พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 240 ปลุกสายเลือดมังกรสงคราม
บทที่ 240 ปลุกสายเลือดมังกรสงคราม
เมื่อทุกคนเห็นวิธีทีหลิงตู้ฉิงร่างสัญญา พวกเขาก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาทันที
เนื่องจากนี่มันคือสัญญาที่ร่างขึ้นด้วยพลังแห่งกฎระหว่างสวรรค์และโลก ซึ่งสัญญาเช่นนี้มันทรงพลังมากกว่าการเอ่ยคำสาบานต่อสวรรค์ มันไม่มีช่องโหว่ใด ๆ ให้ผู้ที่ทำสัญญาสามารถละเมิดได้เลย
หลังจากจือหมิงฮ่าวทำสัญญาเสร็จ ชายชราผู้หนึ่งได้เดินเข้ามาโค้งคำนับหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “เมื่อพวกเรายอมเป็นข้ารับใช้ให้กับท่านแล้ว หน้าที่ของพวกเราคืออะไรงั้นหรือ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ลูกของข้าจะขึ้นเป็นจักรพรรดิอาณาจักรจันทราในอีกไม่กี่วันนี้ หน้าที่ของพวกเจ้าก็คือต้องติดตามรับใช้เขา หากเจ้ารับได้เจ้าก็จงลงชื่อในสัญญาซะ”
เมื่อฟังหลิงตู้ฉิงจบ ชายชราผู้นั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาถอนหายใจและลงชื่อในสัญญา จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็ได้รู้ว่าชายชราผู้นี้คือผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักบุปผาจันทรา
จากนั้นชายชราคนที่สามก็ก้าวออกมาและพูดว่า “อายุขัยของข้าตอนนี้ใกล้จะหมดแล้ว ถ้าหากข้ายอมเป็นข้ารับใช้ให้กับพวกท่าน แล้วข้าจะได้ส่วนแบ่งของเลือดจากผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์รึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงหรี่ตาและตอบกลับ “มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถกำหนดเงื่อนไขได้ และอีกอย่าง ซิน นั้นนางเป็นคนของข้า นางไม่ใช่โอสถสวรรค์เดินได้ให้พวกเจ้ามาดูดเลือดดูดเนื้อ นี่มันดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้สำนึกเลยสินะว่าทำไมตอนนี้เจ้าถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ในเมื่อเจ้าโง่เง่าได้ถึงขนาดนี้ข้าก็คงไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไป เจ้าควรตาย ๆ ไปได้แล้ว!”
เมื่อสิ้นเสียงของหลิงตู้ฉิง หัวของชายชราผู้นั้นก็หลุดออกจากบ่า
“ในเมื่อเขาตายไปแล้ว เจ้าก็เก็บแหวนมิติของเขาเอาไว้กับตัวก็แล้วกัน” หลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับหลิงยี่เทียน
หลิงยี่เทียน เมื่อได้รับคำสั่งเขาก็รีบวิ่งไปเก็บแหวนทันที ส่วนโม่หยูถังก็เดินมาลากศพออกไปทิ้ง
“ใครจะเป็นคนต่อไป?” หลิงตู้ฉิงตะโกนถามขึ้น
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นสด ๆ เช่นนั้น ต่อมาก็ไม่มีใครกล้าที่จะลองดีต่อรองอะไรอีก
ในบรรดา 17 คนที่ทำสัญญา มากกว่าครึ่งเป็นคนของสำนักต่าง ๆ ที่เหลือก็จะเป็นพวกผู้ลี้ภัยที่มาหลบอยู่ที่ทะเลชางหมาง
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้กลายเป็นข้ารับใช้ของหลิงยี่เทียนโดยสมบูรณ์แล้ว
“พวกเจ้าจงไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง และร่วมมือกับกองทหารของข้าเพื่อพาเหล่าเชลยศึกกลับมาที่นี่” หลิงตู้ฉิงสั่งการไปยังข้ารับใช้ใหม่ทั้ง 17 คน
ทั้ง 17 คนรับคำสั่งโดยไม่ปริปากพูดอะไร และบินออกไปทางคฤหาสน์ตระกูลหลิงทันที หลังจากที่พวกเขาออกคฤหาสน์สราญรมย์แล้ว พวกเขาต่างมองหน้ากันแววตาเศร้าสลด
ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นถึงตัวตนที่มีแต่ผู้คนให้ความเกรงใจ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นข้ารับใช้ให้กับเด็กที่ยังไม่รู้วิธีบ่มเพาะเลยด้วยซ้ำ นี่มันคือโศกนาฏกรรมของพวกเขาอย่างแท้จริง
“ท่านพ่อ แล้วเราจะเอายังไงดีกับสองคนนั่น?” หลิงยี่เทียนชี้นิ้วไปยังเฉินถิงฟางและคนของนาง
หลิงตู้ฉิง ยิ้มและตอบว่า “พ่อจะแยกพวกเขาไปขังเอาไว้ก่อน หากปล่อยออกมาตอนนี้มันรังแต่จะมีปัญหามากขึ้น เอาล่ะเดี๋ยวเมื่อบรรดาเชลยศึกมาถึง พ่อจะให้กองทหารส่วนตัวกับเจ้าไว้ได้ใช้งาน”
หลิงยี่เทียนตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ขอบคุณท่านพ่อ แล้วว่าแต่กองทหารของท่านลุงสามล่ะ…”
หลิงยี่เทียนเข้าใจเป็นอย่างดีว่ากองทหารที่ทรงพลังมากที่สุดนั้นถูกนำโดยหลิงฉุยฟง ซึ่งกองทหารเหล่านั้นได้รับการชี้แนะจากหลิงตู้ฉิงมาเป็นเวลานาน เขาจึงคิดว่าหากเขาได้กองทหารเหล่านั้นด้วยมันก็คงจะดี…
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “พ่อจะให้ทหารเหล่านั้นกับเจ้าด้วย นี่พ่อให้อะไรหลายอย่างไปกับเจ้ามากถึงขนาดนี้แล้วถ้าเจ้ายังคงไม่สามารถเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ได้ มันจะกลายเป็นเรื่องที่น่าอายมากเลยเจ้ารู้ใช่ไหม?”
ในระหว่างที่หลิงตู้ฉิงกำลังคุยกับลูกของเขาอยู่นั้น หลิงเจิ้งสงก็บินเข้ามาหา
“ท่านปู่มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
หลิงเจิ้งสงส่ายหัวและพูดว่า “งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็จะเหลือแต่พิธีสถาปนาราชวงศ์ใหม่ของยี่เทียน และขึ้นครองราชสมบัติ เวลา 2 วันมันก็คงจะเพียงพอ แต่ที่ปู่มาที่นี่ก็เพราะว่าปู่เจออะไรบางอย่าง”
พูดจบ หลิงเจิ้งสงได้หยิบตราหยกจักพรรดิขึ้นมาและมอบให้กับหลิงตู้ฉิง “ปู่จำได้ว่า ลูกของเจ้าว่านจุนต้องใช้มันในการบ่มเพาะ เมื่อปู่พบมัน ปู่ก็รีบเอามาให้เจ้าทันที”
หลิงตู้ฉิงรับมันมาและสำรวจดูมันอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “โชคยังดีที่เหลียงซานยังไม่ได้ใช้มัน มันยังคงมีปราณมังกรจักรพรรดิเหลืออยู่พอสมควร ท่านปู่ท่านนั่งลงก่อนรอตรงนี้ก่อน หากใครมาหาข้า วานท่านบอกให้พวกเขารอข้าที่นี่ เอาล่ะ ยี่เทียน เจ้ามากับพ่อ”
เมื่อได้รับคำสั่ง หลิงยี่เทียนจึงรีบวิ่งตามพ่อของเขาไปที่เรือนของหลิงว่านจุนทันที
“ท่านพ่อ น้องหก พวกท่านมาทำอะไรกันที่นี่?” หลิงว่านจุนถามขึ้น
“ถอดเสื้อผ้าของเจ้าซะ พ่อจะปลุกพรสวรรค์สายเลือดของเจ้าให้” หลิงตู้ฉิงยิ้มตอบ
หลิงว่านจุนที่ตอนนี้อายุปาเข้าไป 10 กว่าปีแล้ว เมื่อเขาได้รับคำสั่งจากหลิงตู้ฉิงให้แก้ผ้าต่อหน้าพ่อและน้องของเขา เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“รับมันไป!” หลิงตู้ฉิงโยนตราประทับหยกจักรพรรดิให้กับหลิงว่านจุน
หลิงว่านจุน ในตอนนี้มือข้างหนึ่งของเขาได้ถือตราประทับ ส่วนอีกข้างก็พยายามปิดป้องของสงวนของเขาเอาไว้
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มเขียนอักขระเวทย์ต่าง ๆ ขึ้นในอากาศพร้อมกับที่มีหมอกสีทองคำจาง ๆ ค่อย ๆ แผ่ออกมาจากตราประทับหยก
หลังจากหมอกสีทองปรากฏขึ้น อักขระเวทย์ที่หลิงตู้ฉิงได้วาดไว้ในอากาศก็เริ่มบินเข้ามาประทับลงบนร่างของหลิงว่านจุน
เมื่อทั้งร่างของหลิงว่านจุนเต็มไปด้วยลวดลายของอักขระเวท แรงกดดันและภาพเงาของมังกรก็ได้ปรากฎออกมาจากร่างของเขา และในขณะเดียวกัน หลิงว่านจุนก็กู่ร้องขึ้นด้วยเสียงอันทรงอำนาจ
“โฮกกกกกก!!!”
เสียงมังกรคำรามได้แผดออกมาจากลำคอของเขาแทนที่จะเป็นเสียงของเขาเอง
เสียงอันทรงอำนาจนี้ มันดังกังวาลซะจนผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงได้ยินกันทุกคน เสียงอันทรงอำนาจนี้ได้พุ่งทะลุไปยังชั้นเมฆ เปิดท้องฟ้าที่เคยมืดครึ้มให้กลายเป็นสว่างสดใส
เมื่อเสียงกู่ร้องจางหายไป ภาพร่างของมังกรที่ปรากฎขึ้นจากร่างของหลิงว่านจุนก็ม้วนตัวกลับเข้าไปในร่างของเขาเช่นกัน
“เอาล่ะ ใส่เสื้อผ้าของเจ้าได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงสั่งขึ้น
หลิงว่านจุนที่กำลังใส่เสื้อผ้าด้วยสีหน้าเขินอาย เขาถามหลิงตู้ฉิงขึ้นว่า “ท่านพ่อตอนนี้ข้าเริ่มบ่มเพาะได้แล้วใช่ไหม?”
“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เดี๋ยวพ่อจะถ่ายทอดวิชามังกรศักดิ์สิทธิ์จำแลงกายให้กับเจ้า แต่ร่างกายของเจ้าจำเป็นต้องใช้พลังปราณมังกรจักรพรรดิเพื่อบ่มเพาะ ยิ่งได้รับพลังปราณมังกรจักรพรรดิมากเท่าไหร่เจ้าก็จะบ่มเพาะได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น ยี่เทียน เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมพ่อถึงเรียกเจ้ามาที่นี่?”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ในเมื่อพี่สี่ต้องการปราณมังกรจักรพรรดิเพื่อการบ่มเพาะ ในอนาคตข้าจะมอบพวกมันให้กับเขาทั้งหมด”
“ท่านพ่อ เดี๋ยวน้องหกก็จะเป็นจักรพรรดิแล้ว ถ้าหากในอนาคตเขามอบพลังปราณมังกรจักรพรรดิให้กับข้าทั้งหมดแล้วเขาจะไม่เป็นอะไรงั้นเหรอ?” หลิงว่านจุนรีบถามขึ้นทันที “ถ้าหากมันจะเป็นผลเสียต่อน้องหก ข้าขอออกไปขโมยมันจากคนอื่นแทนนะท่านพ่อ ข้าไม่ต้องการให้น้องของข้าต้องลำบาก”
หลิงตู้ฉิงยิ้มพลางส่ายหัว “สายเลือดของยี่เทียน นั้นคือสายเลือดของมหาจักรพรรดิโบราณ การบ่มเพาะของเขาไม่ต้องการพลังปราณมังกรจักรพรรดิ แต่สิ่งที่เขาใช้ในการบ่มเพาะคือ ความเชื่อ ยิ่งมีคนเชื่อถือในตัวเขามากเท่าไหร่ หรือมีคนเทิดทูนมากขึ้นตาม เส้นทางการบ่มเพาะของเขาก็จะราบลื่นและรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทั้ง หลิงว่านจุนและหลิงยี่เทียนต่างมองหน้ากันแววตาเป็นสุข
“พี่สี่ ดูเหมือนว่าในอนาคตท่านจะต้องช่วยข้าให้เป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่าทุกคนสินะ!” หลิงยี่เทียนหัวเราะ
“น้องหก ไม่ต้องกังวลข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน!” หลองว่านจุนเองก็หัวเราะเช่นกัน
ด้วยความโชคดีของพวกเขาที่อาณาจักรจันทราแห่งนี้ก็นับได้ว่าใหญ่โตอยู่พอตัวหากเทียบกับอาณาจักรอื่น ๆ ในทวีปเทียนหยวน ฉะนั้นหากเมื่อไหร่ที่หลิงยี่เทียนได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ เขาจะได้พลังแห่งความเชื่อมามากมาย พร้อมกับที่หลิงว่านจุนเองก็จะได้รับพลังปราณมังกรจักรพรรดิจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของจักรพรรดิของอาณาจักร นี่จึงนับได้ว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองที่สมดุลกันที่สุด
หลิงยี่เทียนพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้ท่านเป็นคนเก็บตราประทับหยกเอาไว้นะพี่สี่ เมื่อถึงเวลาที่ท่านต้องการดูดพลังจากมันมาบ่มเพาะมันจะได้สะดวกกว่า”
“เอาล่ะพวกเจ้าทั้งสองคน ตามพ่อมาก่อน เรื่องของอนาคตของพวกเจ้าเดี๋ยวเราไว้ค่อยคุยทีหลัง” ขณะนี้หลองตู้ฉิงเริ่มสัมผัสได้แล้วว่าเหล่าเชลยศึกที่เป็นคนของกองทัพศักดิ์สิทธิ์กำลังจะมาถึง