างเหล็ก และทำให้วัชพืชบาง ๆ งอกขึ้นมาคลุมร่างกายจนทำให้ร่างของนางคล้ายกับมนุษย์พฤกษา
หลิงตู้ฉิงหยักหน้าด้วยความพอใจและพูดว่า “เอาล่ะตามข้ามาไปพบกับเขาได้แล้ว”
โจวจื่อซิน เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางแสร้งเปลี่ยนสีหน้าเป็นเหม่อลอยดูไร้ชีวิตชีวาทันทีเมื่อและบวกกับการถูกปกคลุมโดนเหล่าวัชพืชสภาพของนางตอนนี้จึงไม่ต่างอะไรกับต้นไม้
เมื่อพวกเขาเดินออกไปที่โถงรับแขก พวกเขาก็ได้เห็นหมิงเซียนจ้าวที่รออยู่แล้ว
เมื่อได้เห็นสภาพของโจวจื่อซิน ในใจของหมิงเซียนจ้าวนั้นในใจของเขาเต็มไปด้วยความยินดี เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสายเลือดพฤกษาสวรรค์ที่มีสรรพคุณของโอสถระดับสวรรค์
เมื่อเก็บอารมณ์ความตื่นเต้นเอาไว้ได้แล้ว หมิงเซียนจ้าวเอ่ยชมหลิงตู้ฉิง “ความรู้ในด้านเต๋าโอสถของท่านหลิง นั้นน่านับถือยิ่งนัก ท่านสามารถปลุกสายเลือดพฤกษาสวรรค์ให้ตื่นขึ้นได้ภายในเวลาที่สั้นจริง ๆ”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและถามขึ้น “อันที่จริงสายเลือดของนางยังถูกปลุกได้ไม่เต็มที่หรอก ว่าแต่ที่เจ้ามาหาข้าวันนี้นั้นมีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
หมิงเซียนจ้าวหัวเราและพูดว่า “ไม่มีอะไรสำคัญหรอกท่านหลิง ที่ข้ามารบกวนในตอนนี้เนื่องจากข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสายเลือดพฤกษาสวรรค์ที่มีสรรพคุณอยู่ในระดับเดียวกับโอสถสวรรค์ ซึ่งข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน ข้าจึงอยากมาดูด้วยตาของตนเองก็แค่นั้น”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าแสร้างทำเป็นเข้าใจและพูดว่า “อืม ข้าเข้าใจดี ว่าของแบบนี้มันมีน้อยคนนักที่จะได้พบเห็นด้วยตาของตนเอง”
“ใช่โดยเฉพาะในอาณาเขตทะเลชางหมาง!” หมิงเซียนจ้าวยิ้มปากกว้าง “ท่านหลิง ในเมื่อท่านปลุกสายเลือดของนางได้สำเร็จแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านควรจะแบ่งเลือดของนางให้เราตามสัญญางั้นหรือ?”
หลิงตู้ฉิงแสร้งทำเป็นตกใจและกล่าวขึ้น “นี่เจ้าต้องการมันตอนนี้งั้นเหรอ? ถึงข้าจะบอกไปว่าจะแบ่งให้เจ้าหนึ่งในสาม แต่ถ้าแบ่งไปตอนนี้เจ้าจะขาดทุนเป็นอย่างมาก เจ้าต้องรู้ไว้ก่อนว่าตอนนี้ถึงแม้สายเลือดของนางจะถูกปลุกขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์”
“ไม่เป็นไรงั้นข้าแบ่งมันมาส่วนหนึ่งก่อนก็ได้” หมิงเซียนจ้าวตอบกลับ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ถ้าหากเจ้าจะเอาเลยตอนนี้จริง ๆ มันจะทำให้รากฐานของสายเลือดนางเสียหายและมันจะทำให้การปลุกสายเลือดของนางให้สมบูรณ์จะยิ่งยากขึ้นไปอีก แต่ถ้าเจ้าดึงดันจะเอาเลือดของนางไปส่วนหนึ่งก่อนจริง ๆ ข้าจะให้เจ้าก็ได้ แต่ถ้าหากเมื่อถึงเวลาที่สายเลือดของนางเติบโตอย่างสมบูรณ์แล้ว ส่วนแบ่งในตอนนั้นที่เจ้าได้รับมันจะเหลือเพียงแค่หนึ่งในห้าเท่านั้น”
