พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 28 แม่บ้านคนใหม่[รีไรท์]
บทที่ 28 แม่บ้านคนใหม่[รีไรท์]
เจิ้นป่าเจ่าจ้องมี่ตั้วตั้วอย่างดุร้าย เขาไม่นึกว่าเรื่องราววันนี้มันจะยุ่งยากขนาดนี้
โดยเฉพาะตอนนี้ที่มี่ตั้วตั้วได้นำผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่มาและบวกกับความแข็งแกร่งของมี่ตั้วตั้วเอง ทำให้เจิ้นป่าเจ่าตระหนักว่าวันนี้เขาไม่สามารถแก้แค้นได้สำเร็จแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าให้กับมี่ตั้วตั้ว และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าผู้แซ่เจิ้นจะจำเรื่องวันนี้ไว้ ถ้าข้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ข้าจะไปเยี่ยมผู้อาวุโสถึงตระกูลมี่แน่นอน!”
“นายท่านพวกเรายังกลับไม่ได้ นายน้อยยังอยู่ที่นี่!” ผู้คุ้มกันข้างเจิ้นป่าเจ่าพูดด้วยความกังวลใจ
“หืม?” เจิ้นป่าเจ่ามองไปยังบรรดาผู้เชี่ยวชาญของเขาที่กำลังช่วยกันพยุงเจิ้นสีชวงที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตางุนงง
ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญ 4-5 คนกำลังดึงเจิ้นสีชวงอย่างสุดแรงให้ลุกขึ้น แต่ไม่ว่าพวกเขาจะช่วยกันดึงสักเท่าไหร่ร่างกายของเจิ้นสีชวงก็ยังถูกตรึงนิ่งไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าทั้งหมดมันไม่ได้เรื่อง!” เจิ้นป่าเจ่าคำราม
คนตั้งมากแต่กลับไม่สามารถทำให้คนคนเดียวขยับเขยื้อนตัวได้ไง?
ก่อนหน้านี้ขณะที่เขากำลังคุยกับหลิงตู้ฉิงและมี่ตั้วตั้ว เขาคิดว่าลูกน้องของเขาได้ช่วยน้องชายเขาไปนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเจิ้นสีชวงยังคงคุกเข่าอยู่
อันที่จริง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นที่กำลังช่วยดึงเจิ้นสีชวงกันอยู่ พวกเขาใกล้จะหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว พวกเขาไม่สามารถดึงเจิ้นสีชวงขึ้นมาได้และไม่กล้าใช้วิธีการที่รุนแรง พวกเขาจึงทำได้เพียงออกแรงดึงอย่างสุดความสามารถเท่านั้น
“พวกเจ้าหลบไป ข้าเอง!” เจิ้นป่าเจ่าตะโกน
หลังจากที่ผู้คุ้มกันออกไป เจิ้นป่าเจ่าสูดลมหายใจและโคจรพลังวิญญาณทั้งหมดในร่าง เขานั่งยองและกอดร่างกายของเจิ้นสีชวง
อันที่จริงแล้วเจิ้นป่าเจ่าเองไม่ได้โง่ขนาดนั้น เพียงแค่เห็นผู้เชี่ยวชาญหลายคนของเขาร่วมมือกันแล้วยังดึงเจิ้นสีชวงขึ้นมาไม่ได้ เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารู้ว่าหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญนั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 7 แต่กลับไม่สามารถดึงเจิ้นสีชวงให้ลุกขึ้นได้?
เขาใช้กำลังเต็มที่เพื่ออุ้มเจิ้นสีชวงขึ้น แต่เมื่อเขาได้ลองด้วยตัวเอง เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาพยายามอุ้มภูเขาทั้งลูก ไม่เพียงแต่เขาล้มเหลวในการอุ้มเจิ้นสีชวงขึ้นมา เขายังสะดุดและเกือบจะล้มหงายหลังไปอีกด้วย ใบหน้าของเขาแดงก่ำและดวงตาของเขาก็แทบพ่นไฟได้เมื่อเขามองหลิงตู้ฉิง รังสีสังหารอันเข้มข้นก็ถูกเปิดเผยโดยไม่มีการปกปิดใด ๆ
แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะรู้สึกถึงรังสีสังหารอันเข้มข้น แต่เขาก็ไม่สนใจและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ซื้อประตูใหม่ให้ข้า น้องชายเจ้าจะต้องคุกเข่าและเฝ้าประตูนี้ต่อไป ต่อให้เจ้าจะเรียกเทพมาช่วยเขามันก็ไร้ประโยชน์”
เจิ้นป่าเจ่าสบถกับตัวเองอยู่สักพักก่อนจะตะโกนขึ้นอย่างอาฆาต “ได้! ข้าจะซื้อประตูให้เจ้า!”
