พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 238 จักรพรรดิสิ้นพระชนม์
บทที่ 238 จักรพรรดิสิ้นพระชนม์
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ที่ไร้เทียมทานกลับถูกหลิงตู้ฉิงสังหารลงอย่างง่ายดาย!
หลายคนในตระกูลจ้าวที่เห็นภาพเช่นนี้ต่างพากันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าแต่ละคนซีดเซียวเนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจะลงโทษพวกเขาอย่างไรหากหลิงตู้ฉิงได้รู้ถึงการกระทำก่อนหน้านี้ที่พวกเขาได้แสดงออกต่อจ้าวเหมิงลู่
ขนาดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์หลิงตู้ฉิงยังใช้เพียงหมัดเดียว แต่สำหรับพวกเขามันอาจจะง่ายกว่านั้น หลิงตู้ฉิงอาจจะใช้แค่นิ้วใช่ไหม?
“สามี!” น้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาของจ้าวเหมิงลู่
นางต้องทนทุกข์ทรมานมากที่สุดเพราะนางเป็นคนที่นำหลิงจู้ออกมาจากคฤหาสน์สราญรมย์ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลิงตู้ฉิงนางก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร
“ข้าสบายดี!” หลิงตู้ฉิงตบบ่าจ้าวเหมิงลู่ “เข้าไปในรถก่อนเถอะ เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก อ๋อ ซือโถว ข้ารบกวนให้เจ้าลากเพื่อนใหม่ของพวกเราคนนั้นไปด้วย”
เพื่อนคนนั้นหมายถึง เจิ้นป่าเจ่าที่ถูกหลิงจู้มัดตัวอยู่
ในเวลานี้ หลิงจู้ลอยไปมาอวดรากที่หักต่อหน้าหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ข้าเข้าใจแล้วว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสแถมเจ้ายังลงแรงไปมากกับรอบนี้ เอาล่ะรีบเก็บรากทั้งหมดของเจ้าที่ร่วงลงบนพื้นขึ้นมาให้หมดก่อน เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าต่อมันให้ใหม่ทีหลัง ส่วนชายผู้ที่เป็นคนทำร้ายเจ้า เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เชียวนะ อย่างน้อย ๆ เขาก็น่าจะมีของดีที่ทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้”
รากของหลิงจู้ที่ฝังอยู่ในพื้นดินถูกดึงกลับทั้งหมด รวมทั้งส่วนของรากที่ฉีกขาดก็ถูกเก็บขึ้นมาทั้งหมดเช่นกัน จากนั้นเมื่อเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จแล้วหลิงจู้ก็ลอยไปหาหลิงตู้ฉิงอย่างออดอ้อน หลิงตู้ฉิงรับมันและส่งต่อไปให้มี่ไล และพูดว่า “เจ้าดูแลมันไปก่อน เดี๋ยวข้าจะค่อยรักษามันทีหลัง”
“อื้ม!” มี่ไลหยิบหลิงจู้มาและโอบมันไว้ในอ้อนแขนอย่างทะนุถนอม
เมื่อทุกคนขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงสั่งขึ้นทันที “กงหนิวมุ่งหน้าไปที่พระราชวัง!”
อันที่จริง หลิงตู้ฉิงเองก็เห็นกลุ่มคนของตระกูลจ้าวที่มองเขาด้วยสายตาหวาดกลัวอยู่รอบ ๆ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ
จ้าวเหมิงลู่เองก็มองลอดหน้าต่างไปที่กลุ่มคนที่เคยตะโกนบอกนางว่า ‘แต่งงานใหม่’ ด้วยสายตาเย็นชา
เหล่าคนจากตระกูลจ้าว เมื่อพวกเขาเห็นการแสดงออกของหลิงตู้ฉิงและสายตาอันเย็นชาของจ้าวเหมิงลู่ พวกเขาก็รู้สึกหนาวสันหลังราวกับว่าพวกเขาตกลงไปในธารน้ำแข็ง!