“และอันที่จริงในการปลุกสายเลือดของนางครั้งนี้มันมีเรื่องที่เหนือความคาดหมายอยู่บ้าง เนื่องจากข้าเองพึ่งค้นพบว่าสายเลือดของนางนั้นมีความเข้มข้มเป็นอย่างมากส่งผลให้สรรพคุณทางโอสถที่แฝงอยู่ในเลือดของนางยิ่งมีคุณภาพสูงขึ้นไปอีก แต่มันก็ทำให้ข้าติดปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคืออการปลุกสายเลือดของนางจะยิ่งยากขึ้นและต้องใช้จำนวนของโอสถและสมุนไพรเพิ่มขึ้นในการหล่อเลี้ยงนาง ซึ่งก่อนหน้านี้ข้าได้ใช้บรรดาโอสถและสมุนไพรที่ทางเจ้าส่งมาให้หมดแล้วไปถึงครึ่งหนึ่ง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปด้วยสมุนไพรและโอสถที่ท่านส่งมามันก็คงทำให้สายเลือดของนางถูกปลุกได้สมบูรณ์แค่สองในสามเพียงเท่านั้น ซึ่งถ้าจะทำให้สมบูรณ์เต็มร้อยข้าก็คงต้องหาทางอื่นต่ออีก”
“อ๋อ” หมิงเซียนจ้าวพยักหน้า
เขาเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างดี ว่าสมุนไพรและโอสถที่พวกเขามอบให้ไปก่อนหน้านี้นั้นไม่เพียงพอ แต่ถึงต่อให้เขารู้เช่นนี้ เขาก็ยังไม่กล้าที่จะรับปากให้ของเหล่านั้นเพิ่มเติมไปกับหลิงตู้ฉิง เขาจำเป็นต้องกลับไปหาจือหมิงฮ่าวก่อนเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เอาล่ะ สรุปแล้วเจ้าต้องการที่จะเอาเลือดของนางตอนนี้เลยใช่ไหม? ถ้าหากเจ้าต้องการให้ข้ามอบให้กับเจ้าเลย เจ้าก็ต้องยอมรับข้อตกลงที่บอกไปก่อนหน้านี้ให้ได้ด้วย แต่ถ้าไม่เจ้าก็จงกลับไปได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงกล่าวขึ้น
หมิงเซียนจ้าวนั้นไม่ใช่คนโง่ เมื่อเจอกับข้อตกลงที่ทำให้ฝั่งเขาเสียประโยชน์เช่นนี้ แน่นอนว่าเขาเลือกที่จะไม่ตกลง
หมิงเซียนจ้าวส่ายหัวและตอบกลับ “เฮ้อ…ในเมื่อหากข้าเอาเลือดของนางไปก่อนแล้วจะส่งผลเสียเช่นนี้ งั้นข้าขอรอต่อไปก่อนก็แล้วกันท่านหลิง”
หลังจากพูดจบ หมิงเซียนจ้าวก็ขอตัวออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ และรีบตรงกลับไปหาจือหมิงฮ่าวทันที
หลังจากจือหมิงฮ่าวได้ฟังรายงานของหมิงเซียนจ้าว เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่สักพักและพูดขึ้น “แจ้งข่าวนี้ให้กับท่านเจ้าสำนักได้ทราบ และลองถามด้วยว่าที่สำนักของเรามีสมุนไพรและโอสถเหลือมากพอไหม ส่วนทางข้า เดี๋ยวข้าจะลองไปถามบรรดาสหายเก่าดูก่อนเผื่อว่าจะมีใครที่พอช่วยเหลือได้บ้าง”
คุยกันจบ หมิงเซียนจ้าวรีบออกไปส่งข่าวให้กับเจ้าสำนักของพวกเขาทันที ส่วนทางจือหมิงฮ่าวเองก็ออกไปติดต่อหาบรรดาสหายของเขา
ในด้านของคฤหาสน์สราญรมย์ หลังจากหมิงเซียนจ้าวจากไป โจวจื่อซินได้กลับร่างคืนสภาพเดิม
นางยืนตรงหน้าหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “นายท่าน ตอนนี้ปลุกสายเลือดของข้าได้แล้ว ข้าอยากเป็นผู้หญิงของท่าน!”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่ตอบกลับอะไรแต่เดินพานางมาที่ห้องของนางและอุ้มนางลงไปยังอ่างเหล็กอีกรอบและพูดว่า “เรื่องอื่น ๆ เราไว้ค่อยพูดกันทีหลัง ตอนนี้เจ้าต้องบ่มเพาะต่อในอ่างนี่ ห้ามออกมาจนกว่าเจ้าจะปลุกสายเลือดได้อย่างสมบูรณ์”
โจวจื่อซินถอนหายใจอย่างผิดหวังและพูดว่า “ก็ได้…ข้าจะพยายามบ่มเพาะให้สายเลือดของข้าสมบูรณ์ให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน…”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ค่อย ๆ บ่มเพาะไปอย่ารีบร้อน เดี๋ยวในอนาคตข้าจะเตรียมอะไรบางอย่างให้เจ้าได้ฝึกฝนด้วย”
หลังจากออกมาจากห้องของโจวจื่อซิน หลิงตู้ฉิงก็ติดต่อกับมี่ตั้วตั้วและพูดว่า “ช่วยบอกกับโม่จู่ให้ติดต่อเผ่าของเขาให้ที ถามเขาว่าหากข้าต้องการเมล็ดปีศาจดอกบัวกระหายเลือด ข้าจะต้องจ่ายให้พวกเขาเท่าไหร่”