หลิงตู้ฉิงมองเขาพลางพยักหน้างึก ๆ โดยไม่พูดอะไรเลย
เจิ้นป่าเจ่าหยิบแหวนมิติที่ภายในเต็มไปด้วยเหรียญทองออกมา จากนั้นเขาโคจรพลังวิญญาณจนถึงจุดสูงสุดและขว้างแหวนออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี “ในแหวนนี่มีเหรียญทอง 100,000 เหรียญ น่าจะเพียงพอสำหรับประตูระยำของเจ้าใช่ไหม!”
“ท่านหลิงระวัง!” มี่ตั้วตั้วรีบเตือนอย่างเร่งร้อน
แม้ว่าจะเตือนหลิงตู้ฉิง แต่มี่ตั้วตั้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าไปช่วย เนื่องจากจริง ๆ แล้วมี่ตั้วตั้วเองก็ต้องการเห็นความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิงเช่นกัน
ภายใต้การเขวี้ยงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 9 ต่อให้แหวนมิติวงเล็ก ๆ จะไม่ใช่อาวุธก็ตาม แต่ด้วยความเร็วการพุ่งมาของมันหากโดนปะทะเข้าไปเต็ม ๆ ความรุนแรงของมันก็ไม่แตกต่างจากการถูกม้าวิ่งชน
อย่างไรก็ตาม ภาพที่มี่ตั้วตั้วเห็นก็ทำให้เขาตกตะลึง เพราะแหวรมิตินั้น เมื่อมันพุ่งเข้าไปใกล้หลิงตู้ฉิง ความเร็วของมันกลับลดลงอย่างกระทันหันและค่อย ๆ ลอยตกลงบนฝ่ามือของเขาอย่างนุ่มนวล
เมื่อหลิงตู้ฉิงเก็บแหวนมิติที่เจิ้นป่าเจ่าเขวี้ยงมาแล้ว เขาจึงชี้นิ้วออกไปทางเจิ้นสีชวงทำลายรูปแบบของอักขระเวทย์ที่เขาวาดไว้รอบกายของเจิ้นสีชวง
เจิ้นสีชวงที่ถูกตรึงให้คุกเข่ามาเป็รเวลานาน เมื่อถูกปลดปล่อยจากการพันธนาการ เขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที เขาอ้าปากเพื่อพยายามตะโกนอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากลำคอ
เจิ้นป่าเจ่าจ้องมองที่หลิงตู้ฉิงด้วยท่าทีมุ่งร้ายก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางผู้เชี่ยวชาญที่เขาพามาให้พาเจิ้นสีชวงออกไป
มันน่าอายพอแล้วที่เขาขอให้หลิงตู้ฉิงถอนการคุกเข่าของเจิ้นสีชวง แล้วเขาจะยังมีหน้าให้หลิงตู้ฉิงลบอาการผิดปกติอื่นอๆ ของเจิ้นสีชวงอีกได้ยังไง? เขาจึงต้องการรีบพาเจิ้นสีชวงกลับไปที่คฤหาสน์ทันทีเพราะในคฤหาสน์ของเขามีคนที่แข็งแกร่งพอจะแก้ไขปัญหานี้ได้
ในความคิดของเจิ้นป่าเจ่า เขาสามารถเอาชนะใครก็ตามที่อยู่ในระดับขอบเขตหลอมรวมลมปราณได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่คิดว่าตระกูลมี่จะปรากฏตัวขึ้น
หลังจากเห็นเจิ้นป่าเจ่าออกไปในสภาพที่น่าหดหู่ มี่ตั้วตั้วโบกมือให้ผู้คุ้มกันของตนเองออกไปด้วย
มี่ไลพูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างรวดเร็ว “ท่านหลิง นี่คือพ่อของข้า มี่ตั้วตั้ว เขาเพิ่งกลับมาจากเมืองหลวง เราได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่เรือนของท่าน ด้วยความกังวลท่านพ่อของข้าจึงรีบมาที่นี่พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเราเพื่อช่วยเหลือท่าน”
หลิงตู้ฉิงยืนขึ้นจากเก้าอี้ของเขาและมอบโยนแหวนมิติไปให้กับโม่หยูถัง “ไปหาคนมาเปลี่ยนประตูให้แข็งแรงจนไม่มีใครทำลายได้ในการถูกถีบครั้งหน้า!”