เมื่อเขาเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่แม้แต่จะเหลียวมองมาที่เขา จ้าวปาเทียนก็รีบบินตามหลังรถม้าไปยังพระราชวังร่วมกับโม่หยูถังและซือโถวเหวินหยวน
ก่อนหน้านี้ในห้วงความคิดของเขา จ้าวปาเทียนคิดเสมอว่าในฐานะที่เขาเป็นปู่ของจ้าวเหมิงลู่ ฉะนั้นเขาก็ควรที่จะได้รับสิทธิพิเศษอะไรบ้าง และหลิงตู้ฉิงต้องให้ความเคารพกับเขา อย่างไรก็ตามวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความคิดเช่นนั้นอีกต่อไป คนที่สามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้ด้วยหมัดเดียว เขามีคุณสมบัติพอที่จะให้หลิงตู้ฉิงเรียกเขาว่าปู่ได้อย่างไร?
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงเลือกที่จะบินตามหลังไปอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าสถานะตอนนี้ของเขานั้นไม่ใช่ญาติแต่เป็นเพียงผู้ติดตามเพียงคนหนึ่งเท่านั้น
อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เข้าใจมาโดยตลอดว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงไม่เคารพเขาเลย ซึ่งสิ่งนั้นก็คือการที่เขาไม่เคยปฏิบัติต่อหลานเขยของเขาคนนี้ด้วยความจริงใจสักครั้ง ถ้าเขาไม่ได้ใช้ความรู้สึกที่แท้จริง เขาก็จะไม่ได้รับความเคารพมากนักจากหลิงตู้ฉิง นี่เป็นความแตกต่างที่มากที่สุดระหว่าง หลิงเจิ้งสง กับ จ้าวปาเทียน
เมื่อรถม้ามุ่งหน้าไปยังพระราชวัง หลิงฉุยฟงพูดกับหลิงเจิ้งสงด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อเราทำสำเร็จแล้ว!”
หลิงเจิ้งสงยิ้มปากกว้างและพูดว่า “ในที่สุดข้าก็โล่งใจได้สักที!”
ก่อนหน้านี้หลิงเจิ้งสงเป็นกังวลอย่างมากกับการปรากฎตัวของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ แต่เมื่อตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้ตายไปแล้ว และการต่อสู้ในทุกที่ก็จบลง เขาจึงรู้สึกโล่งใจคล้ายกับยกเอาภูเขาออกจากอก จากนั้นเขามองไปทิศทางที่พระราชวังตั้งอยู่และถอนหายใจ
“เฮ้อ…อย่างน้อยที่สุดเขาก็เป็นองค์จักรพรรดิมาหลายสิบปีแล้ว ข้าจะไปส่งเขา!” พูดจบหลิงเจิ้งสงบินตามหลิงตู้ฉิงไปที่พระราชวัง
แต่คนอื่น ๆ ของตระกูลหลิงไม่ได้ตามเขาไปด้วย หลิงฉุยฟงที่มีสิทธิ์จะตามไปมากที่สุดก็ไม่ตามไปเนื่องจากเขายังต้องอยู่เฝ้าเหล่าเชลยศึก ส่วนหลิงเล่อชานและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไป พวกเขาจึงได้แต่รอฟังข่าวอยู่ที่นี่
สำหรับคนอื่น ๆ ในอาณาจักรจันทรา แม้ว่าพวกเขาจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็ไม่มีใครสนใจมากนัก
เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่เรื่องของคุณสมบัติว่าใครเหมาะสมกว่าที่จะเป็นจักรพรรดิและตำแหน่งต่าง ๆ ที่จะถูดจัดแจงให้กับคนสนิทในครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนทั่วไป
ส่วนมี่ตั้วตั้วเองก็เข้าใจสถานะของตัวเขาเองเป็นอย่างดี เขาต้องการที่จะเป็นแค่พ่อค้า เขาไม่ต้องการยุ่งอะไรกับการเมืองหรือการปกครองทั้งนั้น เขาจึงไม่ได้ตามเข้าไปที่พระราชวัง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจตำแหน่งทางการเมือง แต่ใบหน้าในตอนนี้ของเขากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มพอใจ
ลูกสาวของเขากำลังจะได้เป็นสนมเอกหรือเปล่านะ? และตำแหน่งจักรพรรดิของอาณาจักรจะต้องเป็นของลูกเขยของเขาแน่อยู่แล้วจริงไหม?
แต่น่าเสียดาย สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือจักรพรรดิองค์ต่อไปไม่ใช่หลิงตู้ฉิง แต่เป็นหลิงยี่เทียน
ในเวลานี้หลิงเจิ้งสงที่ได้บินตามรถม้าทัน เขาจึงเรียกให้รถม้าหยุดและก้าวเข้าไปด้านในรถม้าและพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ข้าจะไปพยายามโน้มน้าวให้เขาสละราชบัลลังก์อีกครั้ง ถ้าหากเขายอมสละราชบัลลังก์ เจ้าจะทำยังไงกับเขาต่อ?”
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เหลียงเฟ่ยเอ๋อข้าง ๆ เขาและพูดว่า “ข้าให้เวลากับเขามากพอแล้วถ้าเขายังไม่ถอยอีก ก็อย่ามาโทษข้า”
อันที่จริงหลิงตู้ฉิงเองก็พยายามที่จะให้เหลียงซานหนีไป เนื่องจากจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ส่งใครบุกเข้าไปในวัง หรือแม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ไม่ได้สั่งให้กงหนิวใช้ความเร็วที่มากอะไร
“สามี…” เหลียงเฟ่ยเอ๋อโน้มตัวไปที่หลิงตู้ฉิง นางต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเล ยิ่งนางเข้าใกล้วังมากเท่าไหร่ความรู้สึกของนางก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าเหลียงซานจะเคยทำอะไรกับนาง เขาก็ยังคงเป็นปู่ของนาง
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ “อย่าคิดมากเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นครอบครัวที่เหลือของเจ้าจะสบายดี”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อพยักหน้าเล็กน้อยมองไปที่พระราชวังด้วยสีหน้าเศร้าโศก
ในที่สุดรถม้าก็มาถึงพระราชวังและเข้าไปในท้องพระโรง และหยุดอยู่ตรงกลางห้อง หลิงตู้ฉิงเดินออกมาจากรถม้าพร้อมกับหลิงเจิ้งสง และมองไปที่เหลียงซาน ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์
เหลียงซานเองก็ไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าไม่แยแส
ขณะนี้ เหลียงเย่และคนตระกูลเหลียงทั้งหมดต่างก็ยืนเงียบอยู่ในท้องพระโรงเช่นกัน
จริง ๆ แล้ว เหลียงเย่และคนอื่น ๆ ได้แนะนำให้เหลียงซานหนีออกไปจากพระราชวังแล้วอยู่หลายหน แต่เหลียงซานไม่ทำตาม
ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องตากันเนิ่นนาน ซึ่งสุดท้ายเหลียงซานก็ถามขึ้นก่อน “ข้าเคยมีความแค้นกับเจ้ามาก่อนงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ในตอนแรกข้าก็แค่อยากได้ตราหยกของเจ้าและข้าเคยได้คุยกับปู่ของข้าตั้งแต่แรกแล้ว แต่ปู่ของข้าไม่เห็นด้วยที่จะให้ข้ายืมตราหยกจักรพรรดิจากเจ้า ดังนั้นข้าจึงเปลี่ยนใจหันมาฝึกกองกำลัง 750 นายของข้าเอง และตั้งใจว่าจะใช้กองกำลังนี้เพื่อยึดครองอาณาจักรอื่น ๆ มาเติมเต็มแผนการของข้าแทนที่จะยึดอาณาจักรของเจ้า แต่เจ้าเองกลับรบกวนข้าไม่เลิก เจ้าจำไม่ได้หรือว่าโง่จนไม่รู้ตัวรึยังไงว่าข้านั้นให้โอกาสเจ้าอยู่หลายครั้งหลายหนที่จะให้เจ้าถอย”
“ข้าให้โอกาสเจ้ามาสองครั้งที่จะหาทางถอยให้ตัวเอง ครั้งหนึ่งคือตอนที่พ่อบ้านโม่เปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาในงานประมูลตระกูลมี่ ในตอนนั้นมันดูเหมือนว่าเจ้าจะถอยไปหนึ่งก้าว แต่สุดท้ายเจ้าก็ไม่ถอย อีกครั้งหนึ่งคือตอนที่ข้าได้สำแดงความแข็งแกร่งของข้าให้เจ้าเห็นในตอนที่ข้าทำลายตำหนักของเจ้าก่อนหน้านี้ ในเวลานั้นข้าพยายามจะสื่อให้เจ้ารู้ว่าข้ามีพลังมากแค่ไหน และรอบนี้ไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่ถอยเท่านั้ นเจ้ากลับยั่วยุข้ามากขึ้นไปอีกซะอย่างนั้น”
“และเมื่อครู่ก่อนที่ข้าจะมาถึง เจ้าควรรู้ว่าข้าตั้งใจถ่วงเวลามาที่นี่ให้มาถึงช้าที่สุดเพื่อให้โอกาสเจ้าถอยเป็นครั้งสุดท้าย แต่เจ้าก็กลับยังไม่ถอยอีก เอาล่ะและตอนนี้มันก็สามครั้งแล้วที่ข้าให้โอกาสกับเจ้า ฉะนั้นเจ้าก็จงรับผลที่จะตามมาให้ได้ไปก็แล้วกัน”
เหลียงซานเถียงกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าเป็นจักรพรรดิ ทำไมข้าถึงต้องถอยให้เจ้า?”
“เพราะเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับข้า เจ้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอย!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเฉยเมย “ข้าเองเข้าใจว่าเจ้าที่ฝึกฝนเต๋าดวงใจจักรพรรดินั้นจะถอยไม่ได้ หากถอยเมื่อไหร่เต๋าของเจ้าจะอ่อนแอลง แต่เจ้าต้องไม่ลืมว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า เจ้าไม่มีทางไหนที่จะต่อต้านข้าได้ หากเจ้ายังคงดื้อดึงยึดมั่นในเต๋าของเจ้าต่อไป เจ้าคงจะรู้ว่าจุดจบของเจ้าจะเป็นยังไงถูกต้องไหม?”
“ข้า! คือจักรพรรดิ!” เหลียงซานย้ำอีกครั้ง
หลิงตู้ฉิงที่เห็นความดื้อดึงเช่นนี้เขาก็ส่ายหัวและหันไปพูดกับหลิงเจิ้งสง “ท่านปู่ รบกวนท่านช่วยจัดแจงเรื่องต่าง ๆ ให้ที อีก 3 วันข้าจะให้ยี่เทียนขึ้นครองบัลลังก์!”
เมื่อพูดกับหลิงเจิ้งสงเสร็จ หลิงตู้ฉิงจึงเดินกลับเข้าไปด้านในรถม้าและพูดกับกงหนิว “กลับคฤหาสน์สราญรมย์!”
กงหนิวที่ได้รับคำสั่งก็ลากรถม้า กลับไปยังคฤหาสน์สราญรมย์ด้วยความรวดเร็วทันที
ภายในท้องพระโรงหลังจากที่หลิงตู้ฉิงจากไป บรรดาผู้คนของตระกูลเหลียงต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง
แต่เมื่อทุกคนหันกลับไปมองที่บัลลังก์ พวกเขาก็เห็นที่มุมปากของเหลียงซานนั้นค่อย ๆ มีเลือดไหลออกมา
เหลียงเย่รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเหลียงซาน หลังจากตรวจสอบเขาพบว่าเหลียงซานได้ทำลายเส้นลมปราณหัวใจของตัวเองและทำให้ทะเลวิญญาณของตัวเองแตกสลาย
“ฝ่าบาท!” หลิงเจิ้งสงรีบไปข้างหน้า
แม้ว่าเหลียงซานยังไม่ตาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่นั่งเงียบ ๆ บนบัลลังก์จนกว่าเขาจะหมดลมหายใจ
ลูกชายของเหลียงซาน เหลียงเย่ หรือแม้แต่เหลียงเจี๋ยต่างก็รู้สึกถึงความสูญเสีย พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หลิงเจิ้งสงถอนหายใจและพูดว่า “มาร่วมไว้อาลัยแด่องค์จักรพรรดิและฝังศพเขาด้วยความเหมาะสมกับตำแหน่งกันเถิด! สำหรับพวกท่าน ถ้าพวกท่านเต็มใจที่จะจากไป จะไม่มีใครหยุดท่าน แต่ถ้าพวกท่านเต็มใจที่จะอยู่ต่อ ข้ารับประกันว่าจะไม่มีใครกล้าที่จะทำร้ายพวกท่าน”
เหลียงเย่โค้งคำนับและไม่ได้พูดอะไร
ในทางกลับกันหลิงเจิ้งสงและเสนาบดีอีกหลายคนก็เริ่มยุ่งกับงานศพของเหลียงซานและเรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ของหลิงยี่เทียน