พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 37 นักฆ่าคนสุดท้าย[รีไรท์]
บทที่ 37 นักฆ่าคนสุดท้าย[รีไรท์]
อันที่จริงหลิงตู้ฉิงสัมผัสได้ถึงพิษมานานแล้วก่อนจานอาหารที่ใส่โรสมาร์เวลจะมาถึง แต่เขาจงใจที่จะไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นว่าเจี้ยนหนีฉาง และบรรดาคนที่มี่ตั้วตั้วส่งมาแสดงความมั่นใจจนเกินพอดี หลิงตู้ฉิงจึงจงใจให้บทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่พวกเขาเพื่อให้หลาบจำ
การให้คนกลุ่มนี้ทนทุกข์อยู่พักหนึ่งก็เพื่อสอนบทเรียนและในขณะเดียวกันก็กระตุ้นคุณสมบัติยาพิษทางอ้อมเพื่อยกระดับการบ่มเพาะให้พวกเขา
โม่หยูถังส่ายหัวและถอนหายใจ “ข้าชื่นชมความรู้ทางยาพิษของนายท่านยิ่งนัก!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและปฏิเสธที่จะยอมรับคำพูดของโม่หยูถัง “นี่เป็นเพียงวิธีการใช้ฤทธิ์ของยาพิษมาหักล้างและส่งเสริมกันเท่านั้น มันไม่มีอะไรที่พิเศษเลย”
ในขณะนี้เจี้ยนหนีฉางผู้น่าสงสารได้เข้ามาโค้งคำนับอย่างลึกซึ้งแกมขอร้องกับหลิงตู้ฉิง “นายท่านได้โปรดชี้แนะเต๋าแห่งพิษให้แก่ข้าด้วยเถอะ”
“ข้าไม่สามารถชี้แนะเจ้าได้” หลิงตู้ฉิงกล่าวอย่างจริงจังว่า “เจ้ายังไม่รู้แม้กระทั่งคุณสมบัติของพิษเลยด้วยซ้ำ แล้วจะให้ข้าชี้แนะเจ้าได้ยังไง เรื่องพื้นฐานแบบนี้เจ้าควรเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
“การใช้พิษเป็นเพียงศาสตร์เล็ก ๆ ที่แตกแขนงมาจากศาสตร์การแพทย์ เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกมาก ส่วนพื้นฐานด้านสมุนไพรเจ้าสามารถเรียนรู้จากหวงยี่เฟยได้ ในด้านความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคุณสมบัติของสมุนไพร หวงยี่เฟยนับได้ว่ามีความรู้มากกว่าเจ้ามาก”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เจี้ยนหนีฉางรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย
นางรู้ว่าระดับของนางอยู่ไกลจากหลิงตู้ฉิงมาก
นี่เป็นเพราะหลิงตู้ฉิงไม่เพียงแต่แก้พิษได้เท่านั้น แต่ยังรู้ถึงหลักการของคุณสมบัติของพิษทำงานร่วมกันได้อย่างไร เขาเปลี่ยนพิษให้เป็นยาบำรุง เขาทำให้การฝึกฝนของผู้ที่ได้รับพิษเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ วิธีการดังกล่าวอยู่ในระดับของปรมาจารย์เท่านั้นที่จะทำได้
หากนางโชคดีได้รับคำชี้แนะจากหลิงตู้ฉิง ก็กล่าวได้ว่านางโชคดีไปสามชั่วชีวิต
มันน่าเสียดายที่นางไม่มีคุณสมบัตินั้นในตอนนี้! ตอนนี้นางต้องเรียนรู้พื้นฐานใหม่ด้วยตัวเอง หรือไปขอคำชี้แนะจากนักหลอมโอสถหวงยี่เฟย
ในขณะนี้จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ ต่างมองตากัน พวกเขาไม่กล้าดูถูกความสามารถหลิงตู้ฉิงอีกต่อไป และพวกเขาต่างคิดเช่นกันว่าพวกเขาควรจะขอคำชี้แนะจากหลิงตู้ฉิงดีไหม?
“พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม นักฆ่านั่นกำลังจะเข้ามาในห้องเร็ว ๆ นี้ พอมันเข้ามา หน้าที่ของพวกเจ้าคือรีบจับมันไว้แบบเป็น ๆ” หลิงตู้ฉิงสั่ง
จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ ตื่นเต้นทันที
แม้ว่าพิษของนักฆ่านี้จะยกระดับการบำเพ็ญขึ้นมาหนึ่งระดับ แต่ความเจ็บปวดราวกับลำไส้ถูกตัดลงยังคงฝังลึกอยู่ในใจ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการจับไอ้นักฆ่าเวรนี่มาแก้แค้นให้ได้!
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ก็มีชายสวมเครื่องแบบบริกรผลักประตูเข้ามา ชายผู้นั้นถามขึ้นว่า “นายท่านทั้งหลาย วันนี้พวกท่านพอใจกับอาหารของเราหรือไม่?”
ในพริบตาไร้เงาได้ขวางประตูที่เป็นทางหนีของบริกรเอาไว้
สำหรับจู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันรอบ ๆ และพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม “พอใจ! พวกเราทุกคนพอใจมาก!”
เนื่องจากหลิงตู้ฉิงกล่าวให้พวกเขาควรเตรียมพร้อมจับนักฆ่า พวกเขาจึงเดาว่าบริกรผู้นี้จะต้องเป็นนักฆ่าแน่นอน
ในเวลานี้บริกรที่เข้ามาได้แสดงอาการหวาดกลัว “ถ้าท่านพอใจก็ดีแล้ว เมื่อทุกท่านพอใจข้าขอลา…”
เจี้ยนหนีฉางพูดอย่างดุเดือด “อย่าเพิ่งไป ข้าอยากให้เจ้าอยู่บริการพวกเราก่อน!”
“ข้าน้อยขออภัย ข้าน้อยยังมีสิ่งอื่นให้ทำอีก” บริกรแสดงท่าทีหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
การแสดงท่าทีของบริกรเริ่มทำให้เจี้ยนหนีฉางและคนอื่น ๆ ลังเลว่าพวกเขาสงสัยคนผิดหรือเปล่า?
“พวกเจ้ารออะไรอยู่? รีบจับมันสักที!” หลิงตู้ฉิงสั่ง
เมื่อได้ยินที่หลิงตู้ฉิงสั่ง พวกเขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไปและพากันพุ่งเข้าไปจับบริกรทันที
เมื่อรู้ตัวว่าถูกเปิดโปง นักฆ่าที่ปลอมตัวเป็นบริกรก็ก้มลงและใช้มือขวาหยิบถุงยาพิษออกจากหลังของเขาและเขวี้ยงใส่กลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็หันหลังกลับและเตรียมพร้อมที่จะหลบหนีผ่านประตูที่ถูกไร้เงาขวางไว้
แม้จะไม่รู้ว่าตัวตนของเขาถูกเปิดโปงได้อย่างไร แต่เขาก็มั่นใจว่ากลุ่มคนที่ถูกวางยากลุ่มนี้ไม่มีทางหยุดเขาได้แน่นอน
น่าเสียดายที่นักฆ่าไม่รู้ว่าพิษในร่างกายของกลุ่มคนเหล่าพวกนี้ได้ถูกยับยั้งไว้แล้วและระดับการบ่มเพาะของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
เมื่อเขาปะทะกับไร้เงา สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาไม่สามารถหนีจากห้องนี้ได้ พวกผู้คุ้มกันที่เหลือได้ปล่อยคลื่นพลังวิญญาณโจมตีเป่าพิษทั้งหมดออกไปจากห้องและตะครุบตัวของนักฆ่าไว้ได้อย่างอยู่หมัด
“พูดมา! เจ้าเป็นใคร!” เจี้ยนหนีฉางถาม
หลิงตู้ฉิงโบกมือแล้วพูดว่า “พามันออกไปและทุบตีมันสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยฆ่าให้ตาย พิษในร่างกายของพวกเจ้ายังขับออกไม่ทั้งหมด ต้องรออีกครึ่งชั่วโมงพิษที่อยู่ในกายของพวกเจ้าถึงจะสลายไป”
“รับทราบ นายท่าน!” จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ พูดกันอย่างพร้อมเพรียง
พูดจบพวกเขาทั้งห้าจับนักฆ่าไปทุบตีตามคำสั่งของหลิงตู้ฉิงทันที
คำสั่งของหลิงตู้ฉิงนั้นค่อนข้างยุ่งยาก เพราะว่านักฆ่านั้นกุมตัวไว้อย่างแน่นหนาแล้ว ไม่ว่าใครในพวกเขาเพียงคนเดียวก็สามารถเอาชีวิตนักฆ่าผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย แต่หลิงตู้ฉิงกลับสั่งให้พวกเขาต้องรุมทุบตีก่อนถึงครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยฆ่า นี่มันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากและเสียเวลา
หลิงตู้ฉิงรอให้พวกจู้กว่างเต๋อออกไปก่อนที่จะเรียกลูก ๆ ของเขาเข้ามาและพูดว่า “เอาล่ะพวกเรากลับเรือนกันก่อน พ่อจะช่วยถอนพิษให้พวกเจ้า”
ไม่เพียงแต่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ต้องการขับพิษ แต่ผู้ใหญ่ตัวโต ๆ ก็ต้องการได้รับการขับพิษด้วยเช่นกัน
อาการของพวกผู้ใหญ่นั้นย่อมไม่น่าเป็นห่วงเท่าของพวกเด็ก ๆ เพราะพวกเขามีร่างกายที่แข็งแรงกว่าจึงสามารถต้านทานผลของยาพิษได้ดีกว่า
ร่างกายของเด็ก ๆ นั้นอ่อนแอเกินไป หากไม่รีบขับพิษออกจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของพวกเขา ส่วนเหตุผลที่หลิงตู้ฉิงบอกผู้คุ้มกันและคนรับใช้ให้ทุบตีนักฆ่าก่อนครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยสังหารนั้นเป็นเพราะตอนนี้เขาโกรธมาก
ระหว่างทางกลับเรือนไม่มีนักฆ่ากลุ่มอื่นมากวนใจอีกต่อไป เมื่อทุกคนถึงเรือนอย่างปลอดภัย หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มปรุงยาแก้พิษเพื่อรักษาทุกคน
หลังจากทุกคนล้างพิษเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็สั่งให้ทุกคนเข้านอน อย่างไรก็ตามมี่ไลไม่ได้พักผ่อน นางไปที่สวนหลังเรือนและใช้วิชาฝนฤดูใบไม้ผลิเพื่อหล่อเลี้ยงต้นไผ่เซียนสวรรค์ต่อ
ตอนนี้มี่ไลเริ่มเข้าใจนิสัยของหลิงตู้ฉิงมากขึ้น ตราบใดที่นางทำหน้าที่ของนางอย่างดีที่สุด นางก็จะได้รับผลประโยชน์กลับมาเช่นเดียวกัน
แม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงต้องการไผ่เซียนสวรรค์อายุ 3,000 ปี แต่การที่หลิงตู้ฉิงได้สั่งให้นางดูแลต้นไผ่เซียนสวรรค์เป็นพิเศษและไม่ลังเลที่จะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้นาง นางก็พอที่จะคิดได้ว่าภารกิจนี้ของนางนั้นค่อนข้างมีความสำคัญ
ในเวลานี้แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะยังไม่ได้เสน่ห์หาในตัวนางและนางยังไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับหลิงตู้ฉิง แต่นางเชื่อว่าประโยชน์อื่น ๆ ที่นางจะได้รับในอนาคตย่อมต้องมีมากมายมหาศาลแน่นอน
ดังนั้นนางวางแผนที่จะใช้เวลาน้อยลงในการพักผ่อนและใช้เวลาทั้งหมดของนางเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของไผ่เซียนสวรรค์ให้อายุครบ 3,000 ปีโดยเร็ว
ขณะที่นางทำงานในสวนหลังเรือน ผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ ก็ได้กลับมาถึงเรือน และเมื่อพวกผู้คุ้มกันตรวจสอบว่าบริเวณภายในเรือนทุกอย่างเรียบร้อยปกติดี พวกเขาทั้งหมดจึงแยกย้ายกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน
แม้แต่นักฆ่าที่เชี่ยวชาญอย่างไร้เงา ยังไม่สามารถรอดพ้นประสาทสัมผัสของหลิงตู้ฉิงได้ขณะที่พลางตัวอยู่ในบริเวณบ้าน แถมหลิงตู้ฉิงยังสามารถขยายสัมผัสการตรวจจับของเขาได้เป็นบริเวณกว้าง แล้วยังจะมีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะต้องเดินเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ เรือนอย่างไร้ความหมาย
ในเรือนหลิงทั้งหมด มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังคงตื่นอยู่
หนึ่งในนั้นคือมี่ไลซึ่งกำลังใช้ฝนฤดูใบไม้ผลิหล่อเลี้ยงต้นไผ่เซียนสวรรค์และสองคือหลิงตู้ฉิงที่กำลังพัฒนาเคล็ดวิชาการบ่มเพาะของเขาเองอยู่