พ่อเลี้ยงยอดเซียน - บทที่ 427 ปรับแต่งหม้อเอกภพ
เหลียงเฟ่ยเอ๋อนั่งอยู่ตรงข้ามหลิงตู้ฉิง พร้อมกับมองไปที่หม้อสามขาที่ดูบิดเบี้ยวเหมือนกับถูกสร้างมาอย่างลวก ๆ ที่อยู่ตั้งอยู่ตรงหน้าหลิงตู้ฉิงที่กำลังแสดงสีหน้าจริงจัง ด้วยสีหน้าสงสัยเป็นอย่างมาก
หม้อประหลาดที่น่าเกลียดอันนี้มันคืออะไรกัน?
แล้วทำไมสามีของนางต้องทำหน้าตาขึงขังเช่นนี้ด้วย?
“สามี นี่มันคืออะไรงั้นเหรอ?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงดันหม้อเอกภพมาทางเหลียงเฟ่ยเอ๋อ แล้วพูดว่า “เจ้ายังจำเคล็ดวิชาการบ่มเพาะที่ข้าสอนเจ้าได้ไหม?”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อยิ้มและพูดว่า “แน่นอนข้าต้องจำได้อยู่แล้ว ร่างกายแก่นแท้ปฐพีใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “แต่เดิมข้าวางแผนไว้ว่าจะหาหินแก่นแท้ปฐพีมาให้เจ้าหลอมรวมมันเข้ากับร่างกายแก่นแท้ปฐพีของเจ้า เพื่อให้เจ้าสร้างหม้อกำเนิดพิภพในร่างของเจ้าได้ ซึ่งมันคือจุดสูงสุดของวิชาที่ข้ามอบให้เจ้า”
“แต่แล้วด้วยความโชคดีในตอนที่ข้าอยู่ในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ข้าได้รับผลึกสวรรค์โกลาหลมา”
“จากนั้นข้าจึงใช้มันสร้างหม้อเอกภพใบนี้ขึ้นมา ซึ่งถ้าหากเทียบมันกับหม้อกำเนิดพิภพที่ข้าวางแผนจะให้เจ้าสร้าง หม้อเอกภพใบนี้นับได้ว่าเหนือกว่ามาก เนื่องจากภายในมันนั้นมีพลังของหยินหยางมากกว่า ดังนั้นสิ่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเจ้าและทุกคนในครอบครัวของเรา”
“เพราะหลังจากที่เจ้าหลอมรวมหม้อเอกภพให้เป็นสมบัติชะตาชิวิตของเจ้าแล้ว และเมื่อมันรวมกับร่างกายแก่นแท้ปฐพีของเจ้า มันจะส่งผลให้หม้อเอกภพดลบันดาลโชคลาภให้กับเจ้าและผู้คนที่อยู่รอบกายของเจ้าได้”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อกลืนน้ำลายและมองไปที่หม้อเอกภพอย่างตื่นเต้น และตกตะลึงในเวลาเดียวกัน
หม้อที่บิดเบี้ยวใบนี้สามารถอำนวยพรให้กับคนรอบกายของนางได้ด้วยงั้นเหรอ? นี่มันคือความสามารถแบบไหนกัน?
“สามี…” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดไม่ออก
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างจริงจังว่า “เหตุผลที่ข้าบอกเจ้าเรื่องเหล่านี้ก็เพราะข้าหวังว่าเจ้าจะใช้พรที่เจ้าได้รับเพื่อประโยชน์ของตัวเองก่อน และเจ้าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด แม้ว่าจะเป็นบรรดาลูก ๆ ก็ตาม หรือต่อให้เจ้าบันดาลโชคลาภให้กับใคร เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้พวกเขารู้ตัว และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนอกจากคนของพวกเราแล้วเจ้าจงอย่าให้คนอื่นรู้ถึงเรื่องนี้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นหายนะครั้งใหญ่มันจะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วสามี!”
“ส่วนเหตุผลที่หม้อนี้มันดูบิดเบี้ยวก็เป็นเพราะว่าข้าสร้างมันอย่างเร่งรีบเกินไป” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้าเขิน ๆ “แต่เดี๋ยวตอนนี้ข้าจะปรับแต่งมันให้เจ้าใหม่ จากนั้นเจ้าค่อยหลอมรวมมันกับร่างกายของเจ้าเพื่อสร้างให้มันเป็นสมบัติชะตาชชีวิตของเจ้าอีกที”
“ขอบคุณสามี!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อรีบพูด
ไม่นานหลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงก็เริ่มปรับแต่งหม้อเอกภพ
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่หลิงยี่เทียนกลับมาที่วัง เขาก็เริ่มเตรียมการสำหรับการบรรยายของหลิงตู้ฉิงที่กำลังจะจัดขึ้น
เขารู้ดีว่าคำสอนของหลิงตู้ฉิงนั้นจะส่งผลให้ความแข็งแกร่งของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเพิ่มมากขึ้น
แต่ปัญหาก็คือเขามีผู้ใต้บังคับบัญชามากเกินกว่าที่จะให้ทุกคนคนร่วมฟังบรรยายได้ ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการคัดเลือกให้ดี
“ปู่โม่ ข้ารบกวนท่านส่งข่าวไปแจ้งพี่ใหญ่และพี่สี่ของข้าให้พวกเขารีบกลับมาที่นี่ที บอกกับพวกเขาด้วยว่าท่านพ่อกลับมาแล้วและกำลังเตรียมที่จะเปิดการบรรยาย” หลิงยี่เทียนพูดกับโม่หยูถัง “จากนั้นท่านจงไปแจ้งกับเหล่าเสนาบดีที่ไว้ใจได้ทั้งหมดว่าพ่อของข้าจะเปิดการบรรยายที่คฤหาสน์สราญรมย์ และแจกจ่ายที่นั่งการเข้าฟังให้กับพวกเขา 200 ที่นั่ง”
โม่หยูถังหัวเราะ “ไม่มีปัญหา ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ แต่ฝ่าบาทจะให้ข้าสักสองที่นั่งได้ไหม?”
ในฐานะพ่อบ้านของหลิงตู้ฉิง เขาเองได้รับอนุญาตให้เข้าและออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ได้อยู่แล้ว เขาต้องการสองที่นั่งนี้ให้สำหรับคนอื่น
หลิงยี่เทียนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ปู่โม่จะให้ลูกศิษย์ทั้งสองของท่านใช่ไหม? ไม่มีปัญหาเมื่อถึงเวลาเพียงแค่นำคนเข้ามาก็พอ”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” โม่หยูถังหัวเราะ “งั้นกระหม่อมขอทูลลา!”
เมื่อพูดจบ โม่หยูถังก็ออกจากเมืองหลวงมุ่งหน้าไปยังแนวหน้าทันทีเพราะหลิงยู่ชานและหลิงว่านจุนต่างก็อยู่แนวหน้าสุดของการสู้รบ
หลิงยี่เทียนเคาะโต๊ะและพึมพำกับตัวเอง “ในเมื่อท่านพ่อจะเปิดบรรยายแบบนี้งั้นข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชะลอการเดินทัพลงชั่วคราว และให้เกาหยูกับจิ๋นชานกลับมาที่นี่ด้วยล่ะนะ ข้าจะปล่อยให้พวกเขาพลาดการบรรยายนี้ไม่ได้”
หลังจากนั้น หลิงยี่เทียนก็ส่งคนออกไปแจ้งข่าวให้กับเกาหยูและบรรดาศิษย์ของศาลาศักดิ์สิทธิ์ทุกคนที่หลิงตู้ฉิงเคยสอนพวกเขามาก่อน เนื่องจากคนเหล่านั้นได้รับการทดสอบจากพ่อเขาเป็นการส่วนตัวมาแล้ว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าพวกเขานั้นมีความสามารถที่อยู่เหนือผู้อื่นและมีค่าพอที่จะให้เขาสนับสนุน
หลังจากส่งคนออกไปเสร็จ หลิงยี่เทียนก็ใช้คริสตัลสื่อสารของเขาและพูดกับหลิงเจิ้งสงว่า “ท่านปู่ทวด ข้าจะให้ท่าน 10 ที่นั่ง เพื่อฟังการบรรยายของท่านพ่อที่คฤหาสน์สราญรมย์ ส่วนเวลาข้อจะแจ้งให้ทราบอีกทีในภายหลัง”
“ทำไมให้แค่ 10 ที่นั่งเอง?” หลิงเจิ้งสงถามอย่างร้อนรน
“ท่านปู่ทวด ท่านก็น่าจะรู้ว่ามีคนจำนวนมากต้องการฟังบรรยาย ซึ่งการให้พวกท่านถึง 10 ที่นั้นมันก็มากกว่าที่ข้าให้กับผู้คนอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้ว” หลิงยี่เทียนตอบกลับ
“เฮ้อ ถ้าเช่นนั้นสิบก็สิบ!” หลิงเจิ้งสงทำอะไรไม่ถูก
หลังจากหลายปีผ่านไป ตระกูลหลิงได้กลายเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่สุดของอาณาจักรจันทรา
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของพวกเขาที่มีในราชสำนักนั้นกลับมีเพียงเล็กน้อยและผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับก็ไม่ค่อยจะได้อะไรมากนัก นอกจากหลิงฉุยฟงแล้วมีเพียงหลิงเจิ้งสงเท่านั้นที่ได้รับผลประโยชน์บ้างบางอย่าง
ส่วนสถานะของคนอื่น ๆ ที่อยู่ในตระกูลหลิงนั้นพวกเขาไม่ได้มีสิทธิพิเศษใด ๆ เหนือไปกว่าขุนนางของตระกูลอื่น ๆ
สถานการณ์แบบนี้ทำให้หลิงเล่อชานและคนอื่น ๆ ในตระกูลต่างถอนหายใจอย่างไม่รู้จบ
อันที่จริงหากพวกเขาไม่มีพ่อหรือหลิงเจิ้งสงที่คอยสนับสนุนพวกเขา สถานะของพวกเขาจะยิ่งเลวร้ายมากไปกว่านี้หลายเท่า เนื่องจากการกระทำในอดีตของพวกเขาที่ไม่เคยปรากฎตัวออกมาสนับสนุนหลิงตู้ฉิงเลยสักครั้ง
หลังจากที่หลิงยี่เทียนแจ้งให้หลิงเจิ้งสงทราบแล้ว เขาก็แจ้งไปยังตระกูลมี่และตระกูลจ้าวให้ทราบต่อตามลำดับ
เมื่อแจ้งข่าวครบทุกตระกูล เขาก็ไปที่ตำหนักนางสนมและพูดกับจูเหยียนและเหม่ยจู้ว่า “พวกเจ้า อย่าพึ่งปิดด่านเก็บตัวบ่มเพาะ อีกไม่นานท่านพ่อของข้าจะทำการบรรยายที่คฤหาสน์สราญรมย์ ข้าต้องการให้พวกเจ้าไปเข้าร่วมด้วย”
จูเหยียนและเหม่ยจู้หัวเราะ “เพคะฝ่าบาท พวกเราจะไม่พลาดแน่นอน”
แต่แล้วเมื่อนางสนมคนอื่น ๆ ได้รับข่าวนี้เช่นกัน พวกนางต่างก็พากันไปขอเข้าเฝ้าหลิงยี่เทียนทันทีเพื่อขอที่นั่งในการฟังบรรยาย
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ หลิงยี่เทียนถึงกับรู้สึกปวดหัว อย่างไรก็ตามความวุ่นวายมันก็ไม่ได้จบแค่นั้น เนื่องจากบรรดาข้าราชบริพารหลายคนที่เริ่มได้รับข่าวเช่นกัน พวกเขาต่างก็พากันมาอ้อนวอนขอที่นั่งทั้งอย่างเปิดเผยและแอบขอที่นั่งอย่างลับ ๆ ซึ่งมันทำให้หลิงยี่เทียนกังวลจนไม่รู้จะทำอย่างไรกับจำนวนผู้เข้าร่วมที่มากขึ้นขนาดนี้