พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 32 เล่นหมากรุก[รีไรท์]
บทที่ 32 เล่นหมากรุก[รีไรท์]
เนื่องจากยืนอยู่นานเกินไป ไร้เงาที่เพิ่งถูกปล่อยตัวจึงล้มลงกับพื้นทันที
เขามองหลิงตู้ฉิงด้วยความหวาดกลัว
เขาคิดตลอดทั้งคืนก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าหลิงตู้ฉิงหยุดการเคลื่อนไหวเขาได้อย่างไร?
ในตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดมี่ตั้วตั้วจึงย้ำเตือนพวกเขาซ้ำ ๆ ให้พวกเขาปฏิบัติต่อหลิงตู้ฉิงด้วยความเคารพ
โม่หยูถังพาพวกบ่าวรับใช้และผู้คุ้มกันทำความสะอาดห้องของตนเอง
หลังจากจัดห้องของตัวเองเสร็จเรียบร้อย บรรดาบ่าวรับใช้และผู้คุ้มกันทุกคนรีบมาที่ลานกลางเรือนเพื่อดูว่ากิจวัตรของคนตระกูลหลิงทำอะไรกันบ้าง
แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นในลานกลางเรือน สิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะเข้าใจคือการฝึกออกหมัดของหลิงยู่ชานและหลิงตู้ฉิงที่กำลังเล่นหมากรุกกับลูกชายสองคน ส่วนเด็กอีกสองคน คนหนึ่งกำลังที่นอนก้ม ๆ เงย ๆ (หาเงา) กับอีกคนที่เดินเล่นไปเล่นมากับบานประตูอะไรสักอย่าง พวกเขามองด้วยความฉงนแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
พวกเขาไม่เข้าใจว่าการที่ผู้ใหญ่เล่นหมากรุกกับเด็กสองคนซ้ำ ๆ มันน่าสนุกตรงไหน
แต่ในเมื่อพวกเขาไม่เข้าใจจึงไม่ได้วิจารณ์อะไรออกมา
ในขณะที่เล่นหมากรุก หลิงตู้ฉิงถามบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างเขาว่า “เมื่อวานนี้พวกเจ้ามากันค่อนข้างดึก ข้าจึงยังไม่ได้ถามชื่อของพวกเจ้า เอาล่ะ เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าชื่อ เจี้ยนหนีฉาง” หญิงสาวอายุราว 14 หรือ 15 เอ่ยขึ้น
ถังชี่หยุนกระซิบข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงทันที “เจี้ยนหนีฉาง นางคือผู้เชียวชาญด้านการใช้พิษ แม้ว่าจะดูเหมือนอายุนางจะไม่ได้มาก แต่อันที่จริงนางอายุ 40 ปีแล้ว และครั้งหนึ่งนางยังเคยฆ่าล้างคนในเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งด้วยการวางยาพิษคน 323 คนจนตายทั้งหมด”
หลิงตู้ฉิงและทุกคนได้ยินคำพูดของถังชี่หยุน
เมื่อเจี้ยนหนีฉางเห็นหลิงตู้ฉิงส่งสายตามองนางด้วยความสนใจ นางยิ้มและพูดว่า “ผู้คนในเมืองเล็ก ๆ นั่นทุกคนล้วนแต่สมควรตาย!”
“ข้าชื่อไร้เงา!” นักฆ่าไร้เงาได้แนะนำตัวตามมา
เมื่อได้ยินไร้เงาแนะนำตัว ถังชี่หยุนจึงร่ายประวัติของไร้เงากับหลิงตู้ฉิงต่อ
หลังจากนั้นคนอื่น ๆ ก็เริ่มแนะนำตัวเอง เช่น นักดาบสาวที่สะพายดาบเล่มใหญ่ชื่อ เก๋าหง ชายร่างใหญ่ชื่อ ฉีจินสง และชายวัยกลางคนที่ดูซื่อสัตย์ชื่อ จู้กว่างเต๋อ
พวกเขาทั้งหมดมีจุดเด่นและจุดด้อยต่างกันไป บางคนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วไปแต่บางคนก็ไม่มีชื่อเสียงที่ชัดเจน
แน่นอนหลิงตู้ฉิงไม่สนใจรายละเอียดของพวกเขา เขาพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจประวัติเบื้องต้นของทุกคนแล้ว
หลังจากเล่นไปครู่หนึ่ง หลิงตู้ฉิงก็ถามไปยังเหล่าผู้คุ้มกันและบ่าวรับใช้ที่ยืนดูอยู่ “ใครเล่นหมากรุกเป็นบ้าง?”
จู้กว่างเต๋อยิ้มและพูดว่า “ท่านหลิง หมากรุกเป็นเกมง่าย ๆ ทุกคนต้องเล่นเป็นอยู่แล้ว”
“อย่างนั้นเจ้าก็เล่นหมากรุกกับพวกเขาแทนข้าไปก่อน ข้าจะไปดูคนที่อยู่ในสวนหลังบ้าน” เขายืนขึ้นแล้วเดินไป
จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ไม่มีใครอยากเล่นหมากรุกกับเด็กทั้งสองคนเท่าไหร่ เพราะถึงพวกเขาจะเอาชนะได้ มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอะไรสักเท่าไหร่นัก
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครต้องการเล่นหมากรุก เก๋าหงจึงพูดว่า “ข้าเอง!”
เพราะนางอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้คุ้มกัน นางจึงไม่กลัวที่จะเสียหน้าหากเป็นฝ่ายแพ้
แต่เมื่อเก๋าหงเริ่มเดินหมากกับหลิงยี่เทียนไปเพียง 30 ตาเดิน นางก็แพ้
หลิงยี่เทียนพูดอย่างมีความสุข “พี่สาวเก๋าหง ผู้แพ้ต้องวิ่งรอบลาน!”
หลิงยี่เทียนมีความสุขเล็กน้อยเพราะเขาแพ้หลิงตู้ฉิงมาตลอด ในที่สุดเมื่อเขาได้รับชัยชนะเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
เก๋าหงลุกขึ้นยืนอย่างเศร้าสลด เห็นได้ชัดว่านางกำลังจะชนะแล้วเชียว แต่ตอนท้ายนางกลับมาแพ้ได้อย่างไรนางยังไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตาม นางต้องทำตามกฎ เมื่อนางแพ้นางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องวิ่งรอบลานกลางเรือน
“ให้ข้าลองบ้าง!” ไร้เงานั่งลงบนเก้าอี้ทันทีแล้วพูดว่า “นายน้อย ท่านอย่าร้องไห้หลังจากแพ้ข้าล่ะ”
45 ตาเดินต่อมา ไร้เงาก็ขมวดคิ้วและวิ่งรอบลานกลางเรือน
“ต่อไปตาใคร?” หลิงอี้เทียนถามอย่างภาคภูมิใจ
จู้กว่างเต๋อและฉีจินสง พวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยสายตาจริงจัง ผู้ใหญ่สองคนจะไม่สามารถเอาชนะเด็กอายุ 4-5 ขวบได้อย่างไร? พวกเขาสังเกตว่าเก๋าหงประมาทเกินไป แต่พอถึงตาของไร้เงาพวกเขาเห็นได้ชัดเจนว่าไร้เงาพยายามเอาจริงแล้ว แต่ก็ยังพ่ายแพ้ไป
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นคนโง่ แต่เด็กสองคนนี้มีอะไรที่แปลกประหลาดกว่าเด็กปกติทั่วไปแน่นอน
จู้กว่างเต๋อพูดกับฉีจินสง “เจ้าเล่นก่อน!”
ฉีจินสงพยักหน้าและนั่งบนเก้าอี้ หลังจาก 73 ตาเดิน หลิงยี่เทียนถอนหายใจและพูดว่า “ข้าเกือบจะชนะอยู่แล้วเชียว! เอาล่ะตาพี่ว่านจุนแล้ว ข้าจะไปวิ่งรอบลาน”
ฉีจินสงไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่จู้กว่างเต๋อหายใจเข้าลึก ๆ
ตอนที่พวกเขาเห็นหลิงตู้ฉิงเล่นหมากรุกกับเด็กทั้งสองคน มันดูเหมือนว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย มันคล้ายกับว่าหลิงตู้ฉิงแค่เล่นหมากรุกกับเด็กทั้งสองคนนี้เพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อฉีจินสงได้เล่นหมากรุกกับหลิงยี่เทียน ความรู้สึกที่เขาเผชิญจากเกมหมากรุกธรรมดา ๆ มันกลับแปรเปลี่ยนทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้อยู่ในสนามรบ
นี่เป็นสิ่งที่เด็กปกติทำได้ ได้ยังไง?
จู้กว่างเต๋อถอนความรู้สึกดูถูกของเขากลับคืนมาและมองหลิงว่านจุนผู้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ตอนนี้จู้กว่างเต๋อมองไปยังกระดานหมากและเห็นว่าหลิงว่านจุนกับฉีจินสงเริ่มต้นด้วยการผลัดกันรุกและรับ ทั้งสองฝั่งต่างผลัดกันวางหลุมพรางล้อมหมากอีกฝ่ายกันอย่างแยบยล หลังจาก 54 ตาเดิน ฉีจินสงก็ถอนหายใจและลุกขึ้นไปวิ่งรอบลาน
จากนั้นจู้กว่างเต๋อนั่งลงบนเก้าอี้และเตรียมเริ่มกระดานใหม่โดยไม่พูดอะไรสักคำ
10 นาทีต่อมา หลิงว่านจุนส่งยิ้มให้จู้กว่างเต๋อ แล้วพูดว่า “ลุงจู้ ข้าคิดว่ารอบนี้เราเสมอกันนะ!”
จู้กว่างเต๋อถอนหายใจ และพูดว่า “นายน้อยว่านจุน หากท่านได้มีเวลาฝึกฝนมากกว่านี้อีกสักเล็กน้อย ข้าเกรงว่าผู้แพ้ต้องเป็นข้าแน่นอน”
หลิงว่านจุนยิ้ม “แต่สุดท้าย ผลมันก็ออกมาว่าเราเสมอกัน! ปู่โม่นัดต่อไป ข้าต้องการเล่นกับท่าน!”
หลิงว่านจุนเริ่มที่จะท้าทายโม่หยูถัง
โม่หยูถังหัวเราะและพูดว่า “นายน้อยว่านจุน แม้ว่าข้าจะไม่เก่งเท่ากับนายท่าน แต่สำหรับนายน้อย ท่านยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
หลังจากนั้นไม่นานโม่หยูถังและหลิงว่านจุนก็เริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ในขณะนี้ จู้กว่างเต๋อได้ละสายตาจากหลิงว่านจุน และกวาดสายตามองไปยังเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ในลานบ้าน
เขาได้สังเกตเห็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนว่าเขากำลังฝึกออกหมัดเล่นอยู่ และเด็กตัวเล็ก ๆ อีกคนที่นอนราบกับพื้นเหมือนกับคนบ้าที่กำลังมองหาอะไรอยู่บนพื้น? เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินช้า ๆ ผ่านเข้าผ่านออกประตูแปลก ๆ บานหนึ่ง? และเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อีกคนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างเขาเหมือนกำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาอะไรสักอย่างโดยไม่เคลื่อนไหว
เด็กชายที่กำลังออกหมัด นั่นเป็นแค่การออกกำลังกายหรือยังไง? และเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่ใกล้เขาทำไมนางถึงมีรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าเล็ก ๆ นั่น เขารู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจผู้คนในเรือนลึกลับแห่งนี้ ที่แห่งนี้มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจจนบอกไม่ถูก
หลิงตู้ฉิงที่มาถึงสนามหลังบ้านแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่เขาให้มี่ไลมาดูแลสวนหลังบ้านจะดีกว่าที่เขาคาดไว้ไหม ในตอนนี้เขามายืนข้าง ๆ มี่ไลแล้ว
เขามองไปที่มี่ไลที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและใช้ฝนฤดูใบไม้ผลิเพื่อหล่อเลี้ยงต้นไผ่เซียนสวรรค์
หลิงตู้ฉิงเปิดใช้งาน เรียกฝนฤดูใบไม้ผลิ ออกมาเช่นกัน จากนั้นสายฝนที่ดูหนาแน่นกว่าของมี่ไลก็พรมลงมาครอบคลุมทั้งสวนและรวมไปถึงจุดที่มี่ไลนั่งอยู่
มี่ไลซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวมานานก็เริ่มเปียกโชกไปด้วยฝนฤดูใบไม้ผลิที่หลิงตู้ฉิงเรียกใช้ ร่างกายของนางเริ่มมีอาการสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มมีไอน้ำค่อย ๆ เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของมี่ไล