หลังจากโม่หยูถังจากไป หลิงตู้ฉิงหันกลับมาและพูดกับมี่ตั้วตั้ว “ท่านดูเป็นคนที่น่าสนใจ ไม่ทราบว่าท่านมาทำอะไรที่เรือนของข้า?”
มี่ตั้วตั้วหัวเราะ “ข้าได้ยินมาว่าท่านหลิงกำลังมีปัญหาข้าจึงรีบนำคนมาช่วย แต่ดูเหมือนว่าแม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางเรา ท่านหลิงก็คงสามารถจัดการด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว”
“แน่นอน อย่างน้อย ๆ ครูถังคนที่ท่านจ้างให้ข้าก็สามารถจัดการกับคนพวกนั้นได้ไม่ยาก” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
มี่ตั้วตั้วยิ้ม “ใช่! แต่เรามาที่นี่เพื่อแสดงจุดยืนของเรา! ในฐานะหุ้นส่วน เราจะไม่ยอมให้ท่านหลิงถูกรังแกอย่างแน่นอน”
“แล้วมีอะไรอีก?” หลิงตู้ฉิงถาม
“นอกจากเรื่องช่วยท่านหลิง ข้าก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว แต่ข้าสังเกตว่าท่านหลิงไม่มีผู้คุ้มกันหรือแม้แต่บ่าวรับใช้ ท่านต้องการให้ข้าช่วยหาคนให้หรือไม่?” มี่ตั้วตั้วถาม
หลิงตู้ฉิงเห็นด้วยและพูดว่า “ดี! ช่วยข้าหาผู้คุ้มกันสัก 3 คนและบ่าวรับใช้อีก 3 คน เลือกเป็นชาย 3 คนและหญิง 3 คน”
มี่ตั้วตั้วยิ้ม “ไม่มีปัญหา ข้าจะส่งผู้คุ้มกัน 3 คนและคนรับใช้ 3 คนมาที่เรือนนี้ทันที ว่าแต่หลาย ๆ คนเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านหลิง แต่กลับมีคนไม่กี่คนที่รู้จักชื่อจริงของท่าน ท่านจะให้พวกเราจะเรียกท่านว่าอะไรดี?”
“หลิง ตู้ ฉิง…” เขาพูดช้า ๆ
มี่ตั้วตั้วยิ้มและพยักหน้า “ถือเป็นเกียรติของข้าที่ได้ทราบนามแท้จริงของท่านหลิง ข้าสงสัยว่าท่านหลิงต้องการอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ย “แม้ข้าจะมีความต้องการอื่น ๆ อีก ท่านก็คงไม่สามารถทำให้ได้หรอก ดังนั้นคงไม่มีความหมายอะไรหากข้าจะพูดออกไป”
“บอกความต้องการในใจของท่านมาได้เลย ข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือท่านหลิงเอง” มี่ตั้วตั้วพูดอย่างมั่นใจ “ถึงแม้ว่าตระกูลมี่ของข้าจะไม่ใช่ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักร แต่เส้นสายของข้าที่มีอยู่ก็ไม่นับว่าด้อยกว่าตระกูลเหล่านั้นสักเท่าไหร่ หากท่านหลิงมีความต้องการอะไรในใจท่านลองบอกข้ามาก่อนจะดีกว่า เผื่อบางทีข้าอาจจะมีวิธีตอบสนองความต้องการของท่านได้”
“ข้าต้องการผู้ติดตามที่สามารถบินได้ ท่านช่วยข้าหาได้งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงยิ้มและขึ้นถาม
“แค่ก แค่ก แค่ก” ใบหน้าของมี่ตั้วตั้วแข็งทื่อเขาส่ายหัวในขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่น “ต้องขออภัยด้วยท่านหลิง ข้าคิดว่าข้าคงไม่สามารถ…”
ผู้ติดตามที่สามารถบินได้นั้นอย่างน้อยต้องฝึกตนอยู่ในระดับขอบเขตรวมแสงดารา และบุคคลเหล่านั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วในทวีป
คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะมาเป็นผู้ติดตามคนอื่นง่าย ๆ ได้ยังไง? ไม่ใช่แค่ตระกูลมี่ แม้แต่จักรพรรดิของอาณาจักรจันทราก็ต้องปฏิบัติต่อคนเหล่านั้นเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า
หลังจากไอสำลักอยู่ 2-3 ที มี่ตั้วตั้วจึงพูดว่า “เช่นนั้นวันนี้หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก
มี่ตั้วตั้วนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา เมื่อเขาออกจากเรือนหลิงพร้อมกับมี่ไลเขาได้พูดกับลูกสาวของเขาว่า “ในหญิงรับใช้ 3 คน เจ้าจะต้องเป็นหนึ่งในนั้น!”