พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 375 ข้าเคยสังหารบรรพบุรุษเจ้า
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่หนานกงหลิง ซึ่งยังคงคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ เขา และจ้องกลับไปที่หนานกงซ่งหยวน จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “อย่างน้อยในตอนนี้เจ้าก็ฝึกฝนมาจนถึงระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดังนั้นเจ้าควรจะเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า ‘แสงสุดขั้วคือความมืดในขณะที่ความมืดสุดขั้วคือแสงสว่าง’ ใช่ไหม?”
หนานกงซ่งหยวนพยักหน้า “ข้ารู้! แสงที่แท้จริงคือความมืดมิดและความมืดที่แท้จริงคือแสงสว่างที่แท้จริง นี่ท่านหลิงคงไม่ได้หมายความว่าความมืดภายในร่างกายของหลิงเอ๋อ เป็นผลมาจากพลังแห่งแสงภายในร่างของเขาใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ตอบคำถามของหนานกงซ่งหยวนแต่กลับพูดต่อว่า “แสงสว่างและความมืดเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันก็จริง แต่มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานะซึ่งกันและกันได้ ทั้งสองสิ่งนี้เป็นสองขั้วสุดขั้วของหยินและหยางเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันได้นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเต๋าคู่ ซึ่งร่างกายของหนานกงหลิงที่มีเต๋าคู่อยู่ภายในร่างของเขาเช่นนี้ พวกเจ้ากลับโง่เขลาต้องการที่จะลบเต๋าอีกขั้วหนึ่งของเขาออก เพื่อพยายามทำให้เขากลายเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์”
แม้ว่าหนานกงซ่งหยวนจะถูกดุ แต่เขาก็ไม่โกรธ
เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย เขารู้สึกเหมือนดั่งเขาเป็นยาจกที่จู่ ๆ ก็มีลาภก้อนโตหล่นลงมาทับศีรษะเขาซะอย่างนั้น
ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงสามารถเข้าใจคำพูดของหลิงตู้ฉิงได้บ้าง นี่เป็นการรวมตัวกันของเต๋าจนกลายเป็นเต๋าคู่จริง ๆ งั้นหรือ? แต่ทำไมเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินมันเลย? และในบันทึกของประวัติศาสตร์อันยาวนานของ ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีใครเคยเห็นบันทึกเช่นนี้มาก่อน?
“ท่านหลิง แล้วข้าจะทำยังไงดี?” หนานกงซ่งหยวนใช้คำพูดให้เกียรติโดยไม่รู้ตัว
หลิงตู้ฉิงกระตุกปากเล็กน้อยและพูดว่า “สถานการณ์ในตอนนี้ของเขา เนื่องจากมีทั้งแสงสว่างและความมืดในร่างกาย เขาจึงไม่สามารถฝึกฝนพลังแสงสว่างในร่างได้เพียงอย่างเดียวและเขาก็ไม่สามารถฝึกฝนพลังความมืดเพียงอย่างเดียวด้วยเช่นกัน หากเขาต้องการประสบความสำเร็จ เขาจำเป็นต้องฝึกฝนทั้งพลังแห่งแสงและพลังแห่งความมืดในเวลาเดียวกัน”
หนานกงซ่งหยวนยิ้มอย่างขมขื่น ดูเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้
ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะมีวิธีการบ่มเพาะพลังแห่งความมืดได้อย่างไร?
นอกจากนี้ เนื่องจากพลังทั้งสองเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ จึงไม่มีใครที่ฝึกฝนพลังแห่งความมืดที่สามารถอาศัยอยู่ที่ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ เพราะเหตุนี้หนานกงหลิง ผู้ซึ่งมีพลังแห่งความมืดในตัวจึงตกอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันของเขา
ทันใดนั้นหนานกงซ่งหยวนก็คิดถึงเรื่องที่หลิงตู้ฉิงยอมรับหนานกงหลิงเป็นศิษย์ เขาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสนใจ “ความหมายของท่านหลิงคือท่านสามารถฝึกฝนหลิงเอ๋อได้ใช่หรือไม่?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “ในเมื่อข้ากล้ารับเขาเป็นศิษย์ในนามของข้า ข้าก็ต้องมั่นใจว่าข้าสามารถเลี้ยงดูเขาได้อยู่แล้ว ว่าแต่เงื่อนไขของข้าล่ะ?”
หนานกงซ่งหยวนคิดถึงเงื่อนไขสองประการของหลิงตู้ฉิง ประการแรกคือต้องเก็บความลับของทะเลชางหมางไว้เป็นความลับและอาณาจักรนภาจรัสแสงจะต้องหลีกทางให้กับลูกของหลิงตู้ฉิงในอนาคต ประการที่สองคือตระกูลหนานกงจะต้องทำงานให้กับหลิงตู้ฉิง
พูดตรง ๆ เงื่อนไขทั้งสองนี้ค่อนข้างยากที่จะตกลง นี่เป็นเพราะตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาลงแรงไปมากกับอาณาเขตนภาเพื่อค้นหาความลับของทะเลชางหมาง
ผู้คนในโลกนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าในทะเลชางหมางนั้นมีความลับซ่อนอยู่และทุกคนก็พยายามค้นหาว่ามันคืออะไร สำหรับตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา หลังจากทำงานอย่างหนักมาตลอดพวกเขาก็ได้รับรู้ความลับมาเล็กน้อยเช่นกัน
แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะยอมวางมือไปง่าย ๆ ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นนี่มันคือความประสงค์ของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ความประสงค์ของตระกูลหนานกงของพวกเขาเพียงตระกูลเดียว ส่วนเรื่องที่ตระกูลหนานกงจะต้องคอยช่วยเหลือหลิงตู้ฉิงนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่ยิ่งตกลงได้ลำบาก
เมื่อมองไปที่สีหน้าที่ลังเลของหนานกงซ่งหยวน หลิงตู้ฉิงเผยรอยยิ้มและหันกลับมาพูดกับหนานกงหลิง “ในเมื่อปู่ของเจ้าตัดสินใจไม่ได้ งั้นข้าจะถามเจ้าแทนก็แล้วกัน หากข้ารับเจ้าเป็นศิษย์ของข้าและถ่ายทอดสุดยอดวิชาให้กับเจ้า เจ้าจะเชื่อฟังคำสั่งข้าหรือไม่? คำสั่งที่ในอนาคตข้าอาจจะสั่งให้เจ้ากำจัดตระกูลหนานกงของเจ้าทั้งตระกูลเพราะว่าพวกเขาไม่มีทางยอมหลีกทางให้กับข้า และพวกเขาจะต้องกลายเป็นศัตรูกับข้าในอนาคต?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนานกงซ่งหยวนก็รู้สึกใจหายและรีบมองไปที่หนานกงหลิง
หนานกงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น ก้มศีรษะลงและพูดอะไรไม่ออก พูดตามตรงเขาอยากคว้าโอกาสที่เขาจะได้ก้าวหน้าโอกาสนี้ไว้จริง ๆ อย่างไรก็ตามเขาจะสามารถต่อต้านตระกูลของตัวเองได้จริงหรือ? อย่าแม้แต่พูดถึงความจริงที่ว่าตระกูลได้ให้กำเนิดเขาและเลี้ยงดูเขามา ถ้าเขาไม่ได้รับการปกป้องจากตระกูล เขาอาจจะถูกฆ่าตายไปนับครั้งไม่ถ้วนเพราะพลังแห่งความมืดที่เขามี ดังนั้นเมื่อเผชิญสถานการณ์เช่นนี้เขาจะตอบตกลงได้อย่างไร? ความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใจได้
เมื่อเห็นว่าหนานกงหลิงนั้นก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ หลิงตู้ฉิงจึงพูดขึ้นว่า “หากเจ้ากำจัดพวกเขาไม่ได้ ถ้างั้นเจ้าก็เหลือแค่ทางเลือกเดียวคือต้องปรามพวกเขาเอาไว้ เจ้าเข้าใจไหม? เพราะว่าข้าสามารถบอกเจ้าได้เลย ไม่ว่าคนในตระกูลเจ้าคนไหนที่บังอาจมาขวางทางลูกของข้า คนของตระกูลเจ้าผู้นั้นมันจะต้องตายแน่นอน!”
หนานกงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่มีความแข็งแกร่งอะไรมากมายถึงขนาดนั้น ตระกูลของข้าไม่มีทางที่ยอมฟังข้าหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าควรจะฝึกฝนจนแข็งแกร่งให้มากพอ เจ้าควรแข็งแกร่งจนถึงจุดที่หากมีใครกล้าท้าเจ้า เจ้าก็สามารถทุบตีพวกเขาจนไม่กล้าเถียงเจ้าได้อีกต่อไปก็แค่นั้น”
“ข้าทำได้จริงงั้นเหรอ?” หนานกงหลิงถามอย่างไม่แน่ใจ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ตราบใดที่เจ้าต้องการ ตราบใดที่เจ้าตั้งใจฝึกฝนให้หนักมากพอ เจ้าก็ทำได้!”
“งั้นข้าคงพูดได้แค่ว่า ข้าจะทำให้ดีที่สุด!” การแสดงออกของหนานกงหลิงค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นเด็ดเดี่ยว
หนานกงซ่งหยวนเฝ้าดูทุกอย่างจากด้านข้าง ด้วยความรู้สึกขัดแย้งในใจจนเขาไม่รู้ว่าควรปล่อยให้หนานกงหลิงตกลงกับหลิงตู้ฉิงหรือไม่?
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นับแต่นี้ไปข้าจะยอมรับว่าข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า!” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้าพึงพอใจ “จำไว้ว่าเจ้าเป็นเพียงศิษย์ในนามของข้า ไม่ใช่ศิษย์สายหลัก แม้ว่าเจ้าจะมีเต๋าคู่แต่เจ้าก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นศิษย์ที่แท้จริงของข้า!”
“ศิษย์ขอคารวะ อาจารย์!” หนานกงหลิงโค้งคำนับอย่างเคารพทันที
หนานกงซ่งหยวนที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจ เขาไม่ได้หยุดพวกเขา และที่สำคัญหนานกงหลิงได้เลือกทางเดินของเขาเองเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งมันก็ทำให้เขาอยากเห็นเช่นกันว่าสุดท้ายแล้วในอนาคตมันจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน
หลิงตู้ฉิงยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้หนานกงหลิง และพูดว่า “ตามข้ามา!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันกลับไปและเข้าไปในสวนหลังเรือน
หนานกงหลิงมองไปที่หนานกงซ่งหยวน และจากนั้นจึงเดินตามหลิงตู้ฉิงเข้าไป
เมื่อเข้าด้านในสวน หนานกงหลิงมองไปที่หลิงตู้ฉิง ซึ่งยืนเอามือไพล่หลังมองมายังเขาด้วยสายตาตรวจสอบ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมหลิงตู้ฉิงถึงเรียกเขามา
หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นกับเขาด้วยน้ำเสียงคำสั่งว่า “จงให้จิตสำนึกที่อยู่ในร่างออกจากร่างของเจ้าไปซะ”
หนานกงหลิงไม่รู้ว่าจิตสำนึกคืออะไร และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
หลิงตู้ฉิงก็ส่ายหัวทันที “ไม่เป็นไร ในเมื่อไม่ต้องการที่จะออกมาก็ไม่เป็นไร!”
หลังจากนั้นเขาก็กดนิ้วลงบนหน้าผากของหนานกงหลิง จากนั้นหนานกงหลิงก็หลับไปและร่างของหลิงตู้ฉิงก็ปรากฏในห้วงความฝันของหนานกงหลิง
“เจ้าจะแอบดูข้าสอนลูกศิษย์ของข้ายังงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงมองไปที่ร่างที่ปรากฏขึ้น
เงาที่อยู่ในห้วงความฝันยิ้มและพูดขึ้น “หนานกงหลิงเป็นผู้เยาว์ในสำนักของข้า มันก็ไม่เห็นจะแปลกที่ข้าต้องระวังไม่ให้เขาถูกเอาเปรียบ แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะสามารถใช้วิชาห้วงนิทราแห่งราชันย์ได้ ข้าสงสัยว่าท่านพอจะบอกกับข้าได้ไหมว่าใครถ่ายทอดมันให้กับท่าน?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าเจ้าจำได้ไหมว่า ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเมื่อในอดีตมีธิดาสวรรค์อยู่คนหนึ่งที่โดดเด่นมาก แถมนางยังเชี่ยวชาญในการใช้วิชาเสียงเพรียกหาแห่งสวรรค์”
“และในตอนนั้นนางได้ใช้มันเพื่อหว่านเสน่ห์ใส่ข้าและข้าก็ฆ่านาง หลังจากนั้นบรรดาตาแก่ของสำนักเจ้าสามคนต่างก็วิ่งเต้นไปทั่ว สร้างความรำคาญให้กับข้าเป็นอย่างมาก และผลสุดท้ายตาแก่ของพวกเจ้าก็ถูกข้าปล่อยหมัดออกไป 3 ครั้งและกำจัดตาแก่ทั้งสามของพวกเจ้าที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิสลายหายไปเป็นผุยผง เอาล่ะตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าข้าเป็นใคร?”
เมื่อฟังจนหลิงตู้ฉิงพูดจบ เงาของชายตรงข้ามก็วิ่งหนีโดยไม่ตอบกลับอะไรแม้แต่คำเดียว
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาย่อมรู้เกี่ยวกับเรื่องราวในบันทึกของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันทำให้เขารู้ว่าตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร
เขาไม่เคยคาดคิดว่าคน ๆ นั้นจะปรากฏตัวขึ้น นี่เป็นข่าวที่สามารถเปลี่ยนสวรรค์และสั่นคลอนโลกได้เลย
ถ้าหากเขานำข่าวนี้กลับไปได้…
อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าบอกให้เจ้าออกไปดี ๆ ตั้งแต่แรกแต่เจ้ากลับปฏิเสธ แล้วตอนนี้กลับคิดจะมาหนีไปง่าย ๆ เช่นนั้นเหรอ?”
หลังจากพูดจบ พื้นที่ทั้งหมดในห้วงความฝันก็เปล่งแสงสีแดงคล้ายโลหิตและจากนั้นร่างเงาที่กำลังพยายามหนีหลิงตู้ฉิงก็ถูกสลายร่างหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่หลงเหลืออะไรไว้แม้แต่น้อย
“เป็นเพียงแค่จิตสำนึกเล็ก ๆ กลับกล้าที่จะมาแอบดูข้าสอนศิษย์ข้างั้นเหรอ? รนหาที่ตาย!” หลิงตู้ฉิงปล่อยสบถด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก จากนั้นเขาก็ถอนเจตจำนงฆ่าของเขาและออกจากห้วงความฝันของหนานกงหลิง
เมื่อเผชิญกับจิตสำนึกของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ เพียงแค่หลิงตู้ฉิงใช้จิตสังหารเพียงอย่างเดียวมันก็เพียงพอที่จะทำลายจิตสำนึกระดับนